ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1504 ซีเท่านั้นที่รักษาได้
ท่านปู่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่รบกวนเลย ไม่ได้รบกวนอะไรเลย! นี่มันเป็นงานอดิเรกเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้า พวกเจ้าอย่าได้เกรงใจเป็นอันขาดเชียวล่ะ!”
เซียวเหยากล่าว “พวกเราจะไม่เกรงใจท่านได้อย่างไรกับละเจ้าคะ! ท่านปู่ของนายท่านก็นับว่าเป็นท่านปู่ของข้าเช่นกันเจ้าค่ะ!”
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ อาหารเหล่านี้ของท่านปู่ได้รับความชื่นชอบอย่างครึกครื้นเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ทุกคนเริ่มแย่งชิงกันกินอาหารกันแล้ว และจิ่วเยี่ยเองก็เริ่มแล้วเช่นกัน
นี่คือการแข่งขันกินอย่างสมบูรณ์ว่าผู้ใดจะกินได้มากกว่า เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “นี่ของข้า อวี้ เจ้าห้ามแย่งข้าเด็ดขาดนะ!”
เซียวเหยาเองก็ไปแย่งชิงอาหารที่จวินโม่ซี “ท่านนักปรุงยาจวิน นี่ของข้า”
“ของข้า ของข้า!”
เนื่องจากความฮึกเหิมของการแย่งชิงกันเช่นนี้ พวกเขาจึงลืมรสชาติของอาหารไปเสียสนิท ภายในชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็กวาดอาหารบนโต๊ะกินจนเรียบ
ท่านปู่อารมณ์ดีมาก นี่เป็นครั้งแรกที่อาหารที่เขาทำได้รับความชื่นชอบมากเช่นนี้!
ส่วนมู่เฉียนซีกลับกำลังคิดว่า ประเดี๋ยวคงต้องปรุงยาย่อยอาหารเพิ่มแล้วล่ะ มิเช่นนั้นกระเพาะของพวกเขาคงรับไม่ไหวเป็นแน่
หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารนี้ไปแล้ว มู่เฉียนซีกับเฟิงฉีเอ๋อร์ก็ไปเดินเล่นกันที่สวนบุปผา
“อาหารดำไหม้เหล่านั้นของท่านปู่ไปเรียนรู้มาจากที่ใดกัน?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความสงสัย
เฟิงฉีเอ๋อร์กล่าวอย่างทอดถอนใจ “เจ้านั่นไร้พรสวรรค์ ช่วยไม่ได้จริง ๆ!”
“ก็ใครใช้ให้ข้าชอบกินอาหารของพวกมนุษย์กันล่ะ เขาก็เลยคิดทุกวิถีทาง เพื่อที่จะทำของอร่อย ๆ ออกมาให้ข้ากิน แต่มันก็ไม่สำเร็จสักครั้ง แถมยังดึงดันมานานถึงเพียงนี้อีก” เฟิงฉีเอ๋อร์กล่าวอย่างจนปัญญา
“ดึงดันเพียงอย่างเดียวไม่ว่า นี่ยังมาทำร้ายคนอื่นอีก เพียงแต่ว่า…” จากนั้นเฟิงฉีเอ๋อร์ก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“เด็ก ๆ เหล่านั้นเห็นแก่หน้าซีเอ๋อร์ จึงยอมกินอาหารเหล่านั้นของท่านปู่เจ้าโดยไม่แสดงสีหน้าท่าทีอันใดออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใส่ใจเจ้ามาก ข้างกายซีเอ๋อร์มีสหายเช่นนี้ พวกเราก็วางใจ” เฟิงฉีเอ๋อร์กล่าวด้วยความโล่งใจ
ในตอนนี้เอง ท่านปู่ก็เดินเข้ามา
เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ปู่อาลัยอาวรณ์เจ้ามาก แต่ปู่จำต้องจากดินแดนสี่ทิศไปแล้ว”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “ต้องจากไปอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
“พลังวิญญาณในดินแดนสี่ทิศเบาบางมาก ไม่เหมาะในการฟื้นตัวของฉีเอ๋อร์! อีกอย่าง จนถึงตอนนี้แล้วคนของเผ่าคำสาปยังไม่ยอมเลิกราตามหาตัวฉีเอ๋อร์ เนื่องจากนางมีคัมภีร์หมื่นคำสาปของเผ่ากิเลนอยู่”
“พวกเราอยู่ข้างกายเจ้านานไปกว่านี้ มีหวังต้องทำให้เจ้าลำบากแน่ ฉะนั้นพวกเราจำเป็นต้องจากไป”
เฟิงฉีเอ๋อร์กล่าวเสริม “อีกอย่างพวกเราก็ยังอดเป็นห่วงเฟิงอวิ๋นไม่ได้ แม้ว่าตั้งแต่เขาเกิดมาจะไม่เคยทำให้พวกเราต้องเป็นห่วงเลย แต่พวกเราก็ยังเป็นห่วงเขามากอยู่ดี!”
“แม้พวกเราจะไม่อาจเจอเขาได้อย่างโจ่งแจ้ง แต่พวกเราก็คอยตามหาข่าวของเขาได้อย่างลับ ๆ รู้ว่าเขาเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”
“เฮ้อ! รอให้ข้าหายดีเมื่อไร คนที่กล้ารังแกลูก ๆ ของข้าพวกนั้น ข้าจะทำให้พวกมันได้เห็นดี! ข้าจะตัดเนื้อพวกนั้นออกเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้สุนัขกัดกิน…”
เสียงไอ ค่อก ๆ ดังขึ้น “ฉีเอ๋อร์!” เมื่อเห็นภรรยาของตนเองเผยความโกรธออกมาเช่นนี้ ท่านปู่ก็รีบส่งเสียงเตือนขึ้นทันที
มู่เฉียนซีกล่าวเห็นด้วย “แม้ว่าข้าจะอาลัยอาวรณ์ท่านปู่กับท่านย่ามาก แต่ดินแดนสี่ทิศก็ไม่เหมาะในการฟื้นตัวของท่านย่าจริง ๆ!”
“ในเมื่อซีเอ๋อร์อาลัยอาวรณ์เช่นนี้ เช่นนั้นปู่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้ากินอีกสักมื้อ”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น เรื่องนี้นางรับไม่ได้จริง ๆ
นางยิ้มพลางกล่าว “ท่านปู่! เรื่องเตรียมของอำลาข้าต่างหากล่ะที่ควรจะต้องเป็นคนจัดเตรียม และจะจัดเตรียมยาลูกกลอนให้พวกท่านด้วย พวกท่านจะได้เก็บไว้เสริมกำลัง”
นางมองหน้าพวกเขาแวบหนึ่ง “รอข้าประเดี๋ยว ห้ามชิงหนีไปเสียก่อนละเจ้าคะ”
มู่เฉียนซีหลอมยาลูกกลอนออกมาอย่างรวดเร็วมาก
ตอนนี้พลังจิตของนางแข็งแกร่งขึ้นมาก และคุณภาพของยาลูกกลอนนี้จึงน่าทึ่งมากเช่นกัน
จากนั้นนางก็เริ่มเตรียมอาหารมื้อค่ำ และเมื่อจวินโม่ซีได้ข่าวนี้ก็ตื่นเต้นขึ้นจนแทบจะร้องไห้
“สาวน้อยลงมือทำอาหารเองเช่นนี้ ไม่มีทางจะเสียเปล่าเหมือนมื้อที่แล้วแน่นอน!”
ความสุขกำลังมาเยือน!
ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารออาหารมื้อค่ำมื้อใหญ่นี้
นี่มันช่างเป็นความแตกต่างราวกับฟ้ากับเหวจริง ๆ!
ท่านปู่ไม่สบอารมณ์ขึ้นแล้ว เขากล่าวพลางร้องไห้ออกมา “ฮือ ๆ ๆ! ซีเอ๋อร์ ปู่รู้สึกว่าปู่ใช้ชีวิตมาอย่างไร้ประโยชน์แล้ว อาหารที่ปู่ทำนั้น รสชาติสู้ซีเอ๋อร์ไม่ได้เลยสักนิด”
เฟิงฉีเอ๋อร์พอใจกับการกินอาหารมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง นับว่าเป็นความโชคดีของนางที่หลานสาวผู้นี้ไม่ได้มีฝีมือทำอาหารแย่เหมือนกับท่านปู่ของนาง
ฮือ ๆ ๆ! ช่างอร่อยเกินไปแล้วจริง ๆ นางเริ่มรู้สึกไม่อยากจะจากไปแล้วสิ
แต่สุดท้ายก็จำต้องจากไปอยู่ดี เผ่าคำสาปนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก และในตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะเผชิญหน้าฝืนสู้รบกับพวกนั้นได้
หลังจากกินอิ่มหนำสำราญ มู่เฉียนซีก็ได้พูดคุยกับท่านปู่ท่านย่าของนางครู่หนึ่ง
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ ในที่สุดท่านปู่ก็กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“เจ้าหนุ่มจิ่วเยี่ย ห้ามรังแกซีเอ๋อร์ของข้าเป็นอันขาด”
จิ่วเยี่ยโอบไหล่มู่เฉียนซีพลางกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว!”
ท่านปู่อุ้มเฟิงฉีเอ๋อร์ไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็กระโจนตัวขึ้นไปและลอยตัวไปกลางอากาศ
ความแข็งแกร่งของเขาสามารถข้ามทะลุผ่านไปยังแดนซวนเทียนได้
มู่เฉียนซีมองเงาที่จากไปของพวกเขา และกล่าวกับจิ่วเยี่ยว่า “จิ่วเยี่ย จากนี้ไปข้าจะเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ! ข้าจะทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดและไปแดนซวนเทียนให้ได้”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
“เพียงแต่ว่า ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย! ก่อนที่ซีจะเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ เจ้าช่วยรักษาอาการป่วยให้ข้าก่อนได้หรือไม่?”
มู่เฉียนซีมองจิ่วเยี่ยอย่างพิจารณาและกล่าวว่า “เจ้าไม่สบายเหรอ! เหตุใดข้าถึงดูไม่ออกเลย”
จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีเดินกลับเข้าไปในห้อง เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ดูเพียงผิวเผินจะดูออกได้อย่างไรกันล่ะ ข้าต้องถอดหมดต่างหากล่ะ ซีถึงจะดูออก”
“เจ้า…นี่เรียกว่าป่วยเสียที่ไหนกันเล่า?” มองดูรูปร่างของจิ่วเยี่ย มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นแล้ว
“ป่วยแน่นอน และมีเพียงซีเท่านั้นที่รักษาได้” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางก้มลงมา
เช้าวันต่อมา มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
คนป่วยได้หายป่วยแล้ว ส่วนนาง น่าสังเวชยิ่งนัก
มู่เฉียนซีกัดฟันกรอดพลางกล่าว “หวงจิ่วเยี่ย เจ้าสารเลว!”
มู่เฉียนซีรู้ว่าเขาได้ไสหัวกลับไปที่แดนนรกแล้ว
ยังมีคัมภีร์หมื่นคำสาปอีกส่วนที่ขาดอยู่ นั่นก็คือส่วนที่อยู่ในเผ่าหงส์ หากหาเจอได้เร็วที่สุด คำสาปดำมืดนั่นก็ไม่มีทางทำร้ายจิ่วเยี่ยได้อีกต่อไปแล้ว
ต่อมา มู่เฉียนซีก็ทิ้งภาระหน้าที่ไว้ให้คนข้างหลัง ส่วนตนเองเก็บตัวฝึกบำเพ็ญไป
ทุกคนต่างบ่นพร่ำรำพัน แต่อย่างไรแล้ว พวกเขาก็หวังให้มู่เฉียนซีแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
มู่เฉียนซีเข้าสู่มิติของศาลาเรือนรางเก้าชั้นเพื่อเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ มิติที่มีพลังวิญญาณเข้มข้นเช่นนี้ ทำให้นางฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ…
นางกำลังจะทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตแล้ว!
มู่เฉียนซีออกจากมิติของศาลาเรือนรางเก้าชั้นเพื่อจะทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิ แต่สุดท้ายนางก็พบถึงความผิดปกติ!
ท้องฟ้าเหนือหอหมอปีศาจ จู่ ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างไรอย่างนั้น
นี่นางกำลังจะทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิ ไม่ได้หลอมยาลูกกลอนอะไรหนิ เหตุใดถึงจะเกิดสายฟ้าฟาดได้
คนอื่นเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “เมฆอัสนีปรากฏขึ้นแล้ว! หรือว่าจะมีคนของหอหมอปีศาจจะทะลวงพลังข้ามดินแดนได้อีกแล้ว”
“ต้องใช่แน่ ๆ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีเอากลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋งมาจากเยี่ยเฉียได้ ก็ทำให้มีผู้อาวุโสพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดหลายคนที่สามารถทะลวงพลังข้ามดินแดนไปได้ ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
มู่เฉียนซีเองก็คิดเหมือนกับพวกเขา แต่เมื่อพลังวิญญาณฟ้าดินได้หลั่งไหลเข้ามาสู่ร่างของนาง และเมื่อสายฟ้าบนท้องฟ้าได้พลันเปลี่ยนเป็นมังกรสีเงินพุ่งลงมาที่นางนั้น มู่เฉียนซีก็ตกตะลึงขึ้น “เข้าใจอะไรผิดไปแล้วหรือไม่ อัสนีลงทัณฑ์บ้าไปแล้วหรือไง”
.