ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1511 องค์ชายเฟิงอวิ๋น
“พวกเจ้า! พวกเจ้ามันน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
ปัง ปัง ปัง! จางฉงโบกมือเล็กน้อย คนเหล่านั้นก็ถูกทำให้กระเด็นลอยออกไป
ศิษย์ของสำนักเหล่านี้กัดฟันกรอดในตอนที่ถูกโยนออกไป
“ฮือ ๆ ๆ พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ตายอย่างน่าสังเวชแล้ว!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีมาถึงนั้น ก็ได้เห็นโจรเหล่านี้ร้องไห้กันเสียงดังระงม มุมปากของนางจึงกระตุกขึ้นเล็กน้อย
“จะร้องไห้ทำไม ข้าดูเป็นอะไรไปง่าย ๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
และเมื่อพวกเขาเห็นร่างในชุดม่วงอันคุ้นเคยนั้นเข้า ทุกคนก็เกิดความงุนงงขึ้น
ศิษย์พี่หลิวผู้นั้นไม่อยากจะเชื่อสายตา “เจ้า…นี่เจ้ายังไม่ตาย เป็นไปได้ยังไง?”
มู่เฉียนซีกล่าว “คิดจะให้ข้าตาย ค่าตอบแทนที่ตกลงกันไว้เจ้าจะได้ไม่ต้องจ่ายอย่างนั้นเหรอ ช่างคิดเพ้อฝันเกินไปแล้ว”
ศิษย์คนอื่นของสำนักลั่วเยว่เองก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวผู้นี้จะหนีรอดพ้นเงื้อมมือของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่มาได้ นี่นางยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่!
อย่างไรเสียพวกเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า ความจริงแล้วมู่เฉียนซีไม่ได้หนีมา แต่นางยังกำจัดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่นั้นได้แล้วอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวกลับไปเถอะ! หลังจากกลับไปแล้วก็อย่าลืมส่งหยกซวนระดับสูงหนึ่งร้อยอันมาให้ข้าล่ะ ศิษย์สำนักใหญ่อย่างพวกเจ้า หวังว่าจะรักษาคำพูด!”
สีหน้าของศิษย์พี่หลิวย่ำแย่มาก เขากล่าว “พวกเราไปกันเถอะ!”
ในขณะที่พวกเขาหันหลังไปนั้น ชายชราในชุดคลุมยาวสีขาวก็ได้ปรากฏตัวขึ้น และกล่าวเตือนพวกเขา “พวกเจ้าทั้งหลาย ทำให้สำนักลั่วเยว่ของข้าอับอายขายหน้านัก”
การปรากฏตัวของชายชราผู้นี้ทำให้สีหน้าของคนเหล่านี้ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
“ผู้อาวุโสหู ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ผู้อาวุโสหูเป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจมากในสำนักลั่วเยว่ อยู่ต่อหน้าเขา เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็ไม่กล้าหุนหันพลันแล่น
ผู้อาวุโสหูกล่าว “ข้าตามอยู่หลังพวกเจ้ามาตลอด ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ศิษย์สำนักลั่วเยว่ของข้าต้องตายไปในขณะที่ออกฝึกฝนประสบการณ์ไม่น้อย ทุก ๆ ภารกิจที่มันอันตราย ก็จะมีผู้อาวุโสแอบติดตามไปปกป้องอย่างลับ ๆ เพียงแค่พวกเจ้าไม่รู้ก็เท่านั้นเอง”
“ในขณะเดียวกันในตอนที่แอบติดตามมานั้น ผู้อาวุโสที่ติดตามไปนั้นก็จะคอยสังเกตนิสัยใจคอของพวกเจ้าด้วย แต่วันนี้ พวกเจ้าทำให้ข้าโกรธมาก”
“พวกเจ้า ไม่คู่ควรที่จะเป็นศิษย์ของสำนักลั่วเยว่เลย”
พวกเขาก้มหน้ายอมรับคำกล่าวว่าด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าตอบโต้แม้แต่น้อย
ภารกิจในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่สำเร็จเท่านั้น แต่ยังถูกผู้อาวุโสหูจับได้อีกด้วย ช่างดวงซวยจริง ๆ
และจู่ ๆ สีหน้าของผู้อาวุโสหูก็พลันเปลี่ยนไป
เขายิ้มและเดินมาตรงหน้ามู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “แม่นางน้อย ข้าเห็นว่ารากฐานของเจ้าดี พรสวรรค์เยี่ยม ประสบการณ์การต่อสู้สนามจริงก็เยี่ยมยอด เจ้าเป็นอัจฉริยะที่หายากในรอบร้อยปีอย่างแน่นอน เจ้ายอมเข้าร่วมอยู่ในสำนักลั่วเยว่ของข้าหรือไม่”
“ขอเพียงแค่เจ้าตอบตกลง เจ้าก็จะได้เป็นศิษย์สำนักนอกของสำนักลั่วเยว่ในทันที ไม่จำเป็นต้องทดสอบอันใดทั้งสิ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอผู้อาวุโสหู สีหน้าของศิษย์พี่หลิวผู้นั้นก็ดำคล้ำเสียยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
นึกไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสหูจะมอบสิทธิ์นี้ให้แก่นาง อีกทั้งยังไม่ต้องทดสอบอีกด้วย และเมื่อเทียบกับการแนะนำเข้าสำนักของเขาแล้ว ดีกว่าคำแนะนำของเขาหลายพันเท่า
ศิษย์พี่หลิวกล่าว “ท่านผู้อาวุโสหู ทำเช่นนี้มันไม่ยุติธรรมต่อคนอื่นนะขอรับ”
ผู้อาวุโสหูกล่าวเตือนเขา “พวกเจ้ารวมตัวกันทั้งหมดแล้วยังสู้นางคนเดียวไม่ได้ นางจะไม่มีคุณสมบัติเข้าสู่สำนักนอกของสำนักลั่วเยว่ได้อย่างไรกัน ความสามารถและพรสวรรค์เช่นนี้ ต่อให้เข้าสำนักในก็มีแรงกำลังเหลือเฟือ น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ดูแลสำนักใน”
ศิษย์พี่หลิวกำหมัดแน่น หากให้หญิงสาวผู้นี้เข้าสำนักลั่วเยว่ เช่นนั้นการทดสอบเข้าสำนักใน นางต้องเป็นคู่แข่งหมายเลขหนึ่งของเขาเป็นแน่!
เดิมทีการเข้าสู่สำนักในนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ยังต้องมามีคู่แข่งเพิ่มอีกคนเช่นนี้อีก
“ท่านผู้อาวุโสหู หญิงสาวผู้นี้นางเป็นหัวหน้าโจร จะมากลายเป็นศิษย์สำนักในของสำนักลั่วเยว่ของเราได้อย่างไร พวกเรารีบ…”
“เจ้าหุบปากไปเดี๋ยวนี้นะ เจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นใบ้!” ผู้อาวุโสหูกล่าวเตือน
สีหน้าของศิษย์พี่หลิวย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ผู้อาวุโสหูพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อัจฉริยะผู้นี้มา
ช่วยไม่ได้จริง ๆ สถานการณ์ของสำนักลั่วเยว่ในตอนนี้นั้นย่ำแย่มาก
มีอัจฉริยะเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และเมื่อเทียบกับกองกำลังระดับสามของกองกำลังอื่น มันช่างห่างชั้นกันเหลือเกิน
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สำนักลั่วเยว่ของพวกเขาคงต้องถูกลบชื่อออกจากกองกำลังระดับสามในแดนซวนเทียนเป็นแน่
เขาเห็นแล้วว่าสาวน้อยผู้นี้คนเดียวก็สามารถเอาชนะศิษย์ผู้ยอดเยี่ยมของสำนักนอกเหล่านี้ได้ และเห็นแล้วว่าสาวน้อยผู้นี้เอาชนะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ได้!
แม้แต่เขาเองก็ดูไม่ออกว่าพลังความแข็งแกร่งของนางอยู่ในระดับใด เขามั่นใจได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่าพรสวรรค์ของแม่นางน้อยผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก
หากนางเข้าเป็นศิษย์สำนักลั่วเยว่ บางทีสำนักลั่วเยว่ของพวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในระดับต่ำสุดของกองกำลังระดับสามก็ได้
“สาวน้อย ว่าอย่างไร ข้ารับรองได้ว่าจะไม่เอาเปรียบเจ้า จะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี”
โจรเหล่านั้นต่างก็ตื่นเต้นขึ้นแล้ว พี่ใหญ่เก่งกาจยิ่งนัก!
กองกำลังระดับสามถึงขั้นเชิญตัวพี่ใหญ่ให้เข้าสำนักนอกของสำนักลั่วเยว่ด้วยตัวเอง น้อยมากที่จะมีคนได้รับเกียรตินี้
มองดูรูปร่างหน้าตาของนางแล้ว ช่างงดงามอย่างน่าวิเศษยิ่งนัก!
สุดท้ายมู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้ข้าไม่มีความคิดจะเข้าเป็นศิษย์สำนักใด”
สิ่งที่นางคิดในตอนนี้ก็คือรีบฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมาให้เร็วที่สุด จากนั้นก็เริ่มสืบหาข่าวของท่านพ่อ
แม้จะต้องเข้าร่วมกับสำนัก แต่ก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจสถานการณ์ในแดนซวนเทียนก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที!
จะเข้าสำนักอย่างรีบร้อนไม่ได้เด็ดขาด!
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็หันไปมองมู่เฉียนซีอย่างไม่อยากจะเชื่อ นึกไม่ถึงเลยว่านาง…นางจะปฏิเสธ
ผู้อาวุโสหูไม่สบายใจมาก เขากล่าว “สาวน้อย ทรัพยากรการฝึกฝนในสำนักลั่วเยว่ของพวกเรามีมากมายนัก ไม่ว่าจะเป็นวิชาการฝึกทักษะวิญญาณ หรือว่าจะเป็นยาลูกกลอน อาวุธวิญญาณ หยกซวน ทุกอย่างดีกว่าซ่องโจรที่เจ้าอยู่นี้มาก”
“ขอเพียงแค่เจ้าเข้าร่วมกับสำนักลั่วเยว่ ข้าจะมอบทรัพยากรการฝึกฝนสามอันดับแรกของสำนักนอกให้เจ้า และยังมี…”
ทรัพยากรการฝึกฝนสามอันดับแรก นั่นมันเป็นทรัพยากรที่ดีกว่าที่พวกเขาฝึกฝนมาก ศิษย์พี่หลิวจึงโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว
คนอื่นเองก็รู้สึกอิจฉาเช่นกัน แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีก็แข็งแกร่งจริง ๆ พวกเขาไม่อาจเทียบได้เลย
มู่เฉียนซีมองไปที่ผู้อาวุโสหูพลางกล่าวว่า “ท่านพยายามลงทุนโน้มน้าวถึงขั้นนี้ มันสะท้อนให้เห็นว่าสำนักของท่านไร้ความสามารถ!”
มีหลายคนที่แย่งชิงอยากจะเข้าไปร่วมและอยากได้รับโอกาสดี ๆ เช่นนี้ แต่นี่เขามอบโอกาสอีกทั้งยังแจกของแถมให้นางสารพัด สิ่งนี้ทำให้มู่เฉียนซีประเมินค่าสำนักลั่วเยว่ต่ำลงมาก
ผู้อาวุโสหูแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว หาอัจฉริยะเข้าร่วมสำนักคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้ยากเย็นเพียงนี้
“สาวน้อย ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด! สำนักลั่วเยว่ของพวกเรามีชื่อเสียงมาก สำนักได้ก่อตั้งมาหลานพันปีแล้ว…”
ผู้อาวุโสหูยังคงเล่าประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของสำนักลั่วเยว่ด้วยความพยายามอย่างสุดชีวิต
ทว่า มู่เฉียนซียังคงไม่สนใจอยู่ดี
ผู้อาวุโสหูทำได้เพียงแค่ทอดถอนใจ “สาวน้อย เจ้าไม่มีความคิดเข้าสำนักจริง ๆ เหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้ข้ายังไม่อยากเข้าร่วมสำนัก เมื่อถึงเวลาของมัน ก็จะมีความคิดนั้นขึ้นมาเอง เช่นนั้นแล้วข้าจะเอาสำนักลั่วเยว่มาพิจารณาด้วยก็แล้วกัน”
“เฮ้อ! ช่างเถอะ! ในเมื่อเจ้าไม่อยากไป ข้าก็ไม่อยากฝืนบังคับใจเจ้า! ชะตากรรมของสำนักลั่วเยว่พวกเราใกล้จะถึงที่สิ้นสุดแล้ว ยี่สิบปีก่อน สำนักลั่วเยว่ของพวกเราไม่ได้มีสภาพการณ์เช่นนี้”
“ตอนนั้นหัวหน้าสำนักของพวกเราเป็นสหายรักกับองค์ชายเฟิงอวิ๋น เป็นช่วงเวลาที่สำนักลั่วเยว่รุ่งโรจน์มาก…”
“ช้าก่อน!” ในตอนนี้เอง น้ำเสียงของมู่เฉียนซีก็สั่นเครือขึ้นเล็กน้อย
“องค์ชายเฟิงอวิ๋นที่ท่านกล่าวถึงคือใครกัน?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
ศิษย์พี่หลิวกล่าว “ผู้อาวุโสหูกล่าวถึงคนผู้นั้นข้างนอกเช่นนี้มีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของสำนักลั่วเยว่แปดเปื้อน! หากไม่ใช่เพราะว่าท่านเจ้าสำนักของพวกเราเคยช่วยเหลือคนผู้นั้นไว้ ตอนนี้สำนักของพวกเราคงไม่ต้องถูกสำนักใหญ่ ๆ กดดันโจมตี ตอนนี้แม้แต่สถานะของกองกำลังระดับสามของพวกเราก็แทบจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
.