ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1517 หาเรื่องใส่ตัว
บัวอัคคีอันงดงามระเบิดพลังอันไร้เทียมทานออกมา
ทุกคนล้วนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ร่างของเฟิงซู่กระเด็นลอยออกไปจากลานประลองพร้อมกับควันสีดำ
ฮวาเจี้ยนกับหลิ่วซู่ตกใจมาก โชคดีที่ศิษย์น้องมู่ไม่ได้ใช่กระบวนท่านี้กับพวกเขา! มิเช่นนั้นพวกเขาคงถูกแผดเผาจนไหม้เกรียมเป็นแน่
ผู้อาวุโสสูงสุดตกตะลึงนิ่งอึ้ง แข็งแกร่งมากและวิปริตมากเช่นกัน! สำนักลั่วเยว่ของพวกเขาไม่มีผู้วิปริตเช่นนี้มานานมากแล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “การประลองครั้งนี้ มู่เฉียนซีเป็นฝ่ายชนะ!”
เนื่องจากการประลองครั้งนี้เป็นการประลองที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ทำให้การประลองในรอบหลังไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดูแล้ว
ต่อมา รายชื่อการจัดอันดับของการประลองสำนักในก็ออกมาแล้ว
อันดับหนึ่ง มู่เฉียนซี อันดับสอง…รายชื่อดังต่อไปนี้ เฟิงซู่ ฮวาเจี้ยน และหลิ่วซู่ และยังมีอีกหกรายชื่อ!
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “พวกเจ้าสิบคนตามข้าเข้าไปที่สำนักใน”
เมื่อเข้ามาสู่สำนักใน ก็มีผู้อาวุโสนำทางพวกเขาไป ชุดคลุมยาวของศิษย์สำนักในเป็นชุดสีขาวโปร่ง ปักลายพระจันทร์สีเงิน และมีป้ายคำสั่งของศิษย์สำนักในอีกด้วย
ทุกคนสามารถไปหอลองอาวุธเพื่อรับอาวุธได้คนละหนึ่งชิ้น
แม้ว่าสำนักลั่วเยว่จะตกอยู่ในความสิ้นหวังแล้ว แต่อาวุธวิญญาณที่นี่ก็ไม่เลวเลย และดีกว่าที่นางหลอมเองอีกด้วย
ดังนั้น มู่เฉียนซีจึงเลือกกระบี่เล่มหนึ่ง
แม้ว่ากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณจะแข็งแกร่งมาก แต่แดนซวนเทียนกับดินแดนสี่ทิศไม่อาจเทียบกันได้ บางทีหากเจอกับคนที่สายตาเฉียบแหลมเข้า อาจจะรู้ก็ได้ว่ามันคือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ
หลังจากที่ได้อาวุธวิญญาณมา ต่อมาผู้อาวุโสก็พาพวกเขาไปที่กระดานป้ายชื่อ บนนั้นมีชื่อแปลกอยู่ชื่อหนึ่ง ผู้อาวุโสกล่าว “เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ศิษย์ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ทุก ๆ เดือนจะมีการประลองของศิษย์สำนักใน ยิ่งอยู่ในอันดับสูงมากเท่าไหร่ ทรัพยากรในการฝึกฝนก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น รายชื่อที่จะได้รับการจัดอันดับคือหนึ่งร้อยรายชื่อแรกเท่านั้น”
“คาดว่าพวกเจ้าต้องอยู่ฝึกบำเพ็ญในสำนักในเป็นเวลาครึ่งปีถึงหนึ่งปีถึงจะเข้าร่วมการประลองได้ มองดูแวบเดียวก็รู้แล้ว ต่อไปจะมีคนพาพวกเจ้าไปที่พัก”
หลังจากที่ฟังผู้อาวุโสสำนักในอธิบายเรื่องราวของสำนักในสำนักลั่วเยว่เสร็จแล้ว มู่เฉียนซีก็พักผ่อนในที่พักของตัวเอง เพื่อปรับสมดุลร่างกาย และเตรียมพลังและความแข็งแกร่งให้พร้อม
อย่างไรเสีย ในตอนนั้นกว่าที่ตนเองจะทะลวงพลังวิญญาณมาได้มันไม่ง่ายเลย ตอนนี้เลยยังไม่สามารถฟื้นตัวได้
เนื่องจากได้รับการบาดเจ็บมาจากการข้ามดินแดน พลังจึงถดถอยกลับไป ตอนนี้นางมีความรู้สึกชัดเจนในการฝึกบำเพ็ญของขั้นมหาจักรพรรดิ
ผลลัพธ์ มู่เฉียนซียังไม่ทันได้เข้าฝึกบำเพ็ญ จู่ ๆ ลำแสงสีฟ้าอ่อนแสงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ร่างอันเพรียวบางร่างหนึ่งปรากฏขึ้น และโอบกอดมู่เฉียนซีอย่างไม่ลังเล
เขาขยับเข้าใกล้ข้างหูมู่เฉียนซี พลางกล่าว “ซี!”
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้ามาแล้ว!”
นางข้ามดินแดนมาทำให้เกิดการเคลื่อนไหวไม่น้อยเลย และเมื่อจิ่วเยี่ยรู้ข่าว เขาก็ไม่อาจนั่งนิ่งเฉยอยู่ได้
โชคดีที่พวกเขามีสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ เขาสามารถมาหาซีได้อย่างรวดเร็วที่สุด จึงไม่ทำให้จิ่วเยี่ยเป็นกังวลใจ
“อืม!” จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว
ต้องรู้เอาไว้เลยว่าซีที่มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็ถูกบีบให้ข้ามดินแดนมาได้แล้ว และนี่เป็นเรื่องที่จิ่วเยี่ยเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย! ครั้งนี้ถูกสายฟ้าในดินแดนสี่ทิศลงโทษแล้ว เจ้านั่นมีตาแต่หามีแววไม่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะฟาดฟันมั่วซั่วเช่นนี้!”
จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง “ซีเป็นเจ้านายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ เคล็ดวิชาที่ฝึกบำเพ็ญก็ไม่ธรรมดา อีกอย่างยังมีวิญญาณลิขิตสวรรค์ด้วย แม้ว่าจะมีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า แต่กฎของดินแดนสี่ทิศก็ได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าเจ้าไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นั่นแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “แม้ว่าจะไม่ได้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม แต่ก็มาอย่างปลอดภัย”
“ซีไม่เป็นอะไร ข้าก็ดีใจแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งของเผ่าหงส์ ข้ายืนยันได้มากแล้ว ข้าได้ส่งคนให้ไปกำจัดแล้ว รอให้กำจัดที่ที่ไม่ใช่ก่อน เราถึงจะหาที่ตั้งที่แท้จริงของเผ่าหงส์เจอ และข้าก็จะเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปส่วนสุดท้ายมาได้”
“อะไรนะ? เจ้าจะไปเอาอย่างนั้นเหรอ! ห้ามเด็ดขาด”
ครั้งที่แล้วที่เจอคัมภีร์หมื่นคำสาปที่เผ่ามังกร สถานการณ์ของจิ่วเยี่ยอันตรายมาก
ส่วนคัมภีร์หมื่นคำสาปของเผ่ากิเลน เนื่องจากถูกเผ่ากิเลนทำทุกวิถีทางกำจัดพวกบ่อนไส้อย่างไรความปรานี จิ่วเยี่ยจึงเข้าใกล้ได้ ไม่เป็นอะไร!
สวรรค์รู้ว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปของเผ่าหงส์นั้นเป็นเช่นไร
หากมันดุร้ายกว่าเผ่ามังกร กว่าเสี่ยวเหมี่ยวจะยับยั้งการกำเริบของคำสาปนั้นได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และนั่นมันอันตรายมากเกินไป
“ซีอย่าได้กังวลไปเลย ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”
“ไม่ได้! หากเจอที่ตั้งแล้ว ให้บอกข้า หากเจ้าไม่วางใจก็ส่งคนไปเป็นเพื่อนข้าได้ แต่อย่างไรเจ้าก็ไปไม่ได้”
รอให้นางเจอคัมภีร์หมื่นคำสาป และหลอมรวมคัมภีร์เข้าด้วยกัน เช่นนี้ก็จะหาวิธีการรักษาจิ่วเยี่ยเจอได้ง่ายกว่า และเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ทั้งสองสบตากันอย่างมีความมุ่งมั่นในตัวเอง
จิ่วเยี่ยเปลี่ยนเรื่องกล่าว “ช่วงนี้แดนนรกไม่มีเรื่องอันใด เผ่าหงส์ก็หาเจอแล้ว ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่นี่ให้ข้าตามหาพ่อตาของข้าด้วยเถอะนะ”
หากจื่อโยวได้ยินว่าเจ้านายของตัวเองกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา คาดว่าเขาอาจจะเขาหัวโขกกำแพงแล้วก็ได้ จะไม่มีเรื่องอันใดได้อย่างไรกัน
“พ่อตาอะไรของเจ้า หากเจ้าไม่เชื่อฟัง เจ้าเจอดีแน่” มู่เฉียนซีรู้ว่าเขาไม่มีทางล้มเลิกความคิดเช่นนี้แน่นอน
“ท่านพ่อของซี ก็คือพ่อตาของข้า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา…”
มู่เฉียนซีกลัดกลุ้มใจขึ้นแล้ว “ปัญหาใหญ่นะสิ ใครบอกว่าข้าจะแต่ง…อือ…”
จิ่วเยี่ยใช้ปากปิดปากมู่เฉียนซีสนิท และบดขยี้ไปมาอย่างไม่อาจสลัดหลุดได้!
เมื่อจูบแรกผ่านไป “ข้าจะขอซีแต่งงานแน่นอน!”
จากนั้นก็บรรจงจูบไปอีกครั้ง ราวกับข้าวใหม่ปลามันก็มิปาน
องค์ชายจิ่วเยี่ยเปลี่ยนวิธีการแสดงออกให้นางรู้ว่าเขาอยากแต่งงานกับนางมากเพียงใด ทั้งสองไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน…
เช้าวันต่อมา มู่เฉียนซีมุดตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยความเบื่อหน่าย “องค์ชายจิ่วเยี่ย เจ้ามีเรื่องต้องทำมากมาย ข้าว่าเจ้ารีบกลับไปจะดีกว่า”
จิ่วเยี่ยกล่าว “ซีเลื่อนขั้นมหาจักรพรรดิได้แล้ว ทักษะวิญญาณหลาย ๆ ทักษะ ซีไม่อยากให้ข้าสอนให้ซีแล้วเหรอ?”
ครานี้มู่เฉียนซีตื่นเต้นขึ้นแล้ว “ข้าอยากฝึกแน่นอนอยู่แล้ว!”
มุมปากของจิ่วเยี่ยโค้งขึ้นเล็กน้อย “อืม! ไม่ว่าซีต้องการจะเรียนรู้ฝึกฝนสิ่งใด ข้าก็สอนให้เจ้าได้”
“เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ!” จิ่วเยี่ยจูบหน้าผากนางแผ่วเบา
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกแยกให้ไปอยู่ในความดูแลของผู้อาวุโสสำนักในท่านหนึ่งแล้ว
เมื่อเห็นผู้อาวุโสสำนักในสวมชุดดำสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าอันคุ้นเคยนี้เข้า มุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักในพามู่เฉียนซีไปพบกับผู้อาวุโสสูงสุดท่านนี้ด้วยตัวเอง เขากล่าว “ท่านผู้นี้คือท่านผู้อาวุโสเยี่ย แม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากในสำนักลั่วเยว่ของพวกเรา แต่พลังความแข็งแกร่งนั้นไม่มีผู้ใดเทียบท่านผู้นี้ได้เลย”
“ตอนนี้เขาเอ่ยปากอยากรับศิษย์ และอยากรับศิษย์ที่ผ่านการทดสอบสำนักในในครั้งนี้ ข้าก็เลยแนะนำเจ้าให้เขาไป”
“สาวน้อยมู่ ยังไม่รีบเรียกท่านอาจารย์อีก!”
ศิษย์สำนักในสามารถกลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสแห่งสำนักในได้ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธอย่างแน่นอน อย่างไรเสีย มีเพียงศิษย์สายตรงเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์พิเศษนี้ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสท่านนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย
ท่านอาจารย์!
ภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น องค์ชายจิ่วเยี่ยก็ผันตัวกลายเป็นผู้อาวุโสสำนักในแห่งสำนักลั่วเยว่เสียแล้ว อีกทั้งยังเป็นท่านอาจารย์ของนางอีกด้วย!
มู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น รอยยิ้มอันน่าทึ่งนั้นทำให้ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งทันใด
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอันซาบซึ้งใจขึ้นว่า “คารวะท่านอาจารย์เยี่ย! ท่านอาจารย์โปรดชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ”
คำเรียกเช่นนี้ น้ำเสียงอันซาบซึ้งกินใจเช่นนี้ ทำให้สายตาของจิ่วเยี่ยพลันอันตรายขึ้น มู่เฉียนซีไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้ของนางจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ
.