ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1518 ทำร้ายจิตใจเกินไปแล้ว
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดจากไป ท่านอาจารย์เยี่ยผู้นี้ก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมาทันที!
เขากอดมู่เฉียนซีและกล่าวเสียงต่ำว่า “ซี ข้าคิดถึงเจ้า”
มู่เฉียนซีอยากจะเตะเจ้าบ้าที่ปลอมตัวเป็นท่านอาจารย์มาเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองผู้นี้มากเหลือเกิน!
จิ่วเยี่ยมาที่สำนักลั่วเยว่เขาไม่ได้ใช้สถานะตัวตนนี้มั่วซั่วแต่อย่างใด แต่เพื่อความสะดวกในการสอนทักษะโยวหลัวซวนหยินให้แก่มู่เฉียนซี
พลันนั้นร่างในชุดดำก็เคลื่อนไหว หวงจิ่วเยี่ยกระโจนขึ้นกลางอากาศ สายลมที่พัดผ่านทำให้ชุดคลุมยาวของเขาโบกพริ้วสะบัดไหว
“ทักษะที่สี่ของทักษะโยวหลัวซวนหยินก็คือทักษะโยวจั๋ว! ทักษะโยวจั๋วคือทักษะแห่งการสังหาร ซีดูดี ๆ ล่ะ”
ชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง ทักษะแห่งการสังหารก็ได้ก่อตัวควบแน่นขึ้น
แม้ว่าจะก่อตัวควบแน่นขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่ทำให้ผู้ใดรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวและพลังแห่งการฆ่าสังหารนั้นเลย
ดูเหมือนมันจะดูไม่น่ากลัวเหมือนพลังอันทำลายล้างของทักษะโยวหลัวเลยแม้แต่น้อย แต่สัญชาตญาณของมู่เฉียนซีบอกนางว่าพลังของทักษะโยวจั๋วนี้ ไม่อาจดูแคลนได้
ครั้นแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ!
ในขณะที่จิ่วเยี่ยพ่นคำพูดอันเย็นยะเยือกออกมาสามคำว่า “ทักษะโยวจั๋ว!” ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพลันแตกสลายกลายเป็นผุยผงภายในชั่วพริบตา
ตูม! ต้นไม้ต้นนั้นล้มลงมาทันที
นี่เป็นทักษะวิญญาณที่ทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจตั้งตัวรับมือได้ทัน หากเป็นทักษะโยวหลัว คู่ต่อสู้จะรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งหมดที่มี ทำให้ยังคิดหาวิธีหลบหลีกและป้องกันได้อยู่
ทว่า ทักษะโยวจั๋วนี้ทำให้คู่ต่อสู้ไม่ทันตั้งตัว นอกเสียจากว่าคู่ต่อสู้จะมีพลังความแข็งแกร่งที่สูงกว่าหลายขั้นเท่านั้น มิเช่นนั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
จิ่วเยี่ยกล่าวถามว่า “ซีเห็นหรือไม่?”
มู่เฉียนซีมองไปที่ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกนั้นของจิ่วเยี่ย และกล่าวอย่างกระตือรือร้นด้วยความอยากลอง “ข้าเห็นชัดแล้ว!”
“ดี! เช่นนั้นซีลองดู!”
ทักษะโยวจั๋วเป็นทักษะวิญญาณที่ควบคุมได้ยากกว่าทักษะที่ผ่านมามาก หลังจากที่ลองมาแล้วหลายครั้ง มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถควบคุมให้มันสมบูรณ์ได้
โชคดีที่ท่านอาจารย์เยี่ยมีความอดทนในการสอน ภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน มู่เฉียนซีก็เข้าใจอะไรได้มากมาย
“ทักษะโยวจั๋ว!”
“ทักษะโยวจั๋ว!”
“ทักษะโยวจั๋ว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีกำลังขัดแย้งอยู่กับทักษะโยวจั๋วนี้ นางจำเป็นต้องรีบฝึกฝนให้บรรลุโดยเร็วที่สุด
หลังจากที่ฝึกฝนมาหลายวัน จู่ ๆ ฮวาเจี้ยนก็เดินเข้ามา
“ศิษย์น้องมู่ ศิษย์น้องมู่ ข้ามาแล้ว!”
ฮวาเจี้ยนรีบวิ่งเข้ามาราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง แต่จู่ ๆ ร่างของคนชุดดำร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายมู่เฉียนซี ทำให้ฮวาเจี้ยนตกใจเป็นอย่างมาก
“ศิษย์น้องมู่ ท่านผู้นี้คือท่านอาจารย์ท่านนั้นของเจ้าเหรอ?” ฮวาเจี้ยนกล่าวถามด้วยความสงสัย
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อืม! นี่คือท่านอาจารย์เยี่ย”
ฮวาเจี้ยนกล่าวทักทายจิ่วเยี่ย “คารวะท่านผู้อาวุโสเยี่ย!”
ผลลัพธ์ที่ได้ จิ่วเยี่ยมองฮวาเจี้ยนด้วยสายตาที่เย็นชามาก ฮวาเจี้ยนรู้สึกได้ถึงพลังการกดดันอันแข็งแกร่ง เขาจึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลงไม่กล้าจ้องมองพวกเขาอีกต่อไป
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสำนักของพวกเขาจะมีผู้อาวุโสที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย!
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ฮวาเจี้ยน เจ้ามีเรื่องอันใดเหรอ?”
ฮวาเจี้ยนกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ข้าเห็นว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ศิษย์น้องมู่เอาแต่เก็บตัวฝึกฝน กลัวว่าเจ้าจะเบื่อ ข้าก็เลยจะมาถามว่า ศิษย์น้องมู่จะไปที่ห้องโถงภารกิจหรือไม่ เราสามารถไปรับภารกิจหนึ่งที่นั่นได้ และออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ข้างนอกได้”
“ภารกิจของสำนักในนั้นท้าทายกว่าภารกิจสำนักนอกมาก อีกอย่างรางวัลที่ได้ก็ไม่เลวเลยนะ”
มู่เฉียนซีเองก็รู้ดีว่าสำนักลั่วเยว่นั้นสามารถรับภารกิจได้ และรางวัลที่ได้นั้นก็ไม่ใช่ของระดับต่ำเลย
อยู่ฝึกที่สำนักลั่วเยว่ ก็มิสู้รับภารกิจเพื่อไปฝึกฝนทักษะโยวจั๋วข้างนอก
ออกไปท่องแดนซวนเทียน สามารถเข้าใจแดนแห่งนี้ได้มากกว่าการอ่านตำรามาก
มู่เฉียนซีหันมองจิ่วเยี่ยและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์เยี่ย ข้าอยากไปดูที่ห้องโถงภารกิจ ข้าจะไปดูสักหน่อยว่ามีภารกิจใดที่ข้ารับได้บ้างหรือไม่”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ไปเถอะ! แต่ห้ามอยู่กลุ่มเดียวกับเขา”
สายตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นหันจ้องมองไปที่ฮวาเจี้ยน ฮวาเจี้ยนตกใจผงะไปครู่หนึ่ง
นะ…นี่ นี่เขาทำอันใดผิดไปเหรอ?
ผู้อาวุโสเยี่ยไม่อยากเห็นหน้าเขามากขนาดนี้เลยหรืออย่างไร ต่อให้ตายเขาก็จะต้องตายไปอย่างไร้ความสงสัย ดังนั้นเขาจึงกล่าวถามว่า “ท่านผู้อาวุโสเยี่ย เพราะเหตุใดอันใด?”
หวงจิ่วเยี่ยไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น เขากล่าวออกมาเสียงเรียบว่า “เพราะว่าเจ้าจะเป็นตัวถ่วงของนาง”
ฮวาเจี้ยนได้ยินเช่นนี้ก็ราวกับถูกโจมตีทางจิตใจอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสเยี่ยกล่าววาจาให้มันนุ่มนวลกว่านี้ไม่เป็นเหรอ
แต่เมื่อนึกถึงพลังความแข็งแกร่งของศิษย์น้องมู่แล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงจริง ๆ
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์เยี่ย!”
แม้จะรู้ดีว่าระดับความแข็งแกร่งของตัวเองนั้นไม่พอ แต่เมื่อเห็นศิษย์น้องมู่น้อมรับคำสั่งของผู้อาวุโสเยี่ยโดยไม่คิดพิจารณาเช่นนี้ เขาก็รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
ครั้นแล้ว พวกเขาจึงไปที่ห้องโถงภารกิจด้วยกัน จากนั้นมู่เฉียนซีก็รับภารกิจที่อย่างน้อยต้องใช้พลังขั้นมหาจักรพรรดิมาหนึ่งภารกิจ
ภารกิจนี้ ต่อให้ฮวาเจี้ยนหน้าด้านหน้าทนอยากตามไปด้วยก็ไม่มีทางไปได้!
ภารกิจที่มู่เฉียนซีได้รับมานั้นคล้ายกับภารกิจของศิษย์พี่หลิวในครั้งก่อนมาก นั่นก็คือการทำลายรังโจร
เห็นได้ชัดว่ารังโจรนี้โหดร้ายกว่ารังโจรที่มู่เฉียนซีเคยเจอมาเยอะมาก
เพราะทุกหมู่บ้านที่พวกเขาหมายตาเอาไว้ พวกเขาก็จะลงมือฆ่าสังหาร ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
พลังความแข็งแกร่งของพี่ใหญ่กลุ่มนี้คือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต ส่วนจะอยู่ในระดับใดนั้น จากการรายงานที่แจ้งเข้ามาล้วนแต่ไม่มีความชัดเจน
ภารกิจนี้ไม่มีใครรับมานานแล้ว
อย่างไรเสียศิษย์สำนักในล้วนแต่เป็นอัจฉริยะทั้งสิ้น การปฏิบัติภารกิจเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่อย่างไรเสียก็ไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเป็นอันขาด
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าอยากรับภารกิจนี้”
ผู้อาวุโสผู้ดูแลห้องโถงภารกิจกล่าว “สาวน้อย เจ้าไม่ต้องการสหายร่วมกลุ่ม รับภารกิจอันยากเย็นคนเดียว เจ้าแน่ใจเหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! ข้าชอบภารกิจที่มันท้าทายเช่นนี้”
ครั้นแล้วผู้อาวุโสผู้ดูแลจึงมอบหมายภารกิจนี้ให้นาง และกล่าวว่า “ระวังตัวด้วย หากรับมือไม่ไหวก็รีบหนีให้เร็วที่สุด!”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” กล่าวจบมู่เฉียนซีก็หันหลังเดินจากไป
ผู้อาวุโสผู้ดูแลท่านนี้มองแผ่นหลังของมู่เฉียนซีที่เดินจากไปพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “สาวน้อยผู้นี้ดูท่าทางมั่นใจเกินไปแล้ว รับภารกิจครั้งแรกก็รับภารกิจที่ยากถึงเพียงนี้ มันอันตรายเกินไปแล้ว ผู้อาวุโสสำนักในท่านใดว่างก็ตามไปประกบดูแลนางสักหน่อยเถอะ”
เนื่องจากศิษย์ของสำนักลั่วเยว่มักจะเกิดอุบัติเหตุและเรื่องที่ไม่คาดคิดอยู่บ่อย ๆ ศิษย์ที่มีพรสวรรค์จึงลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการปกป้องพวกเขา ผู้อาวุโสของสำนักในจึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดรู้เข้า ก็ออกคำสั่งทันทีว่าไม่ให้ผู้ใดแอบตามไป!
มู่เฉียนซีใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาที่สำนักเตรียมให้เดินทางไปยังภูเขาที่ตั้งของกลุ่มโจรเหล่านั้น มู่เฉียนซีไม่ได้แอบซ่อนตัวแต่อย่างใด นางตะโกนลงมาจากกลางอากาศว่า “พวกกลุ่มโจรภูเขาฟังข้าให้ดี วันนี้ ข้าจะมาเอาชีวิตของพวกเจ้า ผู้ใดที่ยังพอรู้จักความชั่วดี ก็รีบโผล่หัวออกมารับความตายซะเถอะ!”
“หญิงสาวผู้นี้มาจากที่ใดกัน ช่างกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว! ยิงธนู!” การกำเริบเสิบสานเช่นนี้ของมู่เฉียนซีเป็นการยั่วโมโหคนเหล่านี้แน่นอน
คมศรธนูนับไม่ถ้วนถูกยิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าดุจดั่งสายฝน มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ปัง ปัง!
กำแพงน้ำแข็งปิดกั้นการโจมตีของคมศรธนูไว้ได้ทั้งหมด จากนั้นมู่เฉียนซีก็ให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาบินไปไกล ๆ ส่วนนางก็จรดตัวลงมาจากกลางอากาศ
“ยิงธนูใส่นางเดี๋ยวนี้!”
คนกลุ่มนี้ยังคงยิงธนูอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่โดนร่างมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย
พวกเขากล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ความเร็วของนางช่างรวดเร็วยิ่งนัก!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หยุดยิงธนูได้แล้ว ให้พี่ใหญ่ของพวกเจ้าออกมารับความตายเสียโดยดีเถอะ!”
“สาวน้อยผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกัน หรือเห็นว่าพวกข้าไม่จับตัวผู้หญิง ก็เลยจงใจมาหาถึงที่เช่นนี้เลยอย่างนั้นเหรอ ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังขึ้น ทำให้ใบไม้บริเวณรอบ ๆ ร่วงหล่นลงมา
.
.