ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1530 ตบปากตัวเอง
ต่อมามู่เฉียนซีก็เตรียมยาอาบให้เขา หลังจากที่ผู้อาวุโสอาบเสร็จ สีหน้าของเขาก็ดูสดใสขึ้น ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติแล้ว
ราชาพิษหนานหลิงถูกนำตัวเข้ามา มู่ฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสยอมรับเงื่อนไขของข้า ข้าจะมอบตัวเขาให้ท่านเป็นคนจัดการ”
“ท่านอาจารย์! ช่วยข้าด้วย!”
“ท่านอาจารย์ ได้โปรดช่วยข้าด้วย! ข้าไม่อยากตาย”
“……”
ราชาพิษหนานหลิงกำลังร้องโหยหวนขอร้องอ้อนวอน สภาพของเขาดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโส ข้าคิดว่าเขาทรมานท่านมานานมากเช่นนั้น หากฆ่าเขาให้ตายไปตอนนี้มันจะง่ายเกินไป เอาเช่นนี้ดีหรือไม่…”
“ข้าเตรียมยาพิษเอาไว้มากมาย ยาลูกกลอนโศกเศร้า แล้วยังมีสิ่งนี้อีกด้วย…”
“ท่านลองใช้ยาเหล่านี้สลับกันในแต่ละวันเพื่อทรมานเขาเหมือนอย่างที่เขาทำกับท่าน ขอแค่อย่าให้เขาตายก็พอ! อีกสามปีท่านค่อยจัดการเขาอีกครั้ง! ในระหว่างสามปีนี้ หากท่านพบเจอกับเรื่องยุ่งยาก ท่านก็มอบหมายให้เขาเป็นคนทำ”
ราชาพิษได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไป เขาร้องห่มร้องไห้ออกมา “ไม่…ไม่นะ! พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ!”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาชอบใช้วิธีการต่าง ๆ ในการทรมานผู้อื่น ตอนนี้ต้องมาประสบพบเจอกับคนเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังน่ากลัวกว่าเขาอีกด้วย ในใจเขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
“อยากตายอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีเองก็รู้ดีว่าท่านผู้อาวุโสผู้นี้เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง
พลังความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด อีกนิดเดียวก็ถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว
เขาเป็นผู้ฝึกตนผู้หนึ่ง เมื่อถูกคนอื่นลอบทำร้ายเช่นนี้ก็มีโอกาสที่จะเอาคืนได้
คนเช่นนี้พวกเขาไม่สามารถรับเข้ามาได้ง่าย ๆ เนื่องจากพลังความแข็งแกร่งเช่นนี้กองกำลังระดับสามล้วนแต่แต่งตั้งให้เป็นผู้อาวุโสของสำนัก
หัวหน้ามู่ทำให้ยอดฝีมือเช่นนี้อยู่กับพวกเขาได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ โม่ซวนเองก็ตกตะลึงไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “การหาผู้แข็งแกร่งมาประจำการเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หากยอดฝีมือผู้นั้นไม่ตอบตกลง ก็ต้องเอายาลูกกลอน เอาของมีค่าไปเสนอ”
ความคิดและการกระทำเช่นนี้ของมู่เฉียนซี ทำให้โม่ซวนเหมือนเปิดโลกกว้างมากขึ้น
เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ทำเช่นนี้ก็ได้ด้วยเหรอ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย ค่อก ๆ ๆ…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ใจเย็น ๆ หน่อย ร่างกายของเจ้าในตอนนี้ไม่ควรตื่นเต้นกับสิ่งใดจนเกินไป”
โม่ซวนกล่าว “เหมือนข้าได้รับคำสอนแล้วล่ะ”
มู่เฉียนซีแสดงเล่ห์เหลี่ยมออกมา นางไม่กลัวว่าชื่อเสียงของหมอปีศาจจะเสื่อมเสีย การค้าของนางนับวันยิ่งขายดิบขายดีมากยิ่งขึ้น
แต่มู่เฉียนซีรู้ว่ายังช้าเกินไป
มู่เฉียนซีเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ในหอหมอปีศาจ ขณะเดียวกันห้องปรุงยาของนางก็ได้ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนางก็เริ่มทำการทดลองยาแล้ว
อย่างไรเสีย สมุนไพรวิญญาณในแดนซวนเทียน นางยังไม่ได้ทดลองดูประสิทธิภาพของมันเลย
การเพิ่มขึ้นของหอหมอปีศาจนั้นเกินความคาดหมายของโม่ซวนมาก
เมื่อเห็นสมุดบัญชีจำนวนมากวางทับถมกัน และอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของหอหมอปีศาจ เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
แม้ว่าร่างกายของเขาจะอ่อนแออยู่ แต่จิตใจของเขาก็สู้ไม่ถอย
ผ่านไปไม่กี่วัน หอหมอปีศาจก็ได้รับผู้ป่วยมาคนหนึ่ง
ร่างกายอ่อนแอราวกับไม้ใกล้ฝั่ง ดูราวกับคนที่ไม่ได้กินข้าวกินปลา แต่คนผู้นี้กลับเป็นถึงนายน้อยแห่งเมืองโม่
ท่านเจ้าเมืองโม่มาที่หอหมอปีศาจด้วยตัวเอง “ได้ยินชื่อเสียงและฝีมือการรักษาของท่านหมอปีศาจมานาน ตอนนี้บุตรชายของข้าไม่รู้ว่าเป็นโรคประหลาดอันใด ข้าจึงมาขอให้หัวหน้าหอช่วยดูอาการบุตรชายของข้าสักหน่อย”
“หากรักษาบุตรชายข้าให้หายได้ ข้าจะตอบแทนอย่างหนัก”
โม่ซวนดูไม่ออกว่าคนผู้นี้ป่วยเป็นโรคประหลาดอันใด จึงทำได้เพียงแค่ไปตามมู่เฉียนซีมาช่วยดูอาการ
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้ยินอาการป่วยของคนผู้นี้ นางก็มีความคิดอยู่ในใจอย่างชัดเจน
ก่อนที่จะเจอกับมู่เฉียนซี โม่ซวนมีความมั่นใจในฝีมือการปรุงยาของเขามาก แต่หลังจากที่เจอกับมู่เฉียนซี เขาทึ่งกับฝีมือของมู่เฉียนซีจนรู้สึกว่าตนเองฝีมือด้อยไปแล้ว
ดู ดม ถาม จากนั้นก็จ่ายใบสั่งยา!
ราวกับรักษาอาการป่วยทั่วไปก็มิปาน และสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็คืออาการของนายน้อยกลับดีขึ้นมาก
ท่านเจ้าเมืองดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “มหัศจรรย์! มหัศจรรย์จริง ๆ ท่านหมอปีศาจ ข้าขอบคุณท่านมาก ขอบคุณมากจริง ๆ!”
มีท่านเจ้าเมืองคอยสนับสนุนเช่นนี้ หอหมอปีศาจในเมืองโม่จึงทำการค้าไปด้วยความราบรื่น
โม่ซวนกล่าวถามว่า “เฉียนซี เปิดสาขาย่อยในอาณาเขตหนานหลิงได้แล้วหรือยัง?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ยังไม่ได้ แม้ว่าจะอยากสำเร็จเร็ว ๆ แต่จะเร่งรีบเกินไปไม่ได้ เจ้าบอกข้ามาว่าในอาณาเขตหนานหลิงแห่งนี้มีนักปรุงยาขั้นสวรรค์เท่าไร”
โม่ซวนกล่าว “แม้จะมีไม่เยอะ แต่ก็มีอยู่ไม่น้อย แล้วก็ไม่ได้หายากมากนัก”
มู่เฉียนซีถามต่อว่า “แล้วนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?”
“ในอาณาเขตหนานหลิงยังไม่มีนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ปรากฏนะ”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นก็ดี! เจ้าปล่อยข่าวออกไปว่าหมอปีศาจจะหลอมยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ เชิญเหล่าบรรดานักปรุงยาในอาณาเขตหนานหลิงมาร่วมชมได้”
“ขั้นศักดิ์สิทธิ์!” โม่ซวนเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“นี่เจ้าจะหลอมยาขั้นศักดิ์สิทธิ์เหรอ!”
เขายังไม่ลืมว่านางคือมหาจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “ใช่ เจ้าวางใจเถอะ! ข้าไม่พลาดหรอก และข้าจะไม่ทำลายชื่อเสียงที่สร้างมาของตัวเองแน่นอน”
ในตอนที่นางมีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูต นางก็หลอมยาขั้นสวรรค์ได้แล้ว
ตอนนี้พลังของนางอยู่ในขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต ยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงเกินไปนางยังหลอมออกมาไม่ได้แน่นอน แต่ยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำนางหลอมออกมาได้
สำหรับคำพูดของมู่เฉียนซีแล้ว โม่ซวนเลือกที่จะเชื่ออย่างไร้ข้อสงสัย
ครั้นแล้ว ข่าวนี้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งอาณาเขตหนานหลิง “นักปรุงยาในหอขายยาเล็ก ๆ เนี่ยนะจะหลอมยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ หลอกลวงเป็นแน่!”
“ยังมีหน้ามาเชิญไปร่วมชมอีก ข้าไม่มีเวลาหรอก”
“ข้าจะไปตรวจสอบเจ้าต้มตุ๋นผู้นั้น แต่หากเป็นนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ จะมาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่เล็ก ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร”
นักปรุงยาส่วนมากไม่มา ผู้ที่มาล้วนแต่คือคนที่มาจับผิดและสงสัยในตัวมู่เฉียนซีทั้งสิ้น
ครั้นแล้วก็ถึงวัน เมื่อนักปรุงยาผู้เย่อหยิ่งเห็นชายหนุ่มที่อายุยังน้อยผู้นั้น ก็ยิ่งดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น
“ท่าทางอวดดียิ่งนัก วันนี้หากไม่มีใครหลอมยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ หอหมอปีศาจของเจ้าก็ปิดไปเลย ไม่ต้องขายแล้ว”
“ปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมา ช่างกล้ายิ่งนัก!”
“แถมยังบอกให้พวกข้ามาร่วมชมอีก เด็กหนุ่มอย่างเจ้า คิดจะให้พวกข้ายอมจำนนให้อย่างนั้นเหรอ เหอะ ๆ!”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พวกเขาเย่อหยิ่งไม่น้อยเลย ประเดี๋ยวถึงเวลาต้องเจ็บปวดใจมากเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “จะทำได้หรือไม่ได้ ประเดี๋ยวก็รู้เอง”
จากนั้น มู่เฉียนซีก็เอาสมุนไพรวิญญาณออกมา
สมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าเหล่านั้นทำให้พวกเขาล้วนแต่ตกตะลึงขึ้นแล้ว พวกเขาแทบอยากพุ่งเข้าไปแย่งชิงจริง ๆ
แต่สุดท้ายปราชญ์ผู้นั้นก็แผ่ซ่านพลังอันแข็งแกร่งออกมากดขี่ข่มเหง จนพวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นราวกับเห็นผี หอโอสถเล็ก ๆ นี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ด้วย
มู่เฉียนซีเอาหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา เมื่อเปลวไฟปรากฏขึ้น สีหน้าของนักปรุงยาเหล่านี้ก็เคร่งขรึมขึ้น เปลวไฟนี้ไม่ธรรมดาเลย
จากนั้นมู่เฉียนซีก็เริ่มลงมือปรุงยา
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่โม่ซวนได้เห็นมู่เฉียนซีปรุงยา เห็น ๆ กันอยู่ว่าอายุนางยังน้อย แต่ฝีมือการปรุงยาและการเคลื่อนไหวของนางนั้นล้วนแต่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่านักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์อีก
รอบบริเวณเงียบเสียจนเสียงเข็มหล่นก็ได้ยิน พวกเขาจ้องมองมู่เฉียนซีตาไม่กระพริบ
กลิ่นอายของการปรุงยานั้น วิธีการปรุงยา วิธีการควบคุมเปลวไฟ และพลังจิตที่แข็งแกร่งกว้างใหญ่ดุจดั่งมหาสมุทรก็มิปาน
เมื่อนึกถึงคำพูดที่พวกเขาพูดออกไปก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาแทบอยากจะตบปากตัวเองเสียเหลือเกิน!
ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยวจริง ๆ!
“ท่าน!”
“ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย!”
“นายท่าน จะให้ข้าทำสิ่งใดข้ายอมทำทุกอย่าง ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ!”
นี่คือนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ นักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง มู่เฉียนซีเล่นกับยาลูกกลอนนั้นพลางกล่าวด้วยท่วงท่าที่เกียจคร้านว่า “ก็แค่ยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง เหตุใดทุกท่านต้องทำถึงเพียงนี้ด้วยล่ะ?”
.