ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1534 พลังแห่งชีวิต
“ราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งล้านหยกซวนระดับสูง ประมูลแต่ละครั้งต้องเพิ่มไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยกซวน เรามาเริ่มประมูลได้!”
ทันทีที่พิธีกรประมูลกล่าวจบ ก็มีคนเพิ่มราคาขึ้นทันที
“หนึ่งร้อยหนึ่งล้าน!”
“หนึ่งร้อยสิบล้าน!”
“……”
ฮวาเจี้ยนอดที่จะกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “นายน้อยหลิ่ว ที่นี่เป็นถิ่นของเจ้า ไม่รู้ว่าเจ้าจะมีหยกซวนประมูลมาสักขวดหรือไม่”
หลิ่วซู่กล่าว “ข้าไม่มีความเห็น”
“ศิษย์น้องมู่เองก็ไม่ได้คิดจะประมูล” หลิ่วซู่กล่าวต่อ
“ข่าวที่ข้าได้รับรายงานมาวันนี้ไม่มีการประมูลของยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ และหากว่ามีจริง ๆ เหตุใดถึงไม่ประกาศแจ้ง เรื่องนี้มันแปลกเกินไปแล้ว!” ฮวาเจี้ยนอามือลูบคางพลางกล่าว
ไม่ว่าอย่างไรการเงินของพวกเขาในวันนี้ก็ไม่อาจประมูลได้
หลังจากการประมูลยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์สิบขวดเสร็จสิ้น แม้ว่าจะหักค่าของประมูลที่นางประมูลไปแล้ว แต่นางก็ยังคงมีรายได้กลับมาหลายสิบล้านหยกซวน
โม่ซวนรู้ว่านักปรุงยาทำเงินได้เก่งกาจมาก แต่คนตรงหน้าเขาผู้นี้เก่งกาจกว่านักปรุงยาเหล่านั้นมากนัก
และหลังจากที่เสร็จสิ้นการประมูลยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ไป การประมูลของชิ้นต่อไปก็ดูน่าเบื่อเล็กน้อย
ไม่นานนัก ของประมูลชิ้นสุดท้ายก็ถูกยกขึ้นมาวาง
พิธีกรประมูลกล่าว “ต่อไปจะเป็นการประมูลของชิ้นสุดท้ายแล้ว”
ผ้าไหมสีแดงถูกเปิดออก เป็นใบไม้ใบหนึ่งที่ถูกวางไว้ในภาชนะผลึกใส
ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็เกิดความโกลาหลขึ้น “นี่เล่นบ้าอะไร! โรงประมูลของพวกเจ้าไม่มีอะไรจะเอามาประมูลแล้วหรือ ถึงกับต้องเอาใบไม้มาประมูลเช่นนี้”
“ต้องเกิดความผิดพลาดขึ้นแน่นอน! นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ใบไม้ก็เอามาประมูลได้ อยากได้เงินจนบ้าคลั่งไปแล้วกระมัง!”
“……”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นรอบ ๆ แต่พิธีกรประมูลมีสติดีมาก
นางกล่าว “ใบไม้ใบนี้ลึกลับมาก พวกเราไม่รู้ความเป็นมาของมัน แต่ไม่ว่าจะโจมตีหรือจะทำลายมันเช่นไรก็ไม่มีสิ่งใดทำลายมันได้ อีกทั้งมันยังไม่กลัวเปลวไฟ โรงประมูลของพวกเราคิดว่ามันเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่ง และเป็นของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง”
มู่เฉียนซีเริ่มสนใจใบไม้ใบนี้ขึ้นมาแล้ว นางกำลังคิดวิเคราะห์ และก็พบว่าใบไม้ใบนี้ไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณ!
อย่างน้อยก็ไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณที่นางรู้จัก
ยิ่งใช้พลังจิตตรวจสอบ นางก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับใบไม้ใบนี้เป็นอย่างมาก
บอกไม่ถูกว่าคุ้นเคยเช่นไร แต่มู่เฉียนซีตัดสินใจจะประมูลมันมา
พิธีกรประมูลกล่าว “ราคาประมูลเริ่มต้นไม่กำหนด ราคาประมูลที่เพิ่มแต่ละครั้งก็ไม่กำหนด ทุกท่านสามารถเริ่มประมูลได้”
ใบไม้ใบเดียว แม้จะฟังดูแล้วน่าเหลือเชื่อ แต่พวกเขาก็ยังคงคิดว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อันใด
และในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็เอ่ยปากขึ้นแล้ว
“หนึ่งหมื่นหยกซวนระดับสูง!”
“สาวน้อยผู้นั้นอีกแล้ว นี่นางเห็นหยกซวนเป็นก้อนหินไปแล้วหรืออย่างไร” คนอื่นต่างตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น
มู่เฉียนซีสนใจใบไม้ใบนั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่โม่ซวนคาดไม่ถึงเช่นกัน
เขากล่าวถามว่า “ใบไม้ใบนั้นมีอันใดพิเศษเหรอ?”
“ตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจ ประมูลเอามาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”
มู่เฉียนซีเสนอราคาประมูลออกไปทำให้ทุกคนคิดว่าใบไม้ใบนี้ต้องเป็นของล้ำค่าเป็นแน่!
บางคนร่ำรวยมีเงินเหลือเฟือ แน่นอนว่าคนเหล่านี้ก็เสนอราคาประมูลตามด้วย เพื่อทำให้การประมูลของมู่เฉียนซีไม่ราบรื่น
“ห้าหมื่นหยกซวนระดับสูง!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา มู่เฉียนซีเพิ่มราคาขึ้นอีก “หนึ่งแสน!”
โรงประมูลเกิดความโกลาหลขึ้นแล้ว จ่ายหนึ่งแสนเพื่อแลกกับใบไม้ใบเดียว มันสนุกมากหรืออย่างไร อีกอย่างหนึ่งแสนหยกซวนเช่นนี้ นับว่าเป็นการล้างผลาญหยกซวนโดยแท้
มีคนไม่สบายใจ จึงเรียกราคาเพิ่มขึ้นอีก “หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น!”
มู่เฉียนซีเงียบลงแล้ว นางมองออกว่าคนพวกนั้นตั้งใจ
คนเหล่านั้นเริ่มรู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหลพรากออกมาแล้ว หากใช้หยกซวนหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นชิ้นไปแลกกับใบไม้ใบเดียวเช่นนั้นจริง ๆ ต้องซวยเป็นแน่แท้
“หนึ่งหมื่นหนึ่งแสนครั้งที่หนึ่ง!” เมื่อทิ้งระยะห่างในการเสนอราคาเช่นนี้ พิธีกรประมูลจึงเริ่มนับแล้ว
“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นครั้งที่สอง!”
ยังไม่มีผู้ใดเสนอเพิ่มราคาออกมา สีหน้าของคนที่เสนอราคาผู้นี้เริ่มซีดขาวราวกับกระดาษ!
และในขณะที่พิธีกรประมูลกำลังจะนับครั้งที่สาม มู่เฉียนซีก็ล่าวขึ้นด้วยความเกียจคร้านว่า “เอาล่ะ! ข้าเพิ่มหยกซวนให้อีกชิ้นก็แล้วกัน!”
มู่เฉียนซีเพิ่มหยกซวนเพียงแค่ชิ้นเดียว ก็ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!
ทว่า คนผู้นั้นกลับรู้สึกโล่งอกราวกับได้ยกภูเขาออก ขอเพียงแค่ไม่ใช่เขาที่ต้องจ่ายไปก็พอแล้ว
คนอื่นก็ไม่กล้าเพิ่มราคาแล้ว เพราะครั้งนี้สาวน้อยเพิ่มเพียงแค่หนึ่งหยกซวนเท่านั้น
หากมีคนกล้าเสนอคาราออกมาอีก แล้วนางไม่เพิ่มแม้แต่หยกซวนเดียว เช่นนั้นแล้วใบไม้ที่ไร้ประโยชน์นี้ก็คงต้องตกเป็นของพวกเขาเป็นแน่
ไม่มีใครอยากเสียหยกซวนเป็นจำนวนมากเพื่อแลกกับใบไม้นั้นใบเดียว
สุดท้าย มู่เฉียนซีก็ประมูลใบไม้นี้มาได้
ผู้ดูแลโรงประมูลมาพบมู่เฉียนซีด้วยตัวเอง เขากล่าว “ของที่ท่านประมูลอยู่ในนี้แล้ว ส่วนหยกซวนที่ได้มาจากการวางประมูลยาลูกกลอนก็อยู่ในบัตรผลึกซวนสีฟ้านี่แล้ว”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
เมื่อผู้ดูแลเดินออกไป มู่เฉียนซีก็อดใจที่จะเปิดภาชนะผลึกใสเอาใบไม้ใบนั้นออกมาดูไม่ได้
นางใช้พลังจิตเพื่อที่จะสัมผัสมัน จนกระทั่งพบว่าในใบไม้ใบนี้มีพลังแห่งชีวิตอันแข็งแกร่งอยู่
เหตุใดถึงได้คุ้นเคยกับมันนักนะเหรอ ก็เพราะว่าพลังแห่งชีวิตนี้เหมือนกับพลังแห่งชีวิตของชิงอิ่งมากนั่นเอง!
มู่เฉียนซีตื่นเต้นมาก เพราะใบไม้นี้อาจสามารถช่วยให้ชิงอิ่งฟื้นขึ้นมาเร็วกว่าเดิมได้
มู่เฉียนซีเอาใบไม้นี้เก็บไว้ในมิติ ผลลัพธ์ที่ได้คือ มันเจาะเข้าไปในร่างกายของชิงอิ่ง มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่ามีแสงสีฟ้าจาง ๆ แสงหนึ่งกำลังห่อหุ้มชิงอิ่งเอาไว้
ต้องได้ผลแน่นอน!
โม่ซวนพบว่าหัวหน้าหอมู่มีความสุขเป็นพิเศษเมื่อได้ใบไม้ใบนี้มา เขาจึงไม่รบกวนนางแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีกลับมามีสติอีกครั้ง นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ครั้งนี้ได้ของดีมา ข้ามาไม่เสียเที่ยวเลยจริง ๆ”
โม่ซวนกล่าว “หัวหน้าหอมู่ บัตรผลึกซวนสีม่วงใบนี้เจ้าเอาไปใช้ก่อน กำไรส่วนแบ่ง ข้าเอาไว้ในนี้แล้ว”
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
นักปรุงยานั้นผลาญเงินเก่งมาก เนื่องจากสมุนไพรวิญญาณล้วนแต่มีราคาสูงลิ่วทั้งสิ้น
โม่ซวนยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ดังนั้นเขาจึงเดินทางออกจากเมืองเฟิงหุยไปก่อน
มู่เฉียนซี หลิ่วซู่และพวกเตรียมตัวไปพักผ่อนหนึ่งคืน วันพรุ่งถึงจะเดินทาง
เดิมทีหลิ่วซู่อยากเชิญพวกเขาไปพักที่จวนท่านเจ้าเมือง แต่มู่เฉียนซีกลับปฏิเสธ อยู่ในเมืองเฟิงหุยพักอยู่ในโรงเตี๊ยมดีที่สุดแล้ว
จากนั้นไม่นานก็มีคนมาหาพวกเขา!
มู่เฉียนซีเปิดประตูออกมา มองไปที่คนแปลกหน้าเหล่านั้น “พวกเจ้ามีเรื่องอันใด?”
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีเหลืองผู้หนึ่งกล่าวว่า “แม่นางน้อยก็คือคนที่ประมูลหญ้าวิญญาณไปได้ในวันนี้ใช่หรือไม่! ข้าอยากจะถามแม่นางน้อยสักหน่อยว่า ต้องทำเช่นไรแม่นางน้อยถึงจะยอมมอบหญ้าวิญญาณนั้นให้แก่ข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ของที่อยู่ในมือข้าแล้ว ไม่มีเหตุผลใดต้องมอบให้คนอื่น พวกเจ้ากลับไปเถอะ! อย่ามารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า”
ผู้ช่วยของชายชุดเหลืองผู้นี้เกิดความไม่พอใจขึ้นแล้ว เขากล่าว “ท่านอาจารย์ของพวกข้าเป็นถึงนักปรุงยาแห่งสำนักวารีเมฆาเชียวนะ พลังความแข็งแกร่งของท่านอาจารย์ข้าเกือบจะถึงขั้นที่หลอมยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เจ้าอย่าได้ทำนิสัยเช่นนี้กับท่านอาจารย์”
นักปรุงยาที่เกือบจะถึงขั้นที่หลอมยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้กับนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ห่างชั้นกันมาก เพียงแต่ว่าชายไร้ยางอายผู้นี้ชอบที่จะรักษาหน้าตาของตัวเองเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “นิสัยข้า เป็นเช่นไรเหรอ ข้าก็พูดชัดเจนอยู่แล้ว พวกเจ้าฟังภาษาคนไม่ออกหรืออย่างไร?”
“ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เช่นนั้น…ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง”
เขาถูกมู่เฉียนซียั่วโมโห ดังนั้นจึงลงมือกับมู่เฉียนซีทันที
มู่เฉียนซีกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวออกไปให้พ้น!”
นางโคจรพลังวิญญาณขึ้นและเตะคนผู้นั้นกระเด็นลอยออกไป
ตุบ! ไม่ใช่เพราะพลังของเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่ความเร็วของมู่เฉียนซีเร็วเกินไป สุดท้ายเขาจึงถูกโจมตีจนหน้าฟกช้ำดำเขียว อับอายขายหน้ายิ่งนัก
.