ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1536 ปล้นจนสิ้นเนื้อประดาตัว
ทันทีที่อู๋ตี้ออกมาก็ทำให้ศิษย์ของปรมาจารย์หวงตกตะลึงพรึงเพริดจนวิ่งเตลิดหนีไป จะเอาอารมณ์ที่ไหนมารับมือกับหลิ่วซู่และพวกกันเล่า
ปรมาจารย์หวงตกใจจนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง มู่เฉียนซีกล่าวเตือนว่า “ตั้งใจหน่อยสิ! อยากจบชีวิตแล้วหรืออย่างไร”
ปรมาจารย์หวงโกรธเกรี้ยวจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เขากล่าวเสียงขรึมว่า “สาวน้อย เจ้ารนหาที่ตาย!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
พยายามต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งนาน แต่ความเป็นจริงกลับบอกเขาว่า คนที่รนหาที่ตายนั่นก็คือเขาเอง!
“ทักษะโยวจั๋ว!”
ตูม!
ปรมาจารย์หวงถูกโจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไป พลางกระอักเลือดคำโตออกมา
เขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี ทั้งรู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน
“เจ้า…เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้นะ มิเช่นนั้นสำนักวารีเมฆาไม่มีทางปล่อยสำนักลั่วเยว่ไปแน่”
เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งโดยรวมของสำนักแล้ว สำนักวารีเมฆานั้นแข็งแกร่งกว่ามาก
หลิ่วซู่เองก็กลัวว่ามู่เฉียนซีจะวู่วาม เขาจึงกล่าวว่า “ศิษย์น้องมู่ หากยิ่งสร้างความขัดแย้งระหว่างสำนักมันจะยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหญ่ ปรมาจารย์ผู้นี้เป็นถึงนักปรุงยาแห่งสำนักวารีเมฆา สถานะของเขาไม่ธรรมดาแน่นอน”
ปรมาจารย์หวงกล่าว “นับว่าเจ้าหนุ่มอย่างเจ้ายังรู้จักคิด ข้าเป็นถึงนักปรุงยาอันดับสองแห่งสำนักวารีเมฆา! หากตรวจสอบรู้ว่าศิษย์สำนักลั่วเยว่เป็นคนลงมือฆ่าข้า พวกเจ้าก็รอคอยเคราะห์ร้ายได้เลย!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ใครบอกว่าข้าจะฆ่าเจ้ากันล่ะ!”
รักษาชีวิตเอาไว้ได้ เขาก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวต่อว่า “เพียงแต่ว่า พวกเจ้าปล้นข้า พวกเจ้าก็ต้องชดใช้ให้ข้าสักหน่อย เอาของมีค่าของพวกเจ้าออกมาให้หมด”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ปรมาจารย์หวงเบิกตากว้างพลางอุทานออกมาด้วยความตกใจ
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “พูดง่าย ๆ ก็คือปล้นนั่นแหละ! หรือว่าพวกเจ้าเป็นฝ่ายปล้นข้าได้ฝ่ายเดียว ข้าปล้นพวกเจ้าไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่มีทาง!”
“ไม่มีทางอย่างนั้นเหรอ!” ในตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงได้วางทาบลงบนคอเขาแล้ว
หากเป็นกระบี่ธรรมดาทั่วไปจะเย็นยะเยือก แต่พลังธาตุอัคคีของกระบี่เล่มนี้ได้แผดเผาผิวหนังของเขาภายในชั่วพริบตา
“ฆ่าเจ้าไปก็วุ่นวายเปล่า ๆ แต่มันมีคำหนึ่งที่เขาเรียกกันว่าฆ่าทำลายซากศพและกำจัดร่องรอย! อีกอย่างเจ้าก็ถูกผู้ที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งอย่างข้าฆ่า เกรงว่าในแดนซวนเทียนแห่งนี้คงจะมีแค่ไม่กี่คนกระมังที่เชื่อ!”
ปรมาจารย์หวงเหงื่อเย็นไหลพรากด้วยความหวาดกลัว เขากล่าวอย่างร้อนรน “ข้าให้! ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง จะ…เจ้า เจ้าอย่าได้วู่วามลงมือเชียว!”
ปรมาจารย์หวงมอบของทั้งหมดให้มู่เฉียนซีด้วยความเจ็บปวดใจ มู่เฉียนซีมองไปที่ศิษย์สามคนนั้นของเขาพลางกล่าว “พวกเจ้าล่ะ?”
“ให้ ๆ ข้าให้แล้ว!”
“นี่ของข้า รับรองไม่มีแอบเอาไว้อีกแล้ว”
“……”
ท่านอาจารย์ของพวกเขายอมจำนนแล้ว แล้วพวกเขาสามคนจะกล้าขัดขืนได้อย่างไรกันเล่า
มู่เฉียนซีเก็บของของพวกเขาด้วยท่าทางที่สงบ จากนั้นก็กล่าวว่า “เสื้อผ้าของอาจารย์พวกเจ้าก็มีค่ามากนะ พวกเจ้าลงมือถอดออกเร็วเข้า!”
ฮะ! พวกเขาแต่ละคนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ พลางจ้องไปที่มู่เฉียนซีอย่างตกตะลึง
อู๋ตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เป็นอะไรไปล่ะ หรือจะให้นายท่านของข้าต้องพูดอีกรอบฮะ”
“ไม่กล้าขอรับ ไม่กล้า!”
“ไม่กล้าขอรับ พวกเราไม่กล้า!”
สุดท้าย พวกเขาก็ถอดเสื้อผ้าของปรมาจารย์หวงออกจริง ๆ
ปรมาจารย์หวงตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ท่านอาจารย์ ขอโทษด้วยขอรับที่ต้องล่วงเกิน”
มู่เฉียนซีกล่าว “อย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว มิเช่นนั้น…”
และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่อยากเห็นเจ้าเฒ่าผู้นี้เปลือยกาย ฮวาเจี้ยนและชายอีกสามคนก็ดูเก้ ๆ กัง ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นมู่เฉียนซีเล่นตลกได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้!
เสื้อผ้าของปรมาจารย์หวงถูกถอดออกมาจนหมด ตัวเขาเปลือยเปล่าจนหนาวสั่น เขาอับอายขายหน้าจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี
ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเลย แม้แต่ใบไม้สักใบก็ไม่มี
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าก็ด้วย ถอดออกมาให้หมด!”
ฮะ!
มู่เฉียนซีไม่ทันพูด พวกเขาก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าต้องทำเช่นไร
หลังจากที่พวกเขาถอดออกจนหมด มู่เฉียนซีก็กวัดแกว่งกระบี่ไปมาสองสามครั้ง เปลวไฟพุ่งออกไปแผดเผาเสื้อผ้าเหล่านั้นทั้งหมดสิ้น
พวกเขากล่าวด้วยความโศกเศร้าเสียใจว่า “ฮือ ๆ ๆ! เจ้าบอกว่ามันมีค่าไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงเผาเสียล่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความเกียจคร้านว่า “อ้อ! ข้าดูผิดไปน่ะ ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีค่าเอาซะเลย ก็เลยเผาทิ้งไปเสีย”
พวกเขาแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว นางจงใจ! นางจงใจชัด ๆ
มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย “กล้าแย่งชิงของของข้า ก็ต้องทำใจเอาไว้บ้างว่า ข้าจะแย่งชิงของของเจ้าจนแม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่เหลือให้สักชิ้นเดียว”
พวกเขาอดที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่ได้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
ฮวาเจี้ยนยิ้มพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้องมู่ เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราไปกันเถอะ!”
“อืม!”
ระหว่างทาง ฮวาเจี้ยนหัวเราะออกมา พลางกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ! ข้าอดขำไม่ได้จริง สี่คนนั่นคงจะเปลือยกายกลับสำนักเป็นแน่ ช่างน่าอนาถเสียจริง”
หลิ่วซู่รู้สึกว่าล่วงเกินใครก็ได้แต่อย่าได้ล่วงเกินศิษย์น้องมู่เป็นอันขาด วิธีเช่นนี้ช่างโหดร้ายเกินไปจริง ๆ
มู่เฉียนซีเมื่อกลับมาถึงสำนักลั่วเยว่ก็เริ่มเก็บตัวฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ และรอวันที่จะมีการเข้าร่วมการประลองจัดอันดับของสำนักใน
ส่วนท่านอาจารย์จิ่วเยี่ยผู้นี้ก็มาที่นี่ทั้งวันทั้งคืน เขาดูไม่เหนื่อยเลยสักนิด
คนเดียวที่เหนื่อยก็คือนาง สีหน้าของมู่เฉียนซีจึงดำคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ
ในที่สุด วันที่จัดประลองการจัดอันดับของสำนักในก็มาถึง ทั้งสำนักในต่างครึกครื้นขึ้นเป็นพิเศษ
ไม่มีใครสละสิทธิ์ทิ้งโอกาสที่จะได้สั่งสอนสหายร่วมสำนักในครั้งนี้เลย แม้แต่มู่เฉียนซีและพวกที่เพิ่งจะเข้ามายังสำนักในได้ไม่นานก็ล้วนแต่ลงชื่อสมัครแล้วเรียบร้อย
ลานประลองยุทธ์ของสำนักในแห่งสำนักลั่วเยว่นั้นกว้างใหญ่มาก เหล่าบรรดาผู้อาวุโสก็ล้วนแต่นั่งประจำที่กันแล้ว
ฮวาเจี้ยนเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับการประลองในครั้งนี้มากนัก การประลองจัดอันดับในครั้งนี้เขาเพียงแค่ผ่านการคัดเลือกเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงลงเอยด้วยการไปวางเดิมพัน
เขากล่าว “ข้าขอวางเดิมพัน ศิษย์น้องมู่ มู่เฉียนซีจะต้องคว้าอันดับหนึ่งได้แน่นอน! ข้าขอวางเดิมพันด้วยหยกซวนระดับสูงหนึ่งแสนชิ้น”
นี่เป็นขีดจำกัดที่สูงที่สุดแล้ว อีกอย่างหยกซวนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของศิษย์น้องมู่ นี่เป็นคำขอของศิษย์น้องมู่
อัจฉริยะสำนักในนั้นมีมากมาย แต่อัจฉริยะจะเทียบกับผู้วิปริตได้อย่างไรกันเล่า
“ศิษย์น้องมู่เฉียนซี เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่มีชื่อนางติดอันดับเลยล่ะ?”
“ข้าจำเจ้าได้แล้ว เจ้าเพิ่งจะเข้าสำนักในมาไม่ใช่เหรอ ศิษย์น้องมู่ผู้นั้นคงจะไม่เหมือนเจ้ากระมัง!”
“ศิษย์น้อง เจ้าเยี่ยมยอดจริง ๆ ทุ่มหนักถึงเพียงนี้เพื่อเอาอกเอาใจศิษย์น้องผู้นั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะวางเดิมพันว่านางจะได้อันดับหนึ่ง หากเป็นร้อยอันดับแรกก็ยังพอจะเป็นไปได้บ้าง”
ฮวาเจี้ยนยิ้มพลางกล่าว “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของพวกเจ้า! ข้าจะวางเดิมพัน”
เมื่อคิดว่ามันสามารถเพิ่มหยกซวนได้เป็นสองเท่า เขาก็รู้สึกเจ๋งขึ้นมาทันที!
การกระทำของฮวาเจี้ยนทำให้หลิ่วซู่ก็เข้ามาร่วมด้วย “ข้าก็ขอวางเดิมพันว่าศิษย์น้องมู่จะคว้าอันดับหนึ่งได้ หนึ่งแสนหยกซวนระดับสูง”
เฟิงซู่ที่ทำตัวคาดเดายากในตอนนี้ก็มาแล้ว “หนึ่งพันหยกซวนระดับสูง ข้าวางเดิมพันว่าศิษย์น้องมู่คว้าอันดับหนึ่งได้แน่นอน”
มีเงินก็ต้องเอามาต่อยอด จะได้ไม่สูญเปล่า หากมีหยกซวนมากพอ การฝึกฝนของเขาก็จะยิ่งรวดเร็วขึ้น
เนื่องจากการกระทำเช่นนี้ของพวกเขา ทุกคนจึงรู้สึกแปลกใจและสงสัยในตัวมู่เฉียนซี
“ศิษย์ที่เพิ่งจะเข้าสำนักในมาได้ไม่นาน ยังคิดจะคว้าอันดับหนึ่ง ต่อให้ฝันกลางวันแสก ๆ ก็คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะอวดดีเช่นนี้! ข้าวางเดิมพันห้าหมื่นหยกซวน พี่ชายข้าต้องชนะแน่นอน”
คนอื่น ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ศิษย์น้องเซียวเชวี่ย พี่ชายของเขาก็คือเซียวซวงอัจริยะอันดับสองเชียวนะ”
“ได้ยินมาว่าศิษย์น้องเซียวซวงเพิ่งออกมาจากการเก็บตัวบำเพ็ญ พลังเพิ่มขึ้นมาก การที่เขาจะคว้าอันดับหนึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้มากนะ”
ภายใต้การรอคอยของทุกคน ในตอนนี้เองผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักในก็กล่าวว่า “การประลองจัดอันดับของสำนักในได้เริ่มขึ้นแล้ว ศิษย์สำนักในแห่งสำนักลั่วเยว่ของข้ามีด้วยกันทั้งหมดสามร้อยคน แบ่งออกเป็นสามสิบกลุ่ม หนึ่งคนในสามสิบกลุ่มนี้จะได้รับการยกเว้นการประลองในเก้ารอบแรก”
“เอาล่ะ ตอนนี้เริ่มจับฉลากได้”
หลังจากจับฉลากเสร็จสิ้น มู่เฉียนซีก็อยู่ในกลุ่มที่สาม
เพียงแต่ว่า ก็ยังเร็วเกินไปที่นางจะขึ้นลานประลอง เพราะคนที่ขึ้นลานประลองเร็วกว่านางก็คือฮวาเจี้ยนนั่นเอง
ทันทีที่ฮวาเจี้ยนและคู่ต่อสู้ประมือกัน ฝ่ายตรงข้ามก็กล่าวดูถูกเหยียดหยามเขาว่า “ช่วงนี้ศิษย์สำนักนอกของสำนักลั่วเยว่ของเราชักจะเย่อหยิ่งมากเกินไปเสียแล้ว! พลังยังไม่ถึงขั้นมหาจักรพรรดิ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเข้ามาสำนักในได้แล้ว”