ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1539 ศิษย์พี่กับศิษย์น้องหญิง
มู่เฉียนซีเรียก “ศิษย์พี่!”
ผลลัพธ์ที่ได้คือ คำพูดสองคำนี้ทำให้สีหน้าของฉู่หลีพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้น
ผู้คนรอบข้างต่างก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ จึงไม่กล้าเอ่ยปากส่งเสียงใดออกมา จากนั้นฉู่หลีก็ยื่นของรางวัลให้มู่เฉียนซี ก่อนที่ร่างในชุดดำนั้นจะเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วจนในที่สุดก็อันตรธานหายไป!
รวดเร็วยิ่งนัก!
ทุกคนล้วนแต่เผยสีหน้างุนงงออกมา นี่มันอะไรกัน!
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “สาวน้อย ฉู่หลียอมรับเจ้าเช่นนี้ ท่านเจ้าสำนักจะต้องชอบเจ้ามากแน่นอน รอให้ท่านเจ้าสำนักออกจากการเก็บตัวฝึกบำเพ็ญก่อน แล้วเจ้าก็จะได้คารวะท่านอาจารย์อย่างเป็นทางการแล้ว”
“เจ้าหนุ่มนั่นก็เป็นคนเย็นชาเช่นนี้นี่แหละ เจ้าอย่าได้ถือสาเลยนะ!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อืม! ข้าไม่ถือสาเจ้าค่ะ”
ได้กลายเป็นศิษย์ของท่านเจ้าสำนักและได้รู้จักกับหัวหน้าศิษย์ของท่านเจ้าสำนักเช่นนี้ วันนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก ส่วนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จู่ ๆ ศิษย์พี่ท่านนั้นก็เผยสีหน้าเย็นชาออกมาอย่างลึกลับ มู่เฉียนซีไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
หลังจากที่การประลองได้ปิดฉากลง มู่เฉียนซีก็กลับไปพักผ่อน
และฉู่หลีที่จู่ ๆ ก็หายตัวไปนั้น ตอนนี้เขายืนมองดูทะเลสาบอันเงียบสงบอยู่บนยอดเขา เขารู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหูอย่างแปลกประหลาด
สายลมพัดไสวมาเป็นระลอก ๆ เขาเองก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า ใบหูของเขาในตอนนี้แดงก่ำขึ้นแล้ว
เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ศิษย์น้อง!”
ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักลั่วเยว่ มีคนในสำนักมากมายเรียกเขาว่าศิษย์พี่ใหญ่ ทว่า ตอนนี้ความรู้สึกกลับแตกต่างออกไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
และเมื่อเขาได้สติกลับมา ก็พบว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ!
เขาวิ่งหนีออกมาอย่างลึกลับเช่นนี้ ศิษย์น้องจะรังเกียจเขาหรือไม่นะ!
ภายในชั่วพริบตาเดียว ฉู่หลีก็รู้สึกสับสนขึ้น
มู่เฉียนซีนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เรื่องที่ข้าจะทำหลังจากเข้ามาในสำนักลั่วเยว่ ตอนนี้สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว”
จิ่วเยี่ยรับจอกน้ำชาจากมือมู่เฉียนซี จากนั้นก็กล่าวถามว่า “ทักษะโยวจั๋วซีก็ฝึกฝนได้แล้ว ต่อจากนี้จะเตรียมทำเช่นไร ข้าจะเผชิญไปกับเจ้าเอง”
นับตั้งแต่คำสาปถูกดอกบัวเงินครามหัวใจทะเลยับยั้งเอาไว้ได้อย่างคงที่แล้ว จิ่วเยี่ยก็อยู่ข้างกายมู่เฉียนซีตลอดเวลา
แดนซวนเทียนไม่อาจเทียบกับดินแดนสี่ทิศได้ สถานะของซีตอนนี้อันตรายมาก
มู่เฉียนซีกล่าว “อยู่ฝึกฝนที่สำนักลั่วเยว่ก่อน รอให้หอหมอปีศาจตั้งรกรากได้อย่างมั่นคงในอาณาเขตหนานหลิงก่อน แล้วข้าจะออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ข้างนอก”
หอหมอปีศาจเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นได้ไม่นาน จำเป็นต้องมีหมอปีศาจประจำการอยู่
“อืม!”
มู่เฉียนซีมองดูรางวัลนั้นอย่างพิจารณา ก่อนจะเปิดกล่องใบนั้นออก และกล่าวว่า “ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับสูงสุด รางวัลอันดับหนึ่งในการจัดอันดับครั้งนี้ถือว่าไม่เลวเลย”
เนื่องจากยาลูกกลอนระดับนี้เป็นรองเพียงยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
หากผู้อาวุโสสูงสุดเห็นยาลูกกลอนนี้ เขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน
สิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดเตรียมเอาไว้ให้เป็นรางวัลนั้น เป็นเพียงแค่ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับธรรมดาเท่านั้น แล้วนี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน
เนื่องจากมู่เฉียนซีอารมณ์ดี องค์ชายจิ่วเยี่ยจึงรู้สึกมีความสุขมาก
และจุดจบของการมีความสุขนั้นก็ถูกมู่เฉียนซีจับแทงเข็มจนกลายเป็นเม่น
“อย่าขยับเชียวนะ!” มู่เฉียนซีจ้องมองชายรูปงามตรงหน้าพลางกล่าว
วันนี้นางเพิ่งจะศึกษาการฝังเข็มมาได้ จึงอยากลองดูสักหน่อยว่าสามารถยับยั้งคำสาปในร่างของจิ่วเยี่ยได้หรือไม่
จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด มองนางราวกับว่ามองเท่าไรก็ไม่เพียงพอ
จิตใจอันแน่วแน่และความตั้งใจของนาง นางพยายามเร่งรีบจะทะลวงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองให้ได้เร็วที่สุด
ฉู่หลีรู้ว่าเรือนพักของมู่เฉียนซีอยู่ที่ใด เขาเดินไปมาอยู่หน้าประตูหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะหันหลังกลับ
ทว่า ในขณะที่เขากำลังจะกลับนั้นก็ได้เจอกับผู้อาวุโสสูงสุดเข้าพอดี ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวว่า “ฉู่หลี นี่เจ้าไม่ฝึกบำเพ็ญหรอกเหรอ ถึงได้มาเดินเตร่อยู่ที่นี่ได้”
ฉู่หลีกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ในเมื่อศิษย์น้องหญิงเป็นศิษย์ของท่านเจ้าสำนักแล้ว ก็ควรจะย้ายไปที่ยอดเขาท่านเจ้าสำนัก เรื่องนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ความจำข้าเลอะเลือนไปแล้วหรือนี่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะลืมได้ ไป ๆ ฉู่หลี เข้าไปคุยกับสาวน้อยพร้อมกับข้า”
สีหน้าของฉู่หลีพลันเปลี่ยนไปทันที เขากล่าวว่า “ข้าจะไปฝึกบำเพ็ญแล้ว ท่านจัดการคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
กล่าวจบ ฉู่หลีก็เผ่นหนีไปทันที!
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดเผยความประหลาดใจออกมา เจ้าเด็กคนนี้เป็นอะไรไป?
หากจะบอกว่าเกลียดชังสาวน้อยผู้นั้น แล้วเหตุใดต้องตอบตกลงด้วยล่ะ!
“ย้ายไปที่ยอดเขาท่านเจ้าสำนัก” มู่เฉียนซีเมื่อรู้เรื่องนี้เข้าก็ตกใจขึ้นเล็กน้อย
“ใช่แล้ว! สาวน้อย ยอดเขาท่านเจ้าสำนักมีพลังวิญญาณมากพอที่จะทำให้เจ้าเพิ่มพลังได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อายุเจ้าเพียงเท่านี้ แต่มีความแข็งแกร่งปานนั้น มันก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องขยันหมั่นเพียรนะ”
“หากมองดูราชวงศ์ตงหวงแล้ว เด็ก ๆ ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ก็ยังมีอีกมาก อย่างเช่น…”
คนลึกลับผู้นั้นไม่ธรรมดาเลย ส่วนอาจารย์อีกท่านก็ยังไม่ออกจากการเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ ดังนั้นเขาจึงต้องดูแลให้ดี
ที่ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าววาจามากความเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้เด็กวัยนี้มีความภาคภูมิใจมากเกินไป จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกบำเพ็ญ
แต่…ผู้อาวุโสสูงสุดคิดมากเกินไปแล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวต่อว่า “หากเจ้าไปที่ยอดเขาท่านเจ้าสำนัก เมื่อท่านเจ้าสำนักออกจากการเก็บตัวฝึกบำเพ็ญเจ้าก็จะได้รู้ในทันที และเจ้าก็จะได้เจอเขาทันที”
ในจุดนี้ มู่เฉียนซีไม่ปฏิเสธ!
ถูกตาเฒ่าผู้นั้นหลอกให้เข้ามาในสำนักลั่วเยว่ และที่นางมาก็เพื่ออยากเจอท่านเจ้าสำนัก และอยากสืบหาข่าวของท่านพ่อของนางด้วย
ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีจึงยินดีที่จะย้ายไป
ก่อนหน้านี้ยอดเขาท่านเจ้าสำนักมีคนอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น และมันยังเป็นสถานที่ที่หนาวเย็นมากเป็นพิเศษอีกด้วย
ทว่า ตอนนี้มีมู่เฉียนซีเพิ่มเข้ามาอีกคนหนึ่งแล้ว!
และสิ่งที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือ ฉู่หลีไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
ยอดเขาท่านเจ้าสำนักกว้างใหญ่มาก แม้แต่ที่อยู่ของศิษย์ร่วมอาจารย์ก็อยู่ห่างกันมาก
อยู่ด้วยความสงบและไม่มีเหตุต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน!
ฉู่หลีในตอนนี้กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว!
ศิษย์น้องหญิงยังไม่มาขอคำแนะนำในการฝึกฝนจากเขาเลย!
ศิษย์น้องหญิงยังไม่มาร่วมโต๊ะอาหารกับเขาเลย!
ศิษย์น้องหญิง…
หรือว่านางจะรังเกียจเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ?
หลายวันที่ผ่านมานี้ผ่านไปด้วยความสงบ ทว่า จู่ ๆ ก็มีข่าว ๆ หนึ่งรายงานเข้ามาในสำนักลั่วเยว่ ข่าวนี้ทำให้เหล่าบรรดาผู้อาวุโสในสำนักไม่สามารถอยู่อย่างสงบใจได้แล้ว
“อะไรนะ? เจ้าสำนักวารีเมฆาทะลวงพลังปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ซวยแล้ว! เจ้านั่นได้สมปรารถนาแล้ว”
“……”
ในสำนักกองกำลังระดับสาม ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าเท่านั้นเอง
มียอดฝีมือขั้นนี้นั่นหมายความว่าบุคคลเช่นนี้เพียงพอที่จะเป็นเสาหลักได้ และมีโอกาสมากที่จะเป็นกองกำลังระดับสามที่แข็งแกร่งที่สุด
สำนักที่อยู่ใกล้ ๆ สำนักลั่วเยว่หลายสำนักไม่ปรากฏยอดฝีมือขั้นนี้มานานมากแล้ว และในที่สุดก็ได้ปรากฏขึ้นในสำนักวารีเมฆา
ตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรวู่วามได้
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ ท่านเจ้าสำนักวารีเมฆาส่งเทียบเชิญมาให้ขอรับ”
ในเทียบเชิญนั้นมีตัวอักษรบันทึกเอาไว้ว่า ‘เขาทะลวงพลังวิญญาณได้สำเร็จและถึงวันเกิดครบห้าร้อยปีของเขาพอดี จึงได้ส่งเทียบเชิญมาให้เหล่าผู้อาวุโสทุกท่านเข้าร่วมอวยพรในวันเกิดนี้
โดยสามารถพาอัจฉริยะในสำนักของตัวเองไปด้วยได้ เขาเป็นยอดฝีมือขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด จึงอารมณ์ดีพอที่จะสามารถชี้แนะได้ เพื่อที่สำนักของพวกเขาอาจจะเกิดยอดฝีมือเช่นนี้ขึ้นสักคนก็ได้’
อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการอวดอ้างความแข็งแกร่งหรอก!
อีกอย่าง จะไม่ไปเข้าร่วมก็ไม่ได้อีก!
ปัญหาในเรื่องของผู้ใดจะเป็นคนไป และจะพาศิษย์คนใดไปนั้น เหล่าบรรดาผู้อาวุโสต่างถกเถียงกันไปมาอย่างไม่รู้จบ
เดิมทีสำนักลั่วเยว่ของพวกเขานั้นไม่อาจเทียบสำนักวารีเมฆาได้เลย เรื่องเช่นนี้จึงไม่มีผู้ใดอยากไปเผชิญ
ถกเถียงกันไปมาครึ่งค่อนวันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่จับฉลากเพื่อเป็นการตัดสินใจ
ผู้อาวุโสเจ็ดที่จับโดนเข้าแล้ว เขากล่าวด้วยสีหน้าอันขมขื่นใจว่า “พวกเจ้าช่างไร้มนุษยธรรมเสียจริงเลย”
เลือกผู้อาวุโสได้แล้ว แล้วศิษย์ล่ะ?
“ต้องเลือกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดไป”
“ใช่! ให้พวกนั้นรอดูพวกเราได้เลย”
“คิดว่าสำนักลั่วเยว่ของพวกเรารังแกกันได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?”
ต่อมาพวกเขาก็เสนอคนผู้หนึ่งมา!
“สาวน้อยผู้นั้น มู่เฉียนซี!”
“หากจะให้สาวน้อยผู้นั้นไป เหตุใดไม่ให้ฉู่หลีไปเสียเองเลยล่ะ! ฮี่ ๆ ๆ หากฉู่หลีไปแล้วใครจะกล้าหาเรื่องล่ะ หากเป็นเช่นนั้นสำนักวารีเมฆาต้องซวยเป็นแน่”
“หากเจ้านั่นยอมไป ข้าก็คงจะเป็นคนไปเองแล้วล่ะ จะมัวมาจับฉลากโดนเจ้าเจ็ดอยู่ทำไมกันเล่า?” ผู้อาวุโสสูงสุดลูบเคราพลางกล่าว
.
.