ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1540 จัดการอย่างเงียบ ๆ
ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าวว่า “ก็ลองไปดูสักตั้ง จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็อีกเรื่อง!”
อย่างไรเสียสถานการณ์ของสำนักลั่วเยว่ก็ไม่ค่อยจะดีนัก พวกเขาก็อยากจะกู้หน้าตาของสำนักคืนมาเช่นกัน
“ได้! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”
ผู้อาวุโสเจ็ดจึงไปหามู่เฉียนซีก่อน มู่เฉียนซีกล่าว “ไปร่วมงานเลี้ยงของเจ้าสำนักวารีเมฆาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ!”
“อันที่จริงแล้วเขาก็แค่อยากอวดก็เท่านั้น แต่ที่ต้องการให้พาศิษย์ไปด้วยก็คงอยากบอกว่าศิษย์สำนักเขาแข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงตอนนั้นการประลองฝีมือก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ หากสาวน้อยไป ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดนะ เช่นนี้แล้วเจ้ายังจะไปอยู่หรือไม่?”
“ไปเจ้าค่ะ!”
คนของสำนักวารีเมฆา ตั้งแต่นางมาถึงแดนซวนเทียนนางก็ได้เจอถึงสองครั้งสองคราแล้ว ไม่มีความประทับใจที่ดีเลย
จากนั้นผู้อาวุโสเจ็ดก็ไปหาฉู่หลีต่อ!
ผู้อาวุโสเจ็ดพูดจนปากแห้งเช่นไรก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!
เขาโกรธมากจนอยากจะกระอักเลือดออกมาจริง ๆ อย่างไรเสียเจ้าหนุ่มผู้นี้ก็เป็นถึงศิษย์ของท่านเจ้าสำนัก จะมีความรับผิดชอบสักหน่อยได้หรือไม่?
ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ดูท่าแล้วคงต้องพึ่งสาวน้อยมู่เฉียนซีแล้วล่ะ ที่จะกอบกู้หน้าตาของสำนักเราได้ และทำให้พวกสำนักวารีเมฆาได้เห็นดี”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องหญิงไปอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็แน่นอนสิ!”
“งั้นข้าไปด้วย!”
ฉู่หลีกล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป ไม่สนใจผู้อาวุโสเจ็ดแล้ว
ผู้อาวุโสเจ็ดยืนนิ่งอึ้งอยู่ข้าง ๆ ราวกับฝันไปก็มิปาน
นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้จะตอบตกลงแล้ว
ฉู่หลีรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เขาได้ไปสำนักวารีเมฆากับศิษย์น้องหญิงแล้ว ในใจรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ใบหน้ากลับยังคงเย็นชาเฉกเช่นเดิม
เขาจำเป็นต้องไป จะให้คนของสำนักวารีเมฆามารังแกศิษย์น้องหญิงไม่ได้เด็ดขาด
และเมื่อเรื่องนี้ได้เผยแพร่ออกไป เหล่าบรรดาผู้อาวุโสทุกคนล้วนแต่ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเจ้าฉู่หลีจะตอบตกลง สมองเขาคงไม่ได้รับการกระทบกระเทือนหรอกกระมัง!”
“เจ้าเจ็ด ข้าว่าเจ้าหูฝาด ตาฝาดไปแล้วมากกว่า”
“นั่นนะสิ!”
ต้องบอกเลยว่าในสำนักลั่วเยว่ของพวกเขานั้น คนที่หัวแข็งและพูดยากที่สุดไม่ใช่ท่านเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ แต่เป็นศิษย์รักของท่านเจ้าสำนักผู้นี้ต่างหาก
เย็นชามากเป็นพิเศษ ไม่สนใจผู้ใด แม้แต่กับท่านเจ้าสำนักเองก็น้อยมากที่เขาจะสนใจ อีกทั้งยังทำให้ท่านเจ้าสำนักเสียใจมาหลายครั้งหลายครา
ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนักว่า “เมื่อถึงตอนนั้นพวกท่านก็จะได้รู้เอง”
วันเดินทาง ฉู่หลีปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเรือนมู่เฉียนซีตั้งแต่เช้า
มู่เฉียนซีเดินออกมาก็เห็นฉู่หลียืนอยู่ราวกับต้นสนต้นหนึ่ง นางเอ่ยปากกล่าวว่า “ศิษย์พี่ รอข้าอยู่หรือเจ้าคะ ศิษย์พี่ก็ไปสำนักวารีเมฆาด้วยใช่หรือไม่?”
ฉู่หลีพยักหน้าเบา ๆ พลางกล่าว “อืม!”
“ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ศิษย์พี่รอนาน”
“ไม่นาน!”
จากนั้นฉู่หลีก็เดินนำหน้ามู่เฉียนซีไป ยิ่งเดินก็ยิ่งเร็ว ระยะห่างของทั้งสองก็ยิ่งห่างกันมากขึ้น
มู่เฉียนซีมองตามแผ่นหลังของเขาไป พลางคิดในใจ ศิษย์พี่ผู้นี้ช่างเย็นชายิ่งนัก!
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ได้เข้าใกล้ท่านเจ้าสำนักได้ก็พอแล้ว
“เจ้าฉู่หลีมาจริง ๆ ด้วย”
“นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่!”
“ฉู่หลีตัวจริง”
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเรื่องตรงหน้าทั้งหมดนี้คือความจริง เหล่าบรรดาผู้อาวุโสจึงต่างเข้ามาห้อมล้อมมองดูฉู่หลี
ฉู่หลีผู้เย็นชามาตลอดทาง เมื่อเขาหันมองกลับมาแล้วไม่เห็นมู่เฉียนซี สีหน้าของเขาก็พลันเคร่งขรึมขึ้น
เขาเดินเร็วมาก!
แล้วเหตุใดเขาถึงเดินเร็วเช่นนี้ล่ะ!
ตอนนี้เขารู้สึกกลัดกลุ้มใจมาก แต่ก็สายไปแล้ว เขาเกลียดตัวเองที่เวลาตื่นเต้นแล้วจะมีอาการเดินเร็วเช่นนี้
เมื่อมู่เฉียนซีเดินตามมาทัน ก็เห็นเหล่าบรรดาผู้อาวุโสกำลังห้อมล้อมมองดูฉู่หลีอยู่
ก็แค่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสำนักวารีเมฆาไม่ใช่หรอกเหรอ เหล่าผู้อาวุโสถึงกับต้องมาส่งเช่นนี้ ช่างเล่นใหญ่ยิ่งนัก!
มู่เฉียนซีกล่าว “คารวะผู้อาวุโสทุกท่านเจ้าค่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าวทักทาย ทำให้เหล่าบรรดาผู้อาวุโสอารมณ์ดีขึ้น ในที่สุดท่านเจ้าสำนักของพวกเขาก็มีศิษย์ที่ได้เรื่องสักที
นอกจากมู่เฉียนซีและฉู่หลีแล้ว ผู้อาวุโสเจ็ดยังพาศิษย์สายตรงทั้งสามคนของเขาไปด้วย
พวกเขามองฉู่หลีด้วยสายตาที่เลื่อมใส และศรัทธาในตัวเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่กับมู่เฉียนซี พวกเขากลับนิ่งเฉย
แม้ว่าคะแนนของมู่เฉียนซีจะเป็นอันดับหนึ่งของสำนักใน แต่พวกเขาก็ยังคงคิดว่าพลังแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก
ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าว “เอาล่ะ พวกเราออกเดินทางได้”
สำนักวารีเมฆาอยู่ห่างจากสำนักลั่วเยว่ไม่ไกลนัก เวลาเพียงครึ่งวันพวกเขาก็เดินทางมาถึงสำนักวารีเมฆาแล้ว
หลังจากที่มาถึงก็พบว่าในสำนักวารีเมฆามีผู้คนอยู่ไม่น้อยเลย ครั้งนี้สำนักวารีเมฆาเล่นใหญ่เกินไปแล้วจริง ๆ
“เชิญสำนักลั่วเยว่ทุกท่าน”
พวกเขาได้จัดเตรียมห้องพักให้กับสำนักลั่วเยว่เรียบร้อยแล้ว ยามรัตติกาลงานเลี้ยงถึงจะเริ่ม
มู่เฉียนซียังไม่ทันได้พักผ่อน ก็มีคนบุกเข้ามาหานางแล้ว “สำนักลั่วเยว่อยู่ที่นี่ เฉียนซี เฉียนซี ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมาแน่นอน”
คนที่มานี้ก็คือหั่วห้าวหยู่ ศิษย์แห่งสำนักเพลิงเมฆาผู้ที่ร่วมทำภารกิจกับมู่เฉียนซีในครั้งก่อนนั่นเอง
ต้องรู้เอาไว้เลยว่าพลังความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีนั้นหากไม่ใช่มาตบหน้าสำนักวารีเมฆา ก็เท่ากับมาเสียเที่ยวแล้ว
ทันทีที่หั่วห้าวหยู่เข้ามา ก็ถูกชายชุดดำผู้หนึ่งเข้ามาขวางเขาเอาไว้
หั่วห้าวหยู่รู้สึกได้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก สำนักลั่วเยว่ปรากฏผู้วิปริตอย่างมู่เฉียนซีคนเดียวก็นับว่ามากเพียงพอแล้ว นี่ยังจะปรากฏออกมาอีกคนหนึ่งอีกอย่างนั้นเหรอ
หั่วห้าวหยู่กล่าวถามว่า “ขอถามหน่อย ครั้งนี้ศิษย์สำนักในของสำนักลั่วเยว่มีมู่เฉียนซีมาด้วยหรือไม่?”
ฉู่หลีตอบกลับไปว่า “ไม่มา!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“หั่วห้าวหยู่!”
เสียงของหั่วห้าวหยู่ดังมาก แน่นอนว่ามู่เฉียนซีได้ยินเสียงเขาแล้ว
หั่วห้าวหยู่กล่าว “ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะโกหกข้า เห็น ๆ กันอยู่ว่าเฉียนซีก็มาด้วย!”
มู่เฉียนซีตกใจไปครู่หนึ่ง พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “โกหก?”
ฉู่หลีพบว่าสายตาของมู่เฉียนซีกำลังจับจ้องมาที่เขา เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ศิษย์น้องหญิงเป็นศิษย์ของท่านเจ้าสำนัก ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักใน”
หั่วห้าวหยู่กล่าว “ก็ข้าไม่รู้นี่! อีกอย่างเจ้าก็ไม่ควรบอกข้าว่าไม่มา!”
เมื่อเจอสหายเก่าเช่นนี้ หั่วห้าวหยู่ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงลากมู่เฉียนซีไปคุยเรื่องซุบซิบนินทา
สุดท้ายเขาก็พบว่าศิษย์พี่ของมู่เฉียนซีผู้นี้ก็ตามเขามาด้วย มาฟังเรื่องซุบซิบนินทาด้วยสีหน้าเย็นชาเช่นนี้มันจะสนุกอะไร หั่วห้าวหยู่สบถด่าในใจ
อย่างไรก็ตาม หั่วห้าวหยู่ก็ได้แนะนำสถานการณ์คนของสำนักต่าง ๆ และความแข็งแกร่งของศิษย์ในสำนักต่าง ๆ ให้ได้รับรู้
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่หลีก็ยืนฟังด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์และความรู้สึกอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา
หั่วห้าวหยู่พูดคุยไปเยอะมาก ฉู่หลีกล่าว “เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักเพลิงเมฆา”
“ส่งแขก!”
จากนั้นหั่วห้าวหยู่ก็ถูกโยนออกไป
หั่วห้าวหยู่ตะโกนกลับมา “เฉียนซี ข้าจะรอดูการแสดงอันยอดเยี่ยมในงานเลี้ยงคืนนี้นะ”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องหญิงเดินทางมาเหนื่อย พักผ่อนก่อนเถอะ”
“งานเลี้ยงในคืนนี้ มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น นางกล่าว “ศิษย์พี่ ให้ท่านลงมือเอง คาดว่าสำนักวารีเมฆาคงตกใจจนเป็นลมกันหมดแน่”
พลังความแข็งแกร่งของฉู่หลีนั้น นางไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้หรือไม่ แต่นางกลับรับรู้ได้
พลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด ใช่! พลังขั้นเดียวกับเจ้าสำนักวารีเมฆาพอดี
และสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็คือ เขามีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
“ไม่เป็นไร!” ฉู่หลีกล่าว
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านจัดการอย่างเงียบ ๆ ต่อไป แล้วกลายเป็นไพ่ตายมือสังหารของสำนักลั่วเยว่ของพวกเราดีกว่า”
กองกำลังระดับสามในอาณาเขตหนานหลิงกดขี่และดูถูกสำนักลั่วเยว่ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าสำนักลั่วเยว่จะมีอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
“ส่วนเรื่องเล่นใหญ่ในที่โจ่งแจ้ง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าก็แล้วกัน!”
ฉู่หลีมองรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้แล้วก็ตกตะลึงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบรับแผ่วเบา “อืม!”
ศิษย์น้องหญิงรับผิดชอบเล่นใหญ่ในที่แจ้ง เช่นนั้นเขาก็รับหน้าที่ปกป้องศิษย์น้องหญิงก็พอแล้ว
หากมีผู้ที่มีตาแต่หามีแววไม่เข้ามาลอบทำร้ายศิษย์น้องหญิงของเขาแล้วละก็ เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่
.
.