ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1545 ไม่หมดเสียที
คนของสำนักชิงเฟิงบ้าไปแล้วหรืออย่างไร!
สถานการณ์เช่นนี้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่ายังจะท้าประลองกับมู่เฉียนซีอีก
แต่ไม่นานนักคนผู้นี้ก็กล่าวว่า “อืม! ข้าท้าประลองกับมู่เฉียนซี แต่ข้ายอมแพ้”
“แม้ว่าจะยังไม่ได้สู้ แต่ก็นับว่าข้าได้ท้าประลองกับผู้วิปริตแล้ว ฮ่า ๆ ๆ!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะเล่นอะไรเช่นนี้!”
“ข้าก็ขอท้าประลองกับมู่เฉียนซี และข้าก็ยอมแพ้!”
“ข้าด้วย!”
ไม่นานนักคนของสำนักชิงเฟิงก็ได้ใช้สิทธิ์การท้าประลองทั้งเจ็ดครั้งหมดไปจนหมดสิ้น และนี่ก็เป็นคะแนนที่พวกเขามอบให้กับสำนักลั่วเยว่
วังกุ้ยหยวนก็เช่นกัน การประลองในวันนี้เขาไม่ได้มีความกังวลใดเลย เหตุใดพวกเขาต้องดึงดันต่อสู้ด้วย
ศิษย์วังกุ้ยหยวนต่างพากันท้าประลองมู่เฉียนซี จากนั้นก็เลือกที่จะยอมแพ้ไป!
ค่อก ๆ ๆ! หั่วห้าวหยู่ก็ยืนขึ้นแล้ว เขากล่าว “ข้าเป็นตัวแทนของศิษย์พี่ที่เหลืออยู่แห่งสำนักเพลิงเมฆา ขอท้าประลองมู่เฉียนซี และข้าขอยอมแพ้”
สิทธิ์ของสำนักวารีเมฆาใช้หมดแล้ว การประลองในครั้งนี้ก็จบสิ้นลงแล้ว และผลลัพธ์ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วเช่นกัน
เจ้าสำนักวารีเมฆาที่ลำพองใจในตอนแรก ตอนนี้สีหน้าของเขาดำคล้ำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้
“ฮ่า ๆ ๆ!” เป็นผลให้ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเพลิงเมฆาส่งเสียงออกมาอย่างห้าวหาญ
“การฝึกฝนประสบการณ์ในซากปรักหักพังหนานหลิงมีผู้วิปริตเช่นนี้อย่างมู่เฉียนซีเป็นผู้นำ ศิษย์สำนักอื่น ๆ จะต้องไม่ตายเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมาแน่นอน”
“ก็จริง! ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีเมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกันในอาณาเขตหนานหลิงแล้ว คาดว่าคงมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของนางได้ บางทีการไปซากปรักหักพังหนานหลิงในครั้งนี้พวกเราอาจจะได้อะไรมาไม่น้อยก็ได้”
“……”
ทุกคนพูดคุยกันด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนเจ้าสำนักวารีเมฆาตอนนี้ยิ่งอารมณ์ไม่ดีมากขึ้น ๆ
เขากล่าว “เนื่องจากในครั้งนี้สำนักลั่วเยว่คว้าชัยชนะไปได้ เช่นนั้นก็คงทำได้เพียงเท่านี้แล้ว ให้มู่เฉียนซีศิษย์แห่งสำนักลั่วเยว่เป็นผู้นำกลุ่ม”
“วันนี้ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว ข้าเองก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน เช่นนั้นก็กลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
เจ้าสำนักวารีเมฆาไม่อาจทนนั่งอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงรีบลุกพรวดจากไป
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เมื่อเจ้าสำนักวารีเมฆากลับไปถึงห้องของตัวเอง เขาก็เริ่มทำลายสิ่งของทุกอย่างเพื่อระบายโทสะ
“สำนักลั่วเยว่! มู่เฉียนซี! ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก”
เดิมทีอยากคว้าโอกาสนี้เพื่อให้สำนักของตัวเองเป็นผู้นำ ขั้นต่อไปก็ค่อย ๆ ครอบครองสำนักอื่น ๆ ทีละนิด แต่สุดท้ายกลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายโดยที่ยังไม่ทันได้เริ่มด้วยซ้ำ
“ข้าไม่สบายใจจริง ๆ ไปตามผู้อาวุโสสูงสุดมา”
“ขอรับ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับไปแล้ว และในขณะที่นางเดินเข้าประตูมานั้น ฉู่หลีก็ยืนอยู่หน้าประตูห้องนางแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ศิษย์พี่ มีเรื่องอันใดเหรอ?”
“พรุ่งนี้ต้องรีบเดินทาง ศิษย์น้องหญิงรีบพักผ่อนเถอะ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม! ศิษย์พี่ก็รีบพักผ่อนเถอะ”
ฉู่หลีรีบกลับไปที่ห้องโดยไม่ได้มองมู่เฉียนซีเลยสักนิด เมื่อเขาอยู่คนเดียวแล้ว เขาก็อดเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมาทีหลังไม่ได้ที่เขาไม่พูดจากับนางให้มากกว่านี้
ปัง! หลังจากที่มู่เฉียนซีปิดประตูลง ก็มีคนผู้หนึ่งโจมตีนางมาจากด้านหลัง
“จิ่วเยี่ย!” ไม่ต้องหันไปมองก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
อือ! จิ่วเยี่ยจูบมู่เฉียนซีทันที
จูบจนนางหายใจแทบไม่ออก กว่าจะปล่อยนาง
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำว่า “จิ่วเยี่ย นอนเถอะ! ศิษย์พี่อยู่ห้องข้าง ๆ นะ!”
จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีขึ้น ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำว่า “เขาไม่มีทางรู้หรอก! ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
“อยู่ด้วยกันทุกวัน ยังจะคิดถึงอะไรอีกล่ะ”
“คิดถึงก็คือคิดถึง!”
เช้าวันต่อมาก็เป็นวันที่ต้องเดินทางกลับสำนักแล้ว ศิษย์สำนักอื่น ๆ ต่างก็รอพวกเขาอยู่
จากนั้นก็กล่าวคำลากับพวกเขา หั่วห้าวหยู่กล่าว “ฮ่า ๆ ๆ! แล้วเจอกันในตอนที่ซากปรักหักพังหนานหลิงเปิดนะ เจ้าต้องปกป้องข้าด้วยล่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าเป็นตัวถ่วงแล้วละก็ ข้าจะเตะเจ้าทิ้ง”
หั่วห้าวหยู่กล่าว “เจ้าทนได้อย่างไร?”
“ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องทน ข้าทนเอง!” จู่ ๆ ฉู่หลีผู้เย็นชาก็ส่งเสียงออกมา ทำให้หั่วห้าวหยู่อดที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่ได้
ศิษย์พี่ผู้นี้ของเฉียนซีช่างวิปริตเกินไปแล้ว ทำตัวเหมือนกับน้ำแข็ง!
“ดูท่า กลับสำนักไปครานี้ข้าต้องตั้งใจฝึกฝนสักหน่อยแล้ว ข้าไม่เป็นตัวถ่วงเจ้าแน่นอนเฉียนซี”
“ในที่สุดคนอย่างเจ้าก็รู้จักพัฒนาตัวเองสักทีนะ อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย รีบกลับไปเถอะ”
เจ้าสำนักเพลิงเมฆาดึงหั่วห้าวหยู่ขึ้นไปบนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา
ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งสำนักลั่วเยว่ก็กล่าวว่า “พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
“อืม!”
พวกเขาออกเดินทางกลับ แต่ในขณะที่เดินทางผ่านป่าใหญ่แห่งหนึ่ง กลางอากาศเหนือป่านั้นก็ปรากฏแมลงสีดำตัวเล็ก ๆ ขึ้น
แมลงสีดำนี้ห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้ สีหน้าของผู้อาวุโสเจ็ดพลันเปลี่ยนไปทันที
“แย่แล้ว ในป่าแห่งนี้มีนักแมลงวิญญาณ พวกเราไปล่วงเกินเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะโจมตีพวกเราเช่นนี้”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “นักแมลงวิญญาณ!”
ฉู่หลีกล่าว “คนพวกนี้มีความแข็งแกร่งในการควบคุมแมลงวิญญาณได้ มีต้นกำเนิดมาจากสายเลือดโบราณ แม้ว่าตอนนี้จะมีไม่มาก แต่ก็มีไม่น้อย อีกอย่างยังรับมือยากอีกด้วย”
“หากเป็นนักแมลงวิญญาณที่ควบคุมแมลงตัวใหญ่เพียงตัวเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่หากควบคุมแมลงตัวเล็กจำนวนมากเช่นนี้ รับมือได้ยากจริง ๆ”
ฉู่หลีผู้ที่คำพูดราวกับเป็นทอง ที่กว่าจะพูดออกมาสักคำหนึ่ง ในตอนนี้กลับอธิบายอย่างยาวเหยียดให้มู่เฉียนซีฟัง
หากผู้อาวุโสเจ็ดไม่ถูกแมลงเหล่านั้นดึงดูดความสนใจไปแล้วล่ะก็ คาดว่าเขาต้องมองดูฉู่หลีอย่างพิจารณา และสงสัยว่าเขาถูกมนต์สะกดหรือไม่เป็นแน่
“ถูกแมลงเหล่านี้ห้อมล้อม เป้าหมายคือกลางอากาศ จำเป็นต้องลงไปให้เร็วที่สุด!”
ผู้อาวุโสเจ็ดควบคุมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาให้บินลงไปในป่าแห่งนี้ นักแมลงวิญญาณผู้นั้นก็อยู่ในป่าแห่งนี้เช่นกัน อันตรายมาก
ปัง ปัง ปัง!
ในที่สุดพวกเขาก็ลงมายังพื้นดินได้อย่างปลอดภัย แมลงเหล่านั้นไม่ได้ตามมา มู่เฉียนซีจับแมลงตัวหนึ่งมาได้
“สาวน้อยมู่!”
“ศิษย์น้องหญิง!”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีจับแมลงตัวหนึ่งมา สีหน้าของผู้อาวุโสเจ็ดและฉู่หลีก็พลันเปลี่ยนไปทันที
มู่เฉียนซีกล่าว “พิษร้อยพิษทำอะไรข้าไม่ได้ พิษเล็กน้อยเท่านี้ยิ่งทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ไม่ต้องกังวลไป”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องหญิง อย่างไรก็ต้องระวังด้วย”
“ข้ารู้น่า”
นางคิดว่าจะจับแมลงนี้มาศึกษาสักตัว จากนั้นก็จะปรุงยาฆ่าแมลงออกมาได้
ทว่า แมลงในป่าแห่งนี้ไม่ให้โอกาสพวกเขาเลย
ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าวว่า “รีบไป เร็วเข้า!”
เขาเป็นปราชญ์แห่งภูตผู้หนึ่ง ถูกแมลงเหล่านี้ห้อมล้อมย่อมออกไปได้อยู่แล้ว แต่ศิษย์คนอื่น ๆ นั้นใช่ว่าจะหนีได้
ขวับ ขวับ ขวับ!
พวกเขาวิ่งอยู่ในป่าแห่งนี้ แต่กลับสลัดไม่พ้นจากแมลงเหล่านั้น อีกอย่างแมลงที่ไล่ตามพวกเขาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าว “ทั่วทั้งผืนป่าแห่งนี้เป็นที่อยู่ของพวกมัน บัดซบยิ่งนัก! ใครกันที่ส่งนักนักแมลงวิญญาณนี้มารับมือกับพวกเรา”
“เตรียมพร้อมต่อสู้ให้ดี เราจะต้องออกไปให้ได้”
“ขอรับ!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! มากเกินไปแล้ว ฆ่าเช่นไรก็ไม่หมดสักที!
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“บัวแดงพิฆาต!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่วิญญาณมังกรเพลิงไปมา ทันทีที่โจมตี เปลวไฟของพลังธาตุอัคคีนี้ก็ทำลายแมลงกลุ่มนี้ไป
หลังจากกำจัดแมลงไปได้กลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาโจมตีอีก ไม่จบไม่สิ้นสักที
หากโจมตีเช่นนี้ต่อไป ทุกคนต้องสูญเสียพลังไปจนหมดแน่
มู่เฉียนซีตะโกนขึ้น “ศิษย์พี่!”
ฉู่หลีถอยกลับไปยืนข้างกายมู่เฉียนซีและกล่าวถามว่า “ศิษย์น้องหญิง เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ให้ท่านผู้อาวุโสอดทนสู้อีกหน่อย ศิษย์พี่ก็ด้วย อย่าล่าถอยไปเสียก่อน!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง คุ้มกันให้ข้า!”
.
.