ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1553 ถึงเวลาที่ข้าต้องเอาคืนแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าบอกให้พวกเจ้าไปได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“เจ้า…นี่เจ้าจะเอาเช่นไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “สมุนไพรวิญญาณที่นี่ยังมีอีกไม่น้อย อยู่เก็บสมุนไพรวิญญาณก่อน หากยังเก็บไม่หมด พวกเจ้าก็อย่าคิดว่าจะจากไปได้เด็ดขาด”
สิ่งที่มู่เฉียนซีคิดก็คือจับผู้แข็งแกร่งเหล่านี้มาเป็นแรงงานเก็บสมุนไพร เช่นนี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่า
“เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก อย่าทำเหมือนพวกข้าเป็นกุลีนะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าไม่อาจปฏิเสธได้”
“แต่หากว่าข้าไม่ทันระวัง ลงมือกำจัดพวกเจ้าทิ้งลงบึงน้ำ เกรงว่าสำนักของพวกเจ้าก็คงจะไม่รู้กระมังว่าเป็นฝีมือผู้ใด” มู่เฉียนซีกล่าวจริงจัง
พวกเขาได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ “ตกลง! พวกเราจะทำ”
ก็แค่เก็บสมุนไพรวิญญาณไม่ใช่หรอกหรือ ไม่มีอะไรเกินความสามารถหรอก!
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเก็บสมุนไพรวิญญาณในบึงน้ำนี้ต่อ แต่พวกเขาไม่ทันระมัดระวัง จมดิ่งลงไปอีกครั้ง
“ช่วยด้วย!”
“ช่วยด้วย!”
ครั้งนี้แม้แต่สหายร่วมสำนักก็ไม่กล้าช่วยแล้ว คนอื่น ๆ ยิ่งไม่เต็มใจที่จะช่วย
เว้นเสียแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่ช่วยคนเหล่านี้!
สุ่ยโหรวแสดงท่าทางอย่างคนทำอะไรไม่ถูก และกล่าวออกมาด้วยท่าทางเสียใจเสียเต็มประดาว่า “ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว”
หลังจากที่เก็บสมุนไพรเสร็จ มู่เฉียนซีก็ยึดสมุนไพรวิญญาณของพวกเขาและนำกลุ่มเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป
ในตอนนี้ สถานที่ที่ผู้คนจำนวนมากได้มารวมตัวกันนั่นก็คือที่หน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง
หนึ่งในนั้นก็มีจีซานเหนียงอยู่ด้วย เมื่อเห็นมู่เฉียนซีและพวกกลุ่มหนึ่งเดินมา นางก็กล่าวว่า “นับว่าพวกเจ้าโชคดีเหมือนกันนะ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาถึงที่นี่ได้”
หั่วห้าวหยู่กล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “เฉียนซี เฉียนซี เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้างล่างหน้าผานี้มีสิ่งใด มันคือสุสานโบราณ! ข้าได้ยินมาว่าหากค้นพบสุสานโบราณ ก็จะได้เจอของดีไม่น้อยเลยนะ ตอนนี้ก็ได้พบแล้ว”
จีซานเหนียงกล่าวเย้ยหยันว่า “อาศัยเพียงแค่พลังของพวกเจ้า คาดว่าคงจะไม่ได้เจอของล้ำค่าสักชิ้น คงต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่”
ทุกคนตรงนี้ค้นพบสุสานโบราณแล้วแต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกระทำสิ่งใด อีกทั้งยังมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้ เห็นได้ชัดว่ามันต้องน่ากลัวและอันตรายมากแน่นอน
คนยิ่งเยอะ เมื่อประสบพบเจอกับอันตรายก็ยิ่งรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่รวมตัวกันได้ประมาณร้อยคนแล้ว ก็มีคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “พวกเราลงไปกันเถอะ!”
“ก่อนจะผ่านอันตรายทุกอย่างไปได้ ทุกคนห้ามประมาทและห้ามวู่วามเป็นอันขาด มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมามิอาจคาดได้” มีคนเอ่ยปากกล่าวขึ้น
“ออกเดินทาง!”
ยิ่งเป็นสุสานโบราณด้วยแล้ว กลไกอาวุธลับนั้นมีไม่น้อยแน่
อัจฉริยะของสำนักระดับสามต่างร่วมมือกันจัดการกับกลไกเหล่านี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแต่ว่า เมื่อพวกเขาได้เห็นรางวัลที่รออยู่นั้น ทุกคนต่างสูดลมหายใจลึกเข้าปอด พวกเขาไม่สามารถควบคุมความโลภและความปรารถนาของตัวเองได้
ตรงหน้ามีของสองอย่างตั้งอยู่ นั่นก็คือมีดเล่มหนึ่งกับตำราฝึกเล่มหนึ่ง กลิ่นอายอันยั่วยวนชวนให้น่าหลงใหลนั้นทำให้ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าของสองอย่างนี้ไม่ใช่ของล้ำค่าธรรมดา
“ของสองอย่างนี้เป็นของสำนักเพลิงมรกตของข้าแล้ว พวกเจ้าไปหาของล้ำค่าที่อื่นเถอะ!” ชายร่างสูงที่อยู่ในกลุ่มนั้นกล่าวขึ้น
“พวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าสำนักเพลิงของพวกข้าอย่างนั้นเหรอ? พวกข้าไม่ยอม”
“……”
ความละโมบโลภมากทำให้พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ส่วนมู่เฉียนซีสั่งคนในกลุ่มถอยออกมา
“เอ่อ! แม่นางมู่ เหตุใดพวกเราถึงไม่ลงมือล่ะ ข้าเชื่อว่าด้วยพลังความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว จะต้องแย่งชิงของล้ำค่าสองอย่างนั้นมาได้อย่างแน่นอน” สุ่ยโหรวกระซิบกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าว “ตำราฝึกฝน อาวุธวิญญาณ ข้าไม่อยากได้ จะเข้าไปแย่งชิงทำไมล่ะ?”
สุ่ยโหรวกล่าว “แม่นางมู่ เจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่ม ต้องคิดเผื่อทุกคนในกลุ่มด้วย เหตุใดถึงได้เห็นแก่ตัวเช่นนี้ เจ้าไม่อยากได้ แต่คนอื่นไม่แน่เขาอาจจะอยากได้ก็ได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ใครอยากได้ก็เข้าไปแย่งชิงเองสิ ข้าขี้เกียจเข้าไปแย่งชิงกับคนพวกนั้น”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มีเพียงแค่คนจากสำนักที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่เข้าร่วมการต่อสู้ ส่วนคนที่รู้ตัวว่าพลังอ่อนแอเหล่านั้นย่อมทำเพียงนั่งมองดูอยู่เฉย ๆ
สุ่ยโหรวคิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะใช้ประโยชน์จากคนอื่น
ต่อให้พลังความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่เข็งแกร่งมาก แต่ก็มีโอกาสจะแย่งชิงมาได้
สุ่ยโหรวกล่าว “ศิษย์สำนักวารีเมฆาของข้าต้องการของสองอย่างนั่นมาก ในเมื่อแม่นางมู่ไม่ยอมลงมือ เช่นนั้นข้าจะพาศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคนไปลงมือเอง”
“พวกเรา ไป!”
สุ่ยโหรวพวกเขาออกไปสู้
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราออกไปจากตรงนี้เถอะ”
“ไม่รอคนของสำนักวารีเมฆาเหล่านั้นเหรอ?” มีคนผู้หนึ่งกล่าวถามขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าว “ครั้งนี้พวกเขาเลือกเอง พวกเขาก็ต้องยอมรับ แต่หากครั้งหน้าพวกเขาเลือกเองเช่นนี้อีก ก็รอให้พวกเขาตายเถอะ!”
ครั้งก่อนพวกเขาถูกสุ่ยโหรวก่อกวน พวกเขาจึงรู้สึกไม่ดีต่อสำนักวารีเมฆา ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้คนสำนักวารีเมฆาไปรับผลกรรมของตัวเอง!
“ใช่! พวกเราไปกันเถอะ!”
ในขณะที่สำนักวารีเมฆาใจจดใจจ่ออยู่กับการแย่งชิงของล้ำค่านั้น พวกเขาก็ถูกแยกออกจากกลุ่มไปแล้ว
คนที่มีความคิดเหมือนสำนักวารีเมฆานั้นไม่ใช่มีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้น สำนักเล็กสำนักอื่น ๆ ลงมือแล้วเช่นกัน
โชคดีที่สุ่ยโหรวมาจากสำนักกองกำลังระดับสี่ แม้ว่าความแข็งแกร่งจะไม่เท่าไร แต่ก็ยังได้เปรียบอยู่บ้าง แต่คนอื่น ๆ ของสำนักวารีเมฆาไม่ได้โชคดีเช่นนั้น พวกเขาแต่ละคนต่างถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ศิษย์พี่สุ่ยโหรว ช่วยข้าด้วย!”
“ศิษย์พี่หญิง!”
“……”
สุ่ยโหรวยังเอาตัวเองไม่รอดเลย จะไปช่วยคนอื่นได้อย่างไรเล่า ในใจของนางคิดเพียงแต่อยากได้ของสองอย่างนั้นเท่านั้น
จนในที่สุดก็มีคนคว้าของล้ำค่าสองอย่างนั้นมาได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เมื่อสัมผัสไปที่มีดเล่มนั้น มีดเล่มนั้นก็หักลงทันที!
ส่วนตำราฝึกเล่มนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีทันที!
ชั่วพริบตาเดียวพวกเขาก็เข้าสู่ความงุนงง “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
“ของปลอมเหรอ!”
“พวกเราถูกหลอกแล้ว ต่อสู้กันมาตั้งนาน นี่มันเล่นตลกอะไรกัน!”
“สุสานโบราณนี้ไม่ธรรมดาเลย ต้องเป็นของจริงแน่นอน รีบไปเร็วเข้า อย่าให้ใครแย่งชิงไปได้เด็ดขาด”
คนจำนวนมากพุ่งออกไป สุ่ยโหรวกับคนที่บาดเจ็บของสำนักวารีเมฆาเพิ่งจะสังเกตเห็นในตอนนี้เองว่ามู่เฉียนซีและพวกไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว
สุ่ยโหรวกล่าวด้วยความกล้ำกลืนว่า “มู่เฉียนซีทำเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นถึงหัวหน้ากลุ่มแต่กลับทิ้งพวกเราไว้ ข้า…”
“ศิษย์พี่สุ่ยโหรว เดิมทีมู่เฉียนซีก็ไม่ได้ชอบพอสำนักวารีเมฆาของพวกเราอยู่แล้ว ต่อจากนี้ไปศิษย์พี่สุ่ยโหรวก็เป็นหัวหน้ากลุ่มพวกเราเถอะ!”
“ใช่ ๆ! พวกเราจะติดตามท่าน”
“……”
สุ่ยโหรวกล่าว “ตกลง!”
มู่เฉียนซีรู้สึกตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าของสองอย่างนั้นต้องมีปัญหาอันใดแน่นอน นางจึงคร้านที่จะเข้าไปแย่งชิง
พวกเขาแยกตัวออกมาก่อน เดินผ่านสุสานหลายแห่ง และได้รับของล้ำค่ามาไม่น้อยเลย
อย่างอื่นไม่ขอพูด แค่เพียงสัตว์วิญญาณและแกนวิญญาณก็มีมากมายเหลือคณาแล้ว!
มีแกนวิญญาณเพียงพอ การเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดของอู๋ตี้อยู่ไม่ไกลแล้ว
เนื่องจากพวกเขาแยกตัวออกมาก่อน ตลอดทางที่ผ่านมาก็ได้รับของจำนวนไม่น้อยมาอย่างราบรื่น จนกระทั่งมาพบกับกลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายกลุ่มหนึ่งระหว่างทาง
“พวกเจ้าหนีได้เร็วจริง ๆ เลยนะ พวกเจ้าได้ของล้ำค่ามาแล้วไม่น้อยเลยละสิ ส่งของทุกอย่างมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” จีซานเหนียงขวางทางมู่เฉียนซีและพวก
มู่เฉียนซีกล่าว “ของของพวกข้า เหตุใดต้องเอาให้เจ้าด้วย นี่ตกลงว่าเจ้าหน้าด้านหรือหน้าอัปลักษณ์กันแน่”
ใบหน้าของจีซานเหนียงบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ “ตอนอยู่ในเมืองหนานหลิงข้าไม่ลงมือ แต่ตอนนี้ ข้าจะทำให้เจ้าไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็นเลย”
จีซานเหนียงลงมือกับมู่เฉียนซีทันที อีกทั้งยังมุ่งเป้าไปที่ใบหน้าของนางอีกด้วย
ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหวหลบหลีกพลิ้วไหวดั่งสายลม เสียง ปัง! ดังขึ้นหนึ่งครา การโจมตีของจีซานเหนียงกระทบโดนกำแพง
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ให้ข้าตายทั้งเป็นอย่างนั้นเหรอ เจ้ามันช่างมั่นใจมากเสียเหลือเกินนะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็รอดูได้เลย!”
จีซานเหนียงลงมืออย่างโหดร้ายอีกครั้ง
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ในฐานะที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดผู้หนึ่ง แต่จัดการกับผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองผู้หนึ่งไม่ได้เช่นนี้ สีหน้าของจีซานเหนียงก็ยิ่งแย่ลงไปทุกที
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถึงเวลาที่ข้าต้องเอาคืนแล้ว”
.
.