ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1563 เจ้าจะต้องตาย
พลังของพวกเขาทั้งสองเป็นพลังที่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าการยื่นมือเข้ามาช่วยเช่นนี้ก็ทำให้ศิษย์พี่หวังพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ขอบใจพวกเจ้ามากที่เข้ามาช่วย ข้าจะจดจำความดีความชอบของพวกเจ้าไว้”
ถึงแม้พวกเขาทั้งสองจะเข้าร่วมด้วย ทว่าก็ไม่มีผลต่อสถานการณ์ในการต่อสู้แต่อย่างใด สุดท้ายแล้วจีหว่านเหนียงก็กล่าว “ซานเหนียง!”
โอกาสจับปลาในน้ำขุ่นจะเป็นเวลาใดไม่ได้นอกจากเวลานี้ หากรั้งรอจนการต่อสู้สิ้นสุดลง พวกนางสองพี่น้องคงไม่มีทางแย่งชิงสิ่งของจากบุรุษสำนักหลางซินได้อย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จีซานเหนียงที่มีพลังระดับธรรมดาทั่วไป ก็ได้ระเบิดพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่งออกมา จากนั้นนางก็พุ่งปราดเข้าไปยังโลงศพโลงนั้นด้วยความเร็วสูงสุด แล้วคว้าเอากระดูกศักดิ์สิทธิ์ออกมา
จีหว่านเหนียงกล่าว “น้องสาม พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
ศิษย์ของสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน พวกเขาถูกสตรีทั้งสองใช้เล่กลห์หลอกล่อเข้าให้แล้ว!
“พวกเจ้าใจกล้ายิ่งนัก กล้าชิงกระดูกศักดิ์สิทธิ์ไปจากพวกเราอย่างนั้นรึ”
จีหว่านเหนียงกล่าว “กระดูกศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดมีความสามารถก็ย่อมเป็นของคนผู้นั้น”
ขณะที่จีซานเหนียงกำลังหลบหนีออกไปพร้อมกับกระดูกศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือ ร่างสีม่วงก็ได้เข้ามาขวางเบื้องหน้าของพวกเขาไว้ “เจ้าพูดถูกต้องเป็นที่สุด ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า กระดูกศักดิ์สิทธิ์ก็ย่อมตกเป็นของคนผู้นั้น”
จีซานเหนียงเบิกตาโพลง “มู่เฉียนซี นี่เจ้าก็ผ่านการทดสอบด้วยรึ”
“พวกเจ้าผ่านได้ แล้วเหตุใดข้าจะผ่านไม่ได้”
“ทักษะโยวจั๋ว!” มู่เฉียนซีโจมตีด้วยทักษะโยวจั๋วออกไปในทันที
ปัง!
จีซานเหนียงลอยคว้างออกไปไกล กล่องที่ใช้บรรจุกระดูกศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเหวี่ยงลอยออกไปกลางอากาศเช่นกัน
จีหว่านเหนียงและคนของสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงต่างก็รีบกรูกันเข้าไปแย่งชิงกล่องใบนั้นในทันที ทว่าเนื่องจากมู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา ความเร็วของนางจึงเร็วกว่าพวกเขาหนึ่งเท่า
ปัง! เมื่อมู่เฉียนซีรับกล่องกระดูกศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว นางก็รีบหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
ศิษย์พี่หวังกล่าว “บัดซบ! ของตกไปอยู่ในมือผู้หญิงคนนั้นเสียได้”
“เคลื่อนที่รวดเร็วเช่นนั้น นางจะต้องมีอาวุธวิญญาณอยู่อย่างแน่นอน มิฉะนั้นคงไม่มีทางเคลื่อนไหวได้เร็วเช่นนั้นเป็นแน่”
พวกเขาจึงพุ่งปรี่ไปยังทิศของมู่เฉียนซีอีกครา มู่เฉียนซีไม่จำเป็นจะต้องใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา ก็สามารถหลบหลีกพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
นางชักกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
“มังกรเพลิงพิฆาต!”
“บัวแดงพิฆาต!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ตูม ตูม ตูม! มู่เฉียนซีปล่อยพลังสังหารออกไปติดต่อกันสามครั้ง ทำให้พวกเขารู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง
“สตรีผู้นี้เป็นตัวอะไรกันแน่?” คนของสำนักหลางซิงไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
พลังของนางอยู่ในขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองแท้ ๆ ทว่ากลับเทียบเคียงปราชญ์แห่งภูตอย่างพวกเขาได้อย่างสูสี!
สุ่ยโหรวกล่าว “ศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักหลางซิง…”
“ผู้ใดเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของเจ้า เจ้าช่วยมียางอายสักหน่อยจะได้หรือไม่? พวกเราเกลียดผู้หญิงของสำนักหลินเย่วเป็นที่สุด”
“มู่เฉียนซีผู้นี้เป็นหญิงโฉด พวกเราไม่อาจเอาชนะนางเพียงลำพังได้ ข้าว่าเราควรยึดตามแผนก่อนหน้านี้ในการจัดการนาง!อย่างไรเสียพวกเราก็ต้องการเพียงความดีความชอบ ไม่ได้ต้องการกระดูกศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย”
“หนึ่งต่อเก้า ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องมาเจรจากันอีก! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกข้าห้าคนจะจัดการหญิงสาวนางนี้เพียงคนเดียวไม่ได้”
“หนึ่งต่อเก้า มันชักจะเกินไปแล้ว!” ศิษย์พี่หวังกล่าวด้วยความโกรธ
“หากไม่ตกลง พวกเจ้าก็รอรับความว่างเปล่าได้เลย ความดีความชอบที่พวกเจ้าต้องการก็ไม่มี!”
สุดท้ายแล้วพวกนางก็จำจะต้องรับปากด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก คนของสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงจำนวนแปดคน ได้ร่วมมือกันจัดการมู่เฉียนซี
จีหว่านเหนียงประคองจีซานเหนียงพลางกล่าว “น้องสาม เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
จีซานเหนียงกล่าว “พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร แต่มู่เฉียนซีนั่นกล้าทำร้ายข้าจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ นางจะต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน”
ผู้ที่มีพลังแกร่งกล้าที่สุดในบรรดาพวกเขา ก็อยู่ขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสาม ถึงแม้มู่เฉียนซีจะสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีพลังต่างระดับได้ ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด
“ทักษะโยวจั๋ว!”
โครม!
มู่เฉียนซีเข้าห้ำหั่นกับฝ่ายศัตรูอย่างอุตลุด พลังของฝ่ายศัตรูอยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่า ทว่ามู่เฉียนซีเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ท่ามกลางการต่อสู้ มู่เฉียนซีปาเข็มยาออกไปจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
เข็มยาพุ่งปรี่เข้ามาราวกับห่าฝนก็มิปาน คนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง “ระวัง นั่นมันอาวุธลับ!”
“มีพิษ!”
มีเพียงจอมภูตขั้นปราชญ์แห่งภูตเท่านั้นจึงจะสามารถหลบหลีกเข็มยาของมู่เฉียนซีได้
ฉึก! เข็มยาอันแหลมคมได้บาดหลังมือของคนผู้หนึ่งเข้า
ศิษย์พี่ของพวกเขากล่าว “รีบกินยาถอนพิษซะ ถึงแม้จะเป็นเพียงรอยถลอกเล็ก ๆ แต่ก็จะประมาทไม่ได้ เข็มนั่นมีพิษ!”
ทว่าคนผู้นั้นยังไม่ทันจะได้กินยาถอนพิษเข้าไป ตึง! ร่างของบุรุษผู้นั้นก็ล้มลงกระแทกพื้นไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อต้องพิษของข้าแล้ว พวกเจ้าคิดว่าข้ายังจะให้เวลาพวกเจ้าถอนพิษอีกอย่างนั้นรึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
ปัง ปัง ปัง!
ขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือดนั้น มู่เฉียนซีก็เลือกใช้กลยุทธโจมตีศัตรูไปทีละคน
แม้ฝ่ายศัตรูจะโอบล้อมมู่เฉียนซีไว้ทั่วทุกสารทิศ แต่ความเร็วของมู่เฉียนซีก็ทำให้พวกเขารู้สึกย่อท้อเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าพลังที่พวกเขาใช้โจมตีมู่เฉียนซีจะแกร่งกล้ามากเพียงใด ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจโจมตีโดนเป้าหมายได้เลยสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่สตรีผู้นี้ก็อยู่ตรงนั้นแท้ ๆ ทว่านางกลับอันตรธานหายไปได้ในชั่วพริบตา
ตึง!
ศิษย์หญิงคนหนึ่งของสำนักหลินเยว่ล้มลงกับพื้น ร่างของนางถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนเนื้อหนังไหม้เกรียม
สุ่ยโหรวกล่าวด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “ศิษย์พี่หลิว ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ศิษย์พี่หลิว!”
พวกเขาสูญเสียพลังไปอย่างไม่หยุดหย่อน การที่มู่เฉียนซีใช้พลังวิญญาณมิตินั้นก็เป็นการสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปไม่น้อยเช่นกัน ในท้ายที่สุดแล้ว หากสงครามยังไม่จบก็อย่าเพิ่งนับศพทหาร!
ท่ามกลางห้วงมิติแห่งความมืดมิด สุดท้ายแล้วฉู่หลีก็สามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างราบคาบ
ทันทีที่เขากลับออกมา ก็พบว่าศิษย์น้องหญิงของเขาถูกคนจำนวนหกคนรายล้อมเอาไว้ เขารู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง!
เมื่อกลิ่นอายปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งพระราชวัง ทุก ๆ คนต่างก็รู้สึกตกตะลึงไปในทันที
จีหว่านเหนียงกล่าวด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “เขาอายุน้อยถึงเพียงนั้น แต่พลังกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ดูเหมือนครั้งนี้เราจะไม่มีโอกาสแล้ว น้องสามพวกเราไปกันเถอะ! ไม่อย่างนั้นพวกเราคงหนีไม่ได้แน่”
จีซานเหนียงทอดมองไปยังฉู่หลีและมู่เฉียนซี นางรู้สึกไม่ยินยอมเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอันแสนแกร่งกล้าแล้ว นางก็ทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อฟังพี่สาวเท่านั้น
“ได้ ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ!”
เมื่อได้สัมผัสถึงพลังของฉู่หลีแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานอีก
ศิษย์พี่หวังตกตะลึงไปเล็กน้อย “มิน่าล่ะ! มิน่าที่พวกเขาสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของมังกรเจียวหลงสองหัวได้ ทว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร? เหตุใดพวกเขาจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ทั้ง ๆ ที่อายุก็ใกล้เคียงกับฝ่าบาทแท้ ๆ”
“เวรเอ้ย!” รูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาปานเทพบุตรสรรค์สร้าง พละกำลังก็แกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง ศิษย์สำนักหลางซิงต่างก็รู้สึกอิจฉาริษยายิ่งนัก
“ศิษย์พี่ ทำอย่างไรดี?”
ศิษย์พี่ของสำนักหลางซิงกล่าว “ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังของเจ้าแกร่งกล้ามาก! เพียงแต่สำนักหลางซิงของข้าต้องการกระดูกศักดิ์สิทธิ์กล่องนี้ หากเจ้ารู้ตัว ก็จงพาสตรีผู้นี้กลับไปเสีย แล้วนำกระดูกศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้า เห็นแก่เจ้า พวกข้าก็จะไว้ชีวิตนางสักครา”
ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา ฉู่หลีก็ได้ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าศิษย์พี่ผู้นั้น
“เจ้ากล้าทำให้ศิษย์น้องหญิงของข้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือข้า!”
ปัง!
ศิษย์พี่ผู้นั้นถูกโจมตีเข้ากลางดวงใจ จากนั้นก็ย่ำเข้าประตูผีไปอย่างรวดเร็ว!
“ศิษย์พี่!”
และแน่นอนว่าฉู่หลีไม่มีทางปล่อยให้คนอื่น ๆ ลอยนวลไปได้อย่างแน่นอน คนของสำนักหลางซิงกล่าว “สู้ สู้กับเขาเลย!”
ศิษย์พี่หวังกล่าว “ศิษย์น้องสุ่ยโหรว วันนี้พวกเราไม่มีทางให้ถอยหนีอีกแล้ว ข้าขอไหว้วานเจ้าสักเรื่อง เจ้าจะต้องฟังคำข้า”
สุ่ยโหรวกล่าว “ศิษย์พี่ เชิญกล่าวมาได้เลย!”
หลังจากที่ศิษย์พี่หวังกล่าวจบ เส้นผมอันดำขลับราวกับน้ำหมึกนั้นก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น สุ่ยโหรวเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่!”
ทันใดนั้นพลังของนางก็เพิ่มขึ้นเป็นขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด ซึ่งเป็นระดับที่สูสีกับฉู่หลี
ทว่าการที่นางระเบิดพลังอันแสนแกร่งกล้าออกมาเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เพราะต้องการปะทะกับฉู่หลี ทว่าเป็นเพราะนางต้องการแย่งชิงกระดูกศักดิ์สิทธิ์มาจากมือของมู่เฉียนซีต่างหาก
ศิษย์พี่หวังปรี่เข้าหามู่เฉียนซีด้วยไอสังหารที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง ผู้ที่อยู่ในละแวกสิบหมี่โดยรอบก็ถูกพลังของนางหยุดชะงักไว้ทั้งหมด
มู่เฉียนซีเข้าใจดีว่านางจะต้องถูกโจมตีอย่างหนัก และไม่อาจหลบหลีกได้!
“มู่เฉียนซี เจ้าจะต้องตาย!” เมื่อความตกใจล่วงเลยไป และพบว่ามู่เฉียนซีตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สุ่ยโหรวก็หัวเราะออกมาด้วยความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
.