ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1567 จูบยามเช้า
ผู้อาวุโสของสำนักวารีเมฆาได้รับบาดเจ็บสาหัสไปไม่น้อย ไม่มีผู้ใดเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องมอดม้วยอยู่ยังที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
เจ้าสำนักวารีเมฆารู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง เขารีบตะโกนออกคำสั่งเสียงดังลั่น “ไป! พวกเราถอนกำลัง!”
การต่อสู้ที่ยืดเยื้อเช่นนี้ไม่มีทางมีผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างแน่นอน เขาเพิ่งเลื่อนขั้นมาอยู่ในขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน ความรุ่งโรจน์ในภายภาคหน้ายังอีกยาวไกล ไม่ว่าอย่างไรก็จะมาจบชีวิตอยู่ตรงนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
“ไป! รีบไป!”
เหล่าสำนักวารีเมฆาต่างก็รีบถอนกำลังออกอย่างรวดเร็ว สำนักลั่วเยว่ก็ไม่ได้ไล่บดขยี้คนของสำนักวารีเมฆาอีก เนื่องจากสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ ก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่ากันเท่าใดนัก
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “รีบเข้าไปช่วยก่อน! เข้าไปช่วยศิษย์สำนักเราเร็วเข้า!”
ระหว่างการไล่สังหารคนของสำนักวารีเมฆา กับการช่วยชีวิตคนแล้ว การช่วยชีวิตนั้นก็สำคัญกว่าเป็นเท่าทวี แม้ช่วยได้เพียงคนเดียวก็ยังดี
“ผู้อาวุโสสูงสุด นักปรุงยาจำนวนหลายร้อยคนที่ทางหอหมอปีศาจส่งมาได้มาถึงแล้วขอรับ พวกเราได้เชิญพวกเขาเข้ามาแล้ว”
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดเคร่งขรึมขึ้นมาในบัดดล “หอหมอปีศาจอย่างนั้นรึ! พวกเราไม่ได้รู้จักกับทางหอหมอปีศาจเสียหน่อย? แล้วพวกเขาจะส่งคนมาช่วยเราได้อย่างไร”
หอหมอปีศาจเป็นบ่อเกิดของพลังแห่งใหม่ในตอนนี้ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร และแน่นอนว่าผู้อาวุโสสูงสุดก็จะต้องทราบในเรื่องนี้เช่นกัน
สถานการณ์ของสำนักลั่วเยว่ของพวกเขาเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะรู้สึกสงสัยว่าอีกฝ่ายมีแผนการชั่วร้ายใด เพราะการมาช่วยเหลือของพวกเขาในครานี้ก็เป็นอะไรที่ไร้ต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “ให้พวกเขาเข้ามา พวกเขาไม่ใช่ศัตรู พวกเขาเพียงแค่มาช่วยเหลือ”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ได้!”
มู่เฉียนซีเองก็เข้าร่วมกับบรรดานักปรุงยาในการรักษาผู้อื่นด้วยเช่นกัน ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสทั้งหลาย ล้วนถูกส่งมาที่นางทั้งสิ้น
ยามแท่งเข็มทิ่มแทงลงยังกลางดวงใจ ก็ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ทว่าผู้ที่อาการสาหัสใกล้ย่ำเข้าประตูผีไปเหล่านั้นกลับมีอาการที่ดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
“ปรมาจารย์มู่คงจะเป็นศิษย์ของท่านหมอปีศาจสินะ! ทักษะการรักษาของท่านช่างล้ำเลิศเสียเหลือเกิน”
“ท่านหมอปีศาจไม่ได้ปรากฏตัวมาเป็นเวลานานแล้ว พวกเราคิดถึงเขาเป็นอย่างยิ่ง!”
“……”
มู่เฉียนซียุ่งอยู่ทั้งวันทั้งคืน ท้ายที่สุดแล้วนางก็สามารถทำให้บรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสพ้นขีดอันตรายได้ทั้งหมด
ทว่าศิษย์ที่ได้สังเวยชีวิตให้กับสำนักวารีเมฆาไปจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้น ก็ยังทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ไม่คลาย สำนักลั่วเยว่ไม่มีทางประนีประนอมให้กับทางสำนักวารีเมฆาอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีเดินเข้าห้องไปด้วยท่าทีอ่อนล้าเต็มประดา ทันใดนั้นนางก็ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง ไอร้อนพ่นรดไปทั่วใบหูน้อย ๆ ของมู่เฉียนซี จากนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำแว่วดังมาด้วยความบางเบา
“ซี!”
มู่เฉียนซีที่แอบอิงแผงอกแกร่งของบุรุษจึงกล่าวขึ้นว่า “จิ่วเยี่ย ข้าง่วง!”
“ข้าจะอุ้มเจ้าไปพักผ่อนบนเตียงเอง!” จิ่วเยี่ยช้อนร่างอรชรขึ้นมา แล้วค่อย ๆ วางนางลงบนเตียงนอนด้วยความทะนุถนอม จากนั้นเขาจึงจะโอบกอดนางด้วยความอ่อนโยน แล้วปล่อยให้นางค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไปอย่างผ่อนคลาย
สุ่ยโหรวกำลังรั้งรอบิดาของตนนำชัยชนะกลับมาอยู่ที่สำนัก นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “มู่เฉียนซี ถึงแม้พวกเจ้าจะกลับไปยังสำนักลั่วเยว่ไม่ทัน ทว่าตราบใดที่สำนักลั่วเยว่ถูกเผาเป็นจุน พวกเจ้าก็จะกลายเป็นเพียงหมาไร้บ้าน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เจ้าสำนักกลับมาแล้ว!”
เมื่อสุ่ยโหรวได้ยินเช่นนั้น นางก็รีบเหยียดกายลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อกลับมาแล้ว ดีจริงเชียว!”
สุ่ยโหรวรีบวิ่งออกไปทันที แต่เมื่อเห็นว่าบิดาของตนไม่ได้กลับมาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ทว่ากลับกลับมาด้วยสีหน้าซีดเผือดจนน่าเวทนา สุ่ยโหรวก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองแม้แต่น้อย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านพ่อของนางได้เลื่อนขั้นเป็นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว แล้วคนของสำนักลั่วเยว่คนใดที่จะสามารถทำร้ายเขาได้อีก?
หรือว่าเจ้าสำนักลั่วเยว่เองก็บรรลุระดับขั้นแล้วเช่นกัน?
“ท่านพ่อ…”
เจ้าสำนักวารีเมฆาไม่มีกระจิตกระใจจะมาสนใจพูดคุยกับนางแล้ว เขารีบออกคำสั่งในทันที “รีบเปิดระบบป้องกันของสำนักเร็วเข้า…”
ตอนนี้เขาเกรงว่าจะมีคนของสำนักลั่วเยว่ไล่ตามมา ถึงยามนั้นชีวิตของเขาคงไม่ปลอดภัยเป็นแน่
“ขอรับ!”
เมื่อระบบป้องกันของสำนักถูกเปิดใช้ขึ้น เจ้าสำนักวารีเมฆาก็รู้สึกสบายใจได้เปลาะหนึ่ง เขาทอดมองไปยังสุ่ยโหรวแล้วกล่าว “โหรวเอ๋อร์ เจ้าช่วยขอความช่วยเหลือไปยังสำนักของเจ้า ให้พวกเขามาช่วยสมทบกับทางสำนักเราได้หรือไม่ ตอนนี้เราเจอปัญหาเข้าแล้ว”
พวกเขาโจมตีสำนักลั่วเยว่จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก บัดนี้สถานการณ์ของสำนักที่มีกำลังมากเหล่านั้นล้วนไม่ยอมประณีประนอมอย่างแน่นอน
เขาไม่กล้ารับรองว่าระบบป้องกันของสำนักจะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด มีเพียงทางสำนักกองกำลังระดับสี่เท่านั้นจึงจะสามารถช่วยสำนักวารีเมฆาของพวกเขาได้
สุ่ยโหรวกล่าว “ท่านพ่อ มันเป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ! หากให้ทางสำนักของข้าเข้ามาช่วยเหลือ ทางสำนักก็จะทราบเรื่องที่ท่านบรรลุขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน การที่ท่านพ่อบรรลุขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้รวดเร็วเพียงนี้ พวกเขาย่อมต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่าข้าได้นำกระดูกศักดิ์สิทธิ์มาให้ท่านใช้แล้ว”
“ข้านำกระดูกศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านพ่อใช้เป็นการส่วนตัว หากสำนักหลินเยว่รู้เข้า พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยข้าไปเป็นแน่ ท่านพ่อ ที่สุดแล้วมันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่เจ้าคะ?”
ตอนนี้สุ่ยโหรวก็เริ่มรู้สึกร้อนรนไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อของนางก็ได้บรรลุถึงขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว และศักดิ์สถานะของนางควรถูกเลื่อนระดับเป็นคุณหนูใหญ่ของสำนักกองกำลังระดับสี่ และเขาก็ยังสามารถสังหารมู่เฉียนซีเพื่อล้างแค้นได้แท้ ๆ
เหตุใดเหตุการณ์จึงพลิกผันไปอยู่ในจุดที่นางไม่คิดไม่ฝันเช่นนี้เสียได้
เจ้าสำนักวารีเมฆาได้เล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ให้สุ่ยโหรวฟัง มันทำให้นางไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองแม้แต่น้อย
“มู่เฉียนซีมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเป็นสัตว์พันธสัญญา!”
“นางยังมีองครักษ์ขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งอีกด้วย!”
“นาง…” เจ้าสำนักวารีเมฆากล่าว “กล่าวได้ว่าอีกฝ่ายมีระดับภูตศักดิ์สิทธิ์อยู่คนหนึ่ง และปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดสองคน! สำนักของเราไม่มีปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดแม้แต่คนเดียว ผู้อาวุโสระดับปราชญ์แห่งภูตก็ตายไปจนเกือบหมดแล้ว หากสำนักลั่วเยว่ต้องการแก้แค้น ก็นับว่าพวกเรากำลังตกอยู่ในอันตราย”
สุ่ยโหรวรู้สึกโกรธจนหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมอยู่รำไร “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ท่านพ่อ พวกเราควรทำเช่นไรดี? หรือ…หรือไม่ให้ข้ากลับไปคิดหาวิธีที่สำนักหลินเยว่ก่อน”
“เมื่อระบบป้องกันของสำนักถูกเปิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ก้าวออกจากสำนักไปไม่ได้!”
“อะไรนะ?” สุ่ยโหรวหน้าถอดสีไปในทันที
มู่เฉียนซีหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของจิ่วเยี่ยไปนานสองนาน ยามตื่นขึ้นแล้วก็รู้สึกมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อนางลืมตาขึ้นก็พบว่ามีดวงตาสีฟ้าครามจ้องมองมายังนางอยู่
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย! อรุณสวัสดิ์”
จิ่วเยี่ยโอบกอดมู่เฉียนซีไว้แน่น แล้วโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตนางแผ่วเบา
“จูบยามเช้า!”
ราวกับว่าทั้งสองไม่ได้พบเจอกันมาเนิ่นนานก็มิปาน จิ่วเยี่ยมอบจูบอันร้อนแรงและดุดันให้มู่เฉียนซีด้วยความคะนึงหา
“อื้อ…”
เมื่อจูบอันดูดดื่มในยามเช้าได้สิ้นสุดลง มู่เฉียนซีจึงจะสามารถหลุดพ้นจากกรงเล็บปีศาจได้ และเมื่อผลักบานประตูออกไปแล้ว นางก็พบว่าฉู่หลีกำลังรั้งรอนางอยู่ภายนอก
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ ท่านเองก็ได้รับบาดเจ็บ เหตุใดจึงไม่พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ?”
“บรรดาผู้อาวุโสกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ ว่าจะจัดการกับสำนักวารีเมฆาอย่างไรดี พวกเขาจึงให้ข้ามารอรับเจ้าไปปรึกษาหารือด้วยกัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยสำนักวารีเมฆาไปไม่ได้เป็นอันขาด!”
ห้องโถงที่ใช้ในการปรึกษาหารือของสำนักลั่วเยว่มีผู้อาวุโสมาเข้าร่วมกันครบครัน ขาดเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น
ผู้ที่ขาดหายไปเหล่านั้นได้สูญหายไปขณะที่กำลังต่อสู้อยู่กับสำนักวารีเมฆา พวกเขาต่างรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมู่เฉียนซีและฉู่หลีมาถึงโถงใหญ่แล้ว ผู้อาวุโสจึงกล่าว “นั่ง นั่ง นั่ง!”
“พลังของหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้ช่างน่าตกใจเสียเหลือเกิน! ครานี้ต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว”
“พวกเจ้าเป็นผู้กล้า เป็นผู้กอบกู้ของสำนักลั่วเยว่ของเรา!”
พวกเขาทราบดีว่าหากทั้งสองมาไม่ทัน เกรงว่าสำนักลั่วเยว่ของพวกเขาคงถึงคราดับสูญไปจริง ๆ แล้วเป็นแน่
ผู้อาวุโสกล่าว “พวกเราเพิ่งได้รับข่าวความว่า ตอนนี้ทางสำนักวารีเมฆาได้เปิดระบบป้องกันขึ้นแล้ว เห็นทีคงจะกลัวพวกเรายิ่งนัก”
“คิดว่าหากหลุบศีรษะอยู่ในกระดองเต่าแล้ว พวกเราจะปล่อยพวกมันไปอย่างนั้นรึ? ฝันไปเถอะ! พวกเราไม่มีทางปล่อยไปเป็นอันขาด”
“พวกข้าจะต้องล้างแค้น ทำให้แดนซวนเทียนไร้ซึ่งสำนักวารีเมฆา ไม่ทราบว่าพวกเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าเห็นด้วย!”
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องหญิงเห็นด้วย ข้าก็ย่อมเห็นด้วย!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “แล้วพวกเราจะลงมือเมื่อใด?”
แท้จริงแล้วพวกเขาแทบจะอดทนรอไม่ไหว ศิษย์ของสำนักล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ความแค้นที่มีต่อสำนักวารีเมฆานั้นเอ่อล้นจนเทียมเมฆา
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสทุกท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป พวกท่านจะต้องพักรักษาตัวก่อน!”
“พวกเขาได้เปิดระบบป้องกันของสำนักขึ้นแล้ว คงคิดว่าพวกเราไม่อาจจะทะลวงระบบป้องกันของพวกเขาได้ และพวกเขาก็คงไม่หนีไปไหนแน่นอน เมื่อไม่หนีพวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อน เมื่อร่างกายฟื้นฟูเต็มที่แล้ว นั่นจึงเป็นเวลาที่พวกเราจะไปบดขยี้สำนักวารีเมฆา”
“มีเพียงร่างกายที่ฟื้นฟูเต็มที่แล้วเท่านั้น ที่จะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้คนของสำนักลั่วเยว่ก็น้อยลงไปมาก เราไม่อาจสูญเสียผู้ใดไปได้อีก”
.