ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1579 ผู้ใดร่ำรวยกว่า
เฉาหนานกล่าว “เจ้าก็เข้าไปพร้อมกับพวกเราดีหรือไม่?”
“หากถูกจับได้ล่ะ จะทำอย่างไร?”
“วางใจเถอะ เรื่องเล็กน้อย ๆ เช่นนั้น ไม่ได้เป็นปัญหาหรอก!”
มู่เฉียนซีเองก็มีความสนใจในเมืองหนานหลิงอยู่ไม่น้อย นางจึงตกปากรับคำที่จะเดินทางไปกับพวกเขาในทันที
เมืองหนานหลิงตั้งอยู่บนไหล่เขาของภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง การคุ้มกันของเมืองแห่งนี้แน่นหนาและเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพรรคพวกของเฉาหนานนำป้ายประจำกายของสำนักฉางยวนออกมาแสดง ผู้คุมก็ปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดาย ยามพวกเขาเดินเข้าไปนั้น บรรดาผู้คุมก็ได้จ้องมองมู่เฉียนซีเป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีจึงนึกคิดไปว่าตนถูกผู้คุมจับได้เสียแล้ว ผลปรากฏว่าผู้คุมกลับกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คาดไม่ถึงว่าสำนักฉางยวนของพวกเจ้าจะมีศิษย์หญิงที่หน้าตางดงามถึงเพียงนี้ด้วย”
“นานครั้งจะพบเจอหญิงงาม พวกเราคุ้มกันอยู่ที่นี่มานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยเช่นนี้”
“…..”
เมื่อบรรดาผู้คุมกล่าวมาเช่นนั้น พรรคพวกของฉาวหนานก็รู้สึกละอายใจไม่น้อย มู่เฉียนซีไม่ใช่คนของสำนักฉางยวนเสียหน่อย
สำนักฉางยวนของพวกเขามีบุรุษเป็นส่วนมาก ถึงแม้จะมีสตรี ทว่ารูปโฉมก็ธรรมดาเท่านั้น
เนื่องจากการฝึกฝนของสำนักฉางยวนลำบากเป็นอย่างยิ่ง สตรีรูปร่างสะโอดสะองคนใดเล่าจะทนไหว
ถึงแม้สำนักฉางยวนของพวกเขาจะแข็งแกร่ง ทว่าเนื่องจากบุรุษในสำนักมากล้นแต่หญิงงามกลับไร้เงา จึงทำให้ศิษย์จากสำนักอื่นหัวเราะเยาะอยู่บ่อยครั้ง
เฉาหนานกล่าว “ศิษย์น้อง ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “อื้ม!”
เดิมทีพวกเขาคิดว่าหากเรียกมู่เฉียนซีซึ่งแข็งแกร่งกว่าพวกเขาว่าศิษย์น้อง นางอาจจะไม่พอใจก็ได้ คาดไม่ถึงว่านางจะให้ความร่วมมือได้ดีถึงเพียงนี้
เมื่อเข้ามาในเมืองแล้ว มู่เฉียนซีก็พบว่าบรรยากาศภายในเมืองครึกครื้นเป็นพิเศษ
เฉาหนานจึงแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ให้มู่เฉียนซีได้รู้จัก เขาชี้ไปยังหอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง “นั่นแหละสถานที่ฝึกฝน ภายในมีพลังวิญญาณที่แกร่งกล้ามาก หากต้องการฝึกฝนภายในก็ต้องจ่ายเป็นหยกซวนเท่านั้น”
“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ!”
“ได้!”
พวกเขาเดินตรงไปยังหอคอยวิญญาณ หอคอยวิญญาณมีทั้งหมดเก้าชั้น
เฉาหนานกล่าว “ศิษย์น้อง หอคอยวิญญาณทั้งเก้าชั้นของพวกเรา สามารถใช้ฝึกฝนได้เพียงชั้นหนึ่งถึงชั้นเจ็ดเท่านั้น ส่วนชั้นแปดและเก้าจะมีเพียงผู้อาวุโสของสำนักต่าง ๆ เท่านั้นที่จะใช้ฝึกฝนได้?”
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “เพราะเหตุใดกัน? มันเป็นกฎที่กำหนดไว้อย่างนั้นหรือ?”
“หากไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแรงและพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าจริงๆ เมื่อขึ้นไปบนชั้นแปดและเก้าแล้ว ร่างของเจ้าก็จะแตกสลายในทันที! มีเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ ดังนั้น…”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าจะลองฝึกฝนดูว่า ผลลัพธ์ในชั้นที่เจ็ดเป็นเช่นไร?”
พวกเขาจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “ศิษย์น้อง เจ้ารู้หรือไม่ว่าชั้นเจ็ดจะต้องจ่ายด้วยหยกซวนมากเพียงใด? ถึงแม้เจ้าจะขายพวกเราไปจนหมดทุกคน พวกเราก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกนะ”
“ต้องใช้หยกซวนจำนวนมากเลยหรือ?”
ข้าง ๆ หอคอยมีตารางจำนวนหยกซวนที่ต้องจ่ายแจ้งไว้อย่างละเอียด ทุก ๆ ครั้งที่ใช้หอคอยวิญญาณแห่งนี้ในการฝึกฝน ก็จะนับเป็นเจ็ดวัน
ชั้นที่หนึ่งต้องจ่ายหยกซวนจำนวนหนึ่งชิ้น
ชั้นที่สองต้องจ่ายหยกซวนเป็นจำนวนแสนชิ้น…
ส่วนชั้นที่เจ็ดนั้น แน่นอนว่าต้องจ่ายเป็นจำนวนล้านชิ้น!
และหยกที่ต้องจ่ายก็ไม่ใช่หยกซวนระดับต่ำ แต่ต้องเป็นหยกซวนระดับสูงเท่านั้น!
เฉาหนานจึงเดินเข้าไปสอบถาม “หอคอยวิญญาณยังมีที่ว่างอยู่อีกกี่ที่?”
“ชั้นเจ็ดยังเหลืออยู่หนึ่งที่ ชั้นหกมีอยู่เก้าที่ ส่วนชั้นสี่และห้า…” ผู้คุมกล่าว
มู่เฉียนซีจึงกล่าว “เช่นนั้นข้าขอจองชั้นเจ็ดก็แล้วกัน พวกเจ้าคงไม่ต้องการใช่หรือไม่?”
“ไม่ต้องการ ไม่ต้องการ เพียงแต่เจ้า…”
เมื่อมู่เฉียนซีนำบัตรผนึกซวนออกมา พวกเขาก็รีบสงบวาจาลงในทันที เนื่องจากจำนวนในบัตรใบนั้นคงไม่ใช่น้อย ๆ อย่างแน่นอน!
คาดไม่ถึงว่าแม่นางมู่ผู้วิปริต นอกจากจะมีกำลังแกร่งกล้าแล้ว ซ้ำยังเป็นมหาเศรษฐีอีกด้วย
เมื่อมู่เฉียนซีกำลังจะทำการชำระค่าเข้าหอคอยวิญญาณแห่งนี้ ก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ห้ามให้ชั้นเจ็ดแก่นาง ข้าจองชั้นเจ็ดแล้ว!”
ผู้ที่เข้ามาก่อกวนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหญิงสาวในอาภรณ์ชมพูที่พวกเขาพบเจอก่อนหน้านี้นั่นเอง นางจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสายตายียวนเป็นอย่างยิ่ง
“คุณหนูสวี่ แม่นางผู้นี้มาถึงก่อนนะ” ผู้คุมหอคอยวิญญาณกล่าว
“แล้วถ้าหากข้าจ่ายให้เป็นจำนวนสองเท่าเล่า?” สวี่ฝูกล่าว
“นั่นก็นับว่าสอดคล้องกับกฎของที่นี่ แม่นาง แม่นางดูชั้นหกเป็นอย่างไร ชั้นหกก็ไม่เลวเช่นกัน มีที่ว่างเหลืออีกมากมายเชียว!” ผู้คุมกล่าว
ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะเป็นแดนซวนเทียน ไม่ใช่ดินแดนสี่ทิศ ทว่าการที่คิดแข่งเรื่องเงินกับตระกูลมู่นั้น ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นข้าขอจ่ายสี่เท่า!”
สวี่ฝูเบิกตาโพลงในทันที “เจ้า…”
“ได้! ในเมื่อเจ้าคิดจะแข่งกับข้า ข้าก็ไม่คิดกลัวเจ้า! ข้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของสำนักเล่ออัน มีหรือจะขาดแคลนหยกซวนจำนวนเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น?”
“สิบล้าน! ข้าจะจ่ายเป็นจำนวนสิบล้าน!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าขอจ่ายยี่สิบล้าน!”
“สามสิบล้าน!”
“ห้าสิบล้าน!”
ยามที่ทั้งสองประชันวาจากันไปมา ผู้คนที่รายล้อมอยู่โดยรอบต่างก็กลืนน้ำลายกันเฮือกใหญ่ สตรีผู้นี้ใช้เงินได้น่ากลัวเกินไปแล้ว
เฉาหนานกลัวว่าจำนวนในบัตรของมู่เฉียนจะไม่พอ ถึงยามนั้นก็คงจะวุ่นวายน่าดู
คุณหนูสวี่กล่าว “หากเจ้าจ่ายสิบล้าน ข้าจะจ่ายร้อยล้าน!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “โอ้! ในเมื่อเจ้าอยากได้ถึงเพียงนั้น ข้าก็ขอยกให้เจ้าก็แล้วกัน!”
ครานี้สวี่ฝูจึงจะตระหนักได้ว่า นาง…นางได้ใช้เงินไปเป็นจำนวนร้อยล้าน เพื่อซื้อห้องฝึกฝนในชั้นเจ็ดเพียงหนึ่งห้องเท่านั้น
ผู้คนที่อยู่ข้างกายนางเหล่านั้นก็ร้อนใจจนแทบคลั่งแล้ว
เมื่อพบว่าสวี่ฝูมีสีหน้าบูดบึ้งไม่น่าดู มู่เฉียนซีจึงกล่าว “เป็นอะไรไป? หากเจ้ารู้สึกว่ามันแพงเกินไป ก็ยกให้ข้าก็แล้วกัน”
“ไม่ได้เด็ดขาด ก็เพียงแค่หนึ่งร้อยล้านเท่านั้น! ข้าไม่ได้นำหยกซวนติดตัวมามากขนาดนั้น เจ้าจดลงในบัญชีสำนักเล่ออันไปก่อนก็แล้วกัน!”
ผู้คุมจึงรีบพยักหน้าแล้วกล่าว “ขอรับ คุณหนูสวี่!”
สวี่ฝูกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งเต็มประดา “กล้ามาเทียบกับข้า เจ้าเทียบข้าได้อย่างนั้นรึ? เพียงแค่หยกซวนห้าสิบล้านก็ยังไม่มีปัญญา ข้าว่าเจ้าคงแค่มาป่วนก็เท่านั้น!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มกระจ่างใสบนใบหน้า “คุณหนูสวี่ เจ้าไม่คิดว่าเจ้าเสียเปรียบหรืออย่างไร? ร้อยล้านสามารถขึ้นไปฝึกฝนยังชั้นเก้าได้เลยนะ แต่เจ้ากลับฝึกเพียงชั้นเจ็ดเท่านั้น!”
นางยื่นบัตรไปให้ผู้คุมแล้วกล่าว “ข้าต้องการฝึกฝนในชั้นเก้าเป็นเวลาเจ็ดวัน คิดเงินเลย!”
ผู้คนโดยรอบต่างจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าตะลึงงัน “เจ้าแน่ใจหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังวิญญาณของข้าค่อนข้างแข็งแกร่ง ร่างกายก็แข็งแรงไม่น้อย จึงอยากลองขึ้นไปดูสักหน่อย”
สวี่ฝูกล่าว “ก่อนหน้านี้ก็มีคนที่ทะนงตนอย่างเจ้าถูกหามออกมา เป็นตายเท่ากัน! ข้าจะคอยดูงิ้วที่เจ้ากำลังจะแสดงอย่างไม่กระพริบตาเชียว”
พรรคพวกของเฉาหนานทราบถึงพลังของมู่เฉียนซีเป็นอย่างดี
บางที…นาง…นางอาจจะทำได้ก็ได้!
อย่างไรเสียแม่นางมู่ก็ถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขนานนามว่าผู้วิปริตไปแล้ว!
มีเงินมากองไว้ตรงหน้า หากไม่รับก็คงเสียดายแย่ ผู้คุมจึงรีบนำบัตรของมู่เฉียนซีมารูดในทันที และมันก็สำเร็จไปได้ด้วยดี
ในบัตรของแม่นางผู้นี้มีหยกซวนเป็นจำนวนมากจริง ๆ ด้วย
“จะ…เจ้า…”
สวี่ฝูทอดมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าแววตาไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าของนางแดงก่ำเป็นอย่างยิ่ง
“เงินมากมายเช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าเจ้าได้มาด้วยวิธีใสสะอาดหรือไม่ ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย”
สวี่ฝูก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจไม่หยุดหย่อน ต้องโทษบิดาของนางที่ให้เงินค่าขนมน้อยเกินไป ทำให้นางต้องถูกหญิงชั่วผู้นี้หัวเราะเยาะเอาได้
คุณหนูสวี่เดินเข้าไปภายในห้องฝึกฝนด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง หากฝึกฝนด้วยอารมณ์เช่นนี้ เห็นทีเงินค่าห้องฝึกฝนที่จ่ายไปคงไร้ประโยชน์
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นข้าขอเข้าไปก่อนก็แล้วกัน!”
เฉาหนานกล่าว “ศิษย์น้อง! เจ็ดวันให้หลังค่อยมาเจอกันใหม่ หวังว่าเจ้าจะบรรลุขั้นได้ในเร็ววัน!”
“ระวังตัวด้วย หากพบเจอสิ่งใดไม่ชอบมาพากล ก็รีบหนีไปในทันที!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าว “อื้ม!”
เมื่อมู่เฉียนซีเดินขึ้นไปบนชั้นเก้าแล้ว การที่มีเด็กสาวผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จ่ายเงินจำนวนร้อยล้าน เพื่อเข้ามาฝึกฝนในชั้นเก้า มันช่างเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง
กระทั่งมีคนบางกลุ่มในเมืองทำการพนันกัน “ข้าขอพนันว่าไม่ถึงหนึ่งเค่อ เด็กสาวคนนั้นก็จะต้องถูกหามออกมาเป็นแน่!”
“ข้าว่าเพียงลมหายใจเดียวก็ออกมาแล้ว…”
“ข้าว่าหนึ่งก้านธูป…”
.