ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1580 พบเจอจีซานเหนียง
เมื่อได้ขึ้นไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่ได้รู้สึกถึงพลังวิญญาณที่กำลังจะแตกสลายอะไรเหล่านั้นแม้แต่น้อย
ทว่าเรื่องของร่างกายที่มีการสึกหรอไปนั้นก็มีอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ยังรับไหว
สถานที่แห่งนี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณที่ไม่สิ้นสุด การฝึกฝนตลอดเจ็ดวันยังสถานที่แห่งนี้ จึงทำให้พลังวิญญาณแทรกซึมเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่อง
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าการฝึกฝนของนางมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด!
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสาม!
ภายในชั่วพริบตามีคนจำนวนไม่น้อยที่สัมผัสได้ว่า พลังวิญญาณในหอคอยวิญญาณได้พุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นบน
ผู้คนที่อยู่ชั้นล่างก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่พลังวิญญาณพุ่งขึ้นไปยังชั้นบนจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด ทว่าผู้คนที่อยู่ชั้นเจ็ดต่างก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“พลังวิญญาณพุ่งขึ้นไปยังชั้นบนอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ มันน่าแปลกนัก เพราะข้างบนมันไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”
“คงจะมีผู้อาวุโสคนใดอยู่ข้างบนกระมัง!”
“……”
สวี่ฝูซึ่งฝึกฝนอยู่ในชั้นเจ็ด และได้ครอบครองพื้นที่ที่ดีที่สุดในชั้น ทว่าในใจนางก็ยังคงคิดวกวนอยู่กับการแก้แค้นมู่เฉียนซี เมื่อจิตใจไม่มั่นคง จึงทำให้การฝึกฝนของนางไม่พัฒนาขึ้นแม้แต่ขั้นเดียว!
สวี่ฝูเองก็สัมผัสได้เช่นกัน “ข้างบนอย่างนั้นรึ?”
“หรือว่า…จะเป็นนางหญิงสาวผู้นั้น เป็นไปไม่ได้! นางคงจะถูกหามออกมาในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายตั้งนานแล้ว”
ไม่เพียงแต่คนในหอคอยวิญญาณเท่านั้นที่สัมผัสได้ แม้กระทั่งผู้คนที่อยู่ภายนอกก็สัมผัสได้เช่นกัน
“การที่พลังวิญญาณมีการเคลื่อนไหวเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีใครบางคนในหอคอยวิญญาณได้บรรลุระดับขั้นแล้วเป็นแน่”
“พลังนั้นอยู่ที่ชั้นเก้า มีผู้อาวุโสท่านใดในชั้นเก้าที่บรรลุระดับขั้นอย่างนั้นหรือ?”
“……”
ทว่าเมื่อผู้คุมของหอคอยวิญญาณลองตรวจสอบดูแล้ว ช่วงนี้ก็ไม่มีผู้อาวุโสคนใดที่เข้าไปฝึกฝนยังชั้นเก้าเลย
แท้จริงแล้วผลลัพธ์ในการฝึกฝนของบรรดาผู้อาวุโสจากสำนักที่มีชื่อเสียงต่างๆก็ไม่ได้เด่นชัดเท่าใดนัก และน้อยคนนักที่จะยอมจ่ายหยกซวนเป็นจำนวนหนึ่งร้อยล้านเพื่อที่จะเข้าไปฝึกฝนยังชั้นเก้า ดังนั้นชั้นแปดและชั้นเก้าจึงมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลควบคุมอยู่เป็นจำนวนน้อย!
ที่สุดแล้วผู้ใดกันที่อยู่บนชั้นเก้า!
“ข้าจำได้แล้ว เป็นเด็กสาวคนหนึ่งของสำนักฉางยวน นางอยู่ข้างบนนั่น”
“เด็กน้อยนั่นอยู่บนชั้นเก้าได้นานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?อีกทั้งยังบรรลุระดับขั้นอีกด้วย พลังนี้ราวกับนางได้บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงสุดอย่างนั้นแหละ!”
“เป็นไปไม่ได้! เด็กน้อยนั่นเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง!”
อย่างไรก็ตาม ผู้คุมของหอคอยวิญญาณต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย!
ภายในระยะเวลาเจ็ดวัน มู่เฉียนซีก็ได้บรรลุระดับขั้นและมีพลังที่มั่นคงแล้ว และเวลาในการฝึกฝนก็ได้สิ้นสุดลงเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อมู่เฉียนซีกลับออกมาจากหอคอยวิญญาณ นางก็พบกับพรรคพวกของเฉาหนานที่กำลังจ้องมองนางด้วยสีหน้าตกตะลึงอยู่
“แม่นางมู่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
“จะ…เจ้ายังสบายดีอยู่นะ!”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่เลว! ขอบใจพวกเจ้ามากที่พาข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ผลที่ได้จากการฝึกฝนนับว่าดีเยี่ยม! ข้าบรรลุระดับขั้นแล้ว!”
พวกเขาเบิกตาโพลงจนดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้าอยู่รำไร นางไม่เพียงแต่จะสามารถรับมือกับความกดดันอันน่าสยดสยองได้เท่านั้น แต่นาง…นางยังสามารถบรรลุระดับขั้นได้อีกด้วย!
นางวิปริต สมแล้วที่เป็นนางวิปริต!
เมื่อข่าวคราวที่มู่เฉียนซีสามารถกลับออกมาได้อย่างปลอดภัยแพร่กระจายออกไป บรรดาผู้ที่ลงพนันไว้ก็แพ้พนันกันถ้วนหน้า
“สำนักฉางยวนมีคนวิปริตอยู่ด้วย!”
“สำนักฉางยวนบ่มเพาะคนวิปริตเช่นนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“……”
ทั่วทั้งเมืองหนานหลิงต่างก็กำลังถกเถียงในเรื่องนี้อยู่ พวกของเฉาหนานต่างก็รู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างยิ่ง หากอาจารย์ทราบเรื่องเข้า พวกเขาต้องถูกตำหนิเป็นการใหญ่อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีเองก็ไม่ต้องการทำให้พวกเขาเดือดร้อน นางจึงกล่าว “ในเมื่อบรรลุระดับขั้นแล้ว เช่นนั้นข้าขอกลับออกจากเมืองหนานหลิงเลยก็แล้วกัน”
“แม่นางมู่ วันนี้ตลาดเมืองหนานหลิงเปิดให้ทำการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันด้วย เจ้าจะเดินดูสิ่งของก่อนหรือไม่! บางทีเจ้าอาจจะได้ของดี ๆ กลับไปจำนวนไม่น้อยเลยก็ได้”
“ใช่แล้ว! แม่นางมู่ออกจะร่ำรวยถึงเพียงนั้น แม่นางต้องมีกำลังซื้อของล้ำค่าได้อยู่แล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตลาดแลกเปลี่ยนสิ่งของอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก่อนไป ข้าจะไปเดินดูสักหน่อยก็แล้วกัน!”
เมื่อบรรดาลูกศิษย์จากสำนักต่าง ๆ กลับมาจากการฝึกฝนและเสาะหาของล้ำค่าแล้ว หากพวกเขาไม่ได้นำของล้ำค่าเหล่านั้นไปมอบให้กับทางสำนัก ก็จะนำมาวางขายที่ตลาดแห่งนี้
สิ่งของล้ำค่ามากมายหลายชนิดมีให้เลือกสรร โดยเฉพาะสมุนไพรวิญญาณชนิดต่าง ๆ
และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็เริ่มลงมือซื้อ ซื้อ และซื้ออย่างไม่เกรงใจ!
สวี่ฝูเองก็ตามมาถึงตลาดแห่งนี้แล้วเช่นกัน และนางก็พบว่ามู่เฉียนซีกำลังจับจ่ายซื้อของอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางดูไม่เหมือนคนที่กำลังขัดสนเรื่องเงินทองแต่อย่างใด
ครั้นหวนนึกถึงตนเองที่ใช้เงินไปเป็นจำนวนร้อยล้าน แล้วต้องถูกบิดาก่นด่าอย่างสาดเสียเทเสีย นางก็นึกแค้นใจขึ้นมาอย่างมิอาจห้ามได้
มู่เฉียนซีรู้สึกต้องตาต้องใจกับสมุนไพรวิญญาณราคาสูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง มันคือสมุนไพรฮวาซ่าน ในขณะนั้นเอง สุ้มเสียงอันแสนเสแสร้งสุ้มเสียงหนึ่งก็ดังแว่วเข้ามา “เป็นสมุนไพรที่สวยจริง ๆ! ข้าขอซื้อก็แล้วกัน”
ความสนใจของจีซานเหนียงได้พุ่งตรงไปยังสมุนไพรฮวาซ่านเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อครั้นค่อย ๆ หันหน้ามา นางก็พบใบหน้าของคนที่ทำให้นางอิจฉาริษยาเป็นที่สุดอยู่ข้าง ๆ
ทันใดนั้นดวงพักตร์ที่เบิกบานราวกับบุปผาแรกแย้ม ก็เผยความเคียดแค้นออกมาในทันที
“มะ…มู่เฉียนซี จะ เจ้า…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!”
มู่เฉียนซีเองก็คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่า นางจะมาพบเจอคนที่คุ้นเคยในสถานที่แห่งนี้ นางกล่าว “จีซานเหนียง! คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่!”
จีซานเหนียงกล่าว “เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ ด้วย”
เมื่อออกมาจากซากปรักหักพังหนานหลิงแล้ว พวกเขาก็กลัวว่าสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงจะตามมารังควาน จึงอยู่ด้วยความถ่อมตนมาโดยตลอด และพวกเขาก็ไม่กล้าไปยั่วยุสำนักลั่วเยว่ด้วยเช่นกัน ทว่ามันก็ทำให้พี่น้องของพวกนางรู้สึกอึดอัดใจแทบตายเช่นกัน
คาดไม่ถึงว่าอยู่ ๆ มู่เฉียนซีจะเป็นฝ่ายปรากฏตัวต่อหน้านางก่อนเช่นนี้ จีซานเหนียกล่าว “แน่นอนว่าข้ายังต้องมีชีวิตอยู่! มู่เฉียนซี ในเมื่อเจ้ากล้าเข้ามาในเมืองหนานหลิงของพวกข้า ก็ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าเช่นไร”
เมื่อจีซานเหนียงกล่าวว่าจะลงมือจัดการ นางก็ไม่คิดรั้งรอ และยามที่นางได้ลงมือแล้ว มันก็ช่างโหดเหี้ยมเกินบรรยาย!
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีกด้วยความรวดเร็ว จากนั้นพวกของเฉาหนานก็รีบเข้ามาขวางจีซานเหนียงไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
จีซานเหนียงกล่าว “เจ้าไม่มีศิษย์พี่มาคอยปกป้องแล้ว! แต่กลับมีพวกบุรุษหน้าตาอัปลักษณ์คอยพิทักษ์หญิงโฉดอย่างเจ้ามาแทน ใบหน้าของเจ้าก็นับว่ามีประโยชน์ไม่เลวเหมือนกัน!”
เฉาหนานได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที เขากล่าว “ดูเสื้อผ้าที่แม่นางผู้นี้สวมใส่เข้าสิ เห็นทีคงจะเป็นคนของสำนักฉางฮวนเป็นแน่! อย่าได้คิดว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ จะเป็นแบบเดียวกับผู้หญิงของสำนักเจ้าสิ”
จีซานเหนียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าว่าอะไรนะ?”
เฉาหนานกล่าว “หากวันนี้เจ้ากล้าทำอะไรนาง พวกเราก็จะไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน!”
จีซานเหนียงเองก็ทราบดีว่าบุรุษเหล่านี้มีพลังที่แกร่งกล้าไม่เบา นางจึงกล่าว “พวกเจ้าสำนักฉางยวนทำผิดกฎของที่นี่! เมืองหนานหลิงแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับคนของสำนักกองกำลังระดับสี่เท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับถูกความงามเข้าครอบงำ นำพาผู้หญิงของกองกำลังระดับสามเข้ามาที่นี่”
“สำนักต่าง ๆ จะต้องคิดบัญชีกับสำนักฉางยวนของพวกเจ้าเป็นแน่! พวกเจ้าคอยดูก็แล้วกัน!”
คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างต่างก็ตะลึงงันไปตาม ๆ กัน “อะไรนะ? คนของสำนักกองกำลังระดับสามอย่างนั้นรึ”
“เด็กน้อยคนนี้เป็นคนของสำนักกองกำลังระดับสามจริง ๆ หรือ สำนักฉางยวนเลอะเทอะไปใหญ่แล้ว”
“ศิษย์ของสำนักฉางยวนก็ไม่ได้ทำเกินไปเสียหน่อย! หากมีหญิงงามเช่นนี้มาขอร้องข้า ข้าก็คงจะใจอ่อนเช่นกัน!”
ครานี้สวี่ฝูก็รู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางรีบพุ่งเข้าไปกอดจีซานเหนียงแล้วกล่าว “พี่จีซาน เป็นเช่นนั้นจริงหรือ? ผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงศิษย์ของสำนักกองกำลังระดับสามเท่านั้นเองรึ”
สำนักฉางฮวนและสำนักเล่ออันมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด จีซานเหนียงกล่าว “จริงแท้แน่นอน! ครั้งก่อนตอนที่ข้าไปสำรวจซากปรักหักพังหนานหลิง ข้าก็ได้พบเจอเจ้าเด็กนี่ นางเป็นศิษย์ของสำนักลั่วเยว่ กองกำลังระดับสาม”
สวี่ฝูกล่าว “สำนักลั่วเยว่ นั่นมันสำนักไร้ชื่อนี่! แม้กระทั่งชื่อสำนักก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
ในที่สุดสวี่ฝูก็หาข้อได้เปรียบได้แล้ว สำนักกองกำลังระดับสามจะมาเทียบเคียงกับสำนักกองกำลังระดับสี่ได้อย่างไร!
จีซานเหนียงกล่าว “ใครก็ได้เข้ามานี่หน่อยสิ! รีบมาจับสตรีนางนี้ของสำนักกองกำลังระดับสามผู้นี้ที แล้วกุมตัวไปสอบสวนให้ดี! การที่นางแฝงตัวเข้ามาด้วยความยากลำบาก มันก็จะต้องมีจุดประสงค์ร้ายอันใดแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน”
เฉาหนานกล่าว “ไม่ได้! แม่นางมู่เป็นสหายของเรา! พวกเราเป็นคนพานางเข้ามาที่นี่เอง ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้องตัวนาง!”
ทว่าไม้ซีกก็ไม่อาจงัดไม้ซุงได้ เมืองหนานหลิงมีกฎระบุไว้อย่างชัดเจน
พวกเขากล่าว “ไปกับพวกเราสักหน่อยเถอะ!”
เห็นชัดว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นพวกเดียวกับจีซานเหนียง หากติดตามพวกเขาไปก็คงไม่มีผลดีเป็นแน่ ในขณะนั้นเองน้ำเสียงเคร่งขรึมเสียงหนึ่งก็แว่วดังขึ้น “ช้าก่อน! ผู้ใดอนุญาตให้พวกเจ้าจับตัวคนของสำนักฉางยวนของข้าไปกัน?”
.