ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1581 คุณชายไป๋เจ๋อ
เจ้าของน้ำเสียงเคร่งขรึมนั้นเป็นบุรุษหน้าตาธรรมดา สวมอาภรณ์ของผู้อาวุโสสำนักฉางยวนผู้หนึ่ง
ดูจากภายนอกแล้วอายุก็ยังไม่มากนัก คงราว ๆ สามสิบกว่าปีเห็นจะได้
จีซานเหนียงไม่ทราบว่าคนผู้นี้คือผู้ใด ทราบเพียงว่าเขาคือผู้อาวุโสของสำนักฉางยวนเท่านั้น
“ศิษย์ผู้เยาว์สำนักฉางยวนก่อเรื่องวุ่นวายก็แล้วกันไป แต่นี่ท่านก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสของสำนัก นี่ก็คิดจะออกมาปกป้องคนนอกด้วยรึ?”
เฉาหนานรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้อาวุโสท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง ทว่าตราบใดที่ผู้อาวุโสยืนอยู่ข้างพวกเขา เรื่อง ๆ นี้ก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง
เฉาหนานกล่าว “ท่านผู้อาวุโส แม่นางมู่เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้ หากไม่ได้นางละก็! พวกเราคงตายอยู่ในป่าหมอกพิษแล้ว! ท่านจะต้องช่วยพวกเราด้วยนะขอรับ ข้าน้อยยินดีกลับไปรับโทษขอรับ!”
ศิษย์อีกคนกล่าว “ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนคนของสำนักฉางฮวนเองก็ลอบเอาคณิกาชายไร้สำนักเข้ามาเช่นกัน! แล้วเหตุใดพวกข้าจะพาแม่นางมู่เข้ามาไม่ได้!”
จีซานเหนียงกล่าว “ไร้สำนักก็คือไร้สำนัก คนของสำนักกองกำลังระดับสามจะมาเทียบกับคนไร้สำนักได้อย่างไร”
ผู้อาวุโสอาภรณ์ขาวกล่าว “แม่นางผู้นี้เป็นคนของสำนักฉางยวน”
“เป็นไปไม่ได้! นางเป็นศิษย์สำนักลั่วเยว่ กองกำลังระดับสาม”
“ข้าก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่านางเป็นศิษย์ของสำนักฉางยวน!” เขากล่าวตอบ
เขาเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีแล้วกล่าวเสียงเบา “แม่นางเป็นนักปรุงยาใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว!”
“เช่นนั้นก็ดีเลย!”
บุรุษอาภรณ์ขาวกล่าว “แม่นางผู้นี้เป็นนักปรุงยารับเชิญของสำนักฉางยวน! สามารถใช้สถานะคนของสำนักฉางยวนได้!”
จีซานเหนียงกล่าว “เพื่อช่วยมู่เฉียนซีแล้ว พวกเจ้าถึงกับจงใจปลอมแปลงสถานะให้นาง! แบบนี้มันชักจะเกินไปแล้ว!”
“ใช่แล้ว! หากจะเป็นคนที่ทางสำนักเชิญมาประจำตำแหน่งได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นนักปรุงยาของสำนัก! แล้วแม่นางผู้นี้เพิ่งจะอายุอานามเท่าไรเอง ยี่สิบปีก็คงไม่ถึงกระมัง”
“หากสำนักฉางยวนต้องการปกป้องนาง เราก็คงจะทำอะไรไม่ได้!”
จีซานเหนียงกล่าว “หากสำนักฉางยวนทำผิดกฎเช่นนี้ เช่นนั้นสำนักในกองกำลังระดับสี่สำนักอื่น ๆ ก็คงทำได้เช่นกัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากพวกเจ้าไม่เชื่อ! ให้ข้าปรุงยาให้พวกเจ้าดูตรงนี้เลยเป็นอย่างไร? หากข้าสามารถปรุงยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าข้ามีสิทธิ์ที่จะเป็นนักปรุงยารับเชิญจากสำนักฉางยวนแล้วใช่หรือไม่?”
ทุกคนต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง “อะไรนะ? ขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นรึ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!”
มู่เฉียนซีก็ไม่นึกสนใจว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นางได้นำหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา จากนั้นจึงจะนำสมุนไพรวิญญาณออกมา
“แม่นางแลกสมุนไพรวิญญาณนั่นกับข้าเอง! ข้าต้องการยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ แม่นางก็ยื่นให้ข้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย ใจกว้างเป็นอย่างยิ่ง!”
“สมุนไพรวิญญาณนั่นด้วย…”
“……”
มู่เฉียนซีไม่เพียงแต่จะปรุงยาเท่านั้น นางยังใช้สมุนไพรวิญญาณที่แลกมาเมื่อครู่ในการปรุงยาในครั้งนี้อีกด้วย
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ใส่สมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นลงไปในหม้อยา
หากการปรุงยาลูกกลอนในครั้งนี้สามารถแก้ไขความวุ่นวายในครั้งนี้ได้ นางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อทุก ๆ คนได้เห็นมู่เฉียนซีปรุงยาแล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกตกตะลึงกันเป็นอย่างยิ่ง!
“นะ…นางเป็นนักปรุงยาจริง ๆ ด้วย!”
“เป็นนักปรุงยาไม่ผิดแน่! ทว่าหากจะปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ละก็ มันก็เป็นไปไม่ได้เลย!”
“……”
เมื่อกลิ่นอันน่าภิรมย์ของยาลูกกลอนลอยออกมาจากหม้อยา ก็ไม่มีผู้ใดกล่าวคำว่าเป็นไปไม่ได้อีก!
เนื่องจากความเป็นจริงได้ประจักษ์แก่สายตาของพวกเขาแล้ว!
จีซานเหนียงเองก็ไม่อยากจะเชื่อ นะ…นางเป็นนักปรุงยาระดับศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ
สวี่ฝูรู้สึกโกรธจนแทบจะกระอักเลือด นางเป็นนักปรุงยาระดับศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ มิน่าถึงได้มีเงินมากมายเพียงนั้น อย่างไรเสียนักปรุงยาก็ร่ำรวยที่สุดอยู่แล้ว
จะให้มู่เฉียนซีปรุงยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมาไม่ได้เป็นอันขาด นางจะต้องขัดขวางให้ได้ มิฉะนั้นวันนี้คงจัดการมู่เฉียนซีไม่ได้แล้ว
ครั้นจีซานเหนียงเตรียมจะลงมือ ก็มีพลังบางอย่างสะกดตัวนางไว้ ทำให้นางไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้
ผู้อาวุโสอาภรณ์ขาวกล่าว “คนของสำนักฉางฮวน ห้ามเล่นตุกติกเป็นอันขาด”
หน้าผากของจีซานเหนียงมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
ภูตศักดิ์สิทธิ์! ผู้อาวุโสสำนักฉางยวนผู้นี้มีพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์
ในที่สุดยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็กลั่นออกมาได้สำเร็จ ผู้คนทั่วทั้งเมืองหนานหลิงต่างก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ลอยอบอวลไปทั่ว
แสงรัศมีสีขาวอ่อน ๆ ส่องแสงสว่างไสวออกมาจากหม้อยา ทำให้ทุกคนมองดูด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
มีนักปรุงยาระดับศักดิ์สิทธิ์อายุน้อยถึงเพียงนี้อยู่จริง ๆ ด้วย!
นักปรุงยาระดับศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดในสำนักกองกำลังระดับสี่ที่ไม่อยากเข้าไปประจบเอาใจบ้าง ผู้ใดบ้างที่กล้าเข้าไปยั่วโทสะ!
เจ้าหน้าที่ของเมืองหนานหลิงก็ล่าถอยกลับไปแล้วเช่นกัน ไม่ว่าแม่นางผู้นี้จะเป็นนักปรุงยารับเชิญของสำนักฉางยวนหรือไม่ นางก็ไม่ใช่บุคคลที่พวกเขาสามารถยั่วยุได้
ผู้อาวุโสอาภรณ์ขาวกล่าว “ครานี้พวกเจ้าก็ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวแล้วสินะ! นักปรุงยารับเชิญของสำนักฉางยวนเข้ามาในเมืองหนานหลิง คงไม่ได้มีปัญหาอันใดแล้วกระมัง!”
“เป็นความเข้าใจผิดของพวกเราเอง!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พรสวรรค์ในการปรุงยาของแม่นางล้ำเลิศถึงเพียงนี้ ไม่ทราบว่าแม่นางสนใจจะมาเป็นแขกรับเชิญของสำนักเราบ้างหรือไม่!”
“สำนักของเราก็ยินดีต้อนรับแม่นางเช่นกัน ถึงยามนั้นพวกเราก็ขอเชิญแม่นางด้วยความยินดียิ่ง…”
นักปรุงยาที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ หากไม่ชักชวนมาเป็นพันธมิตรด้วยก็โง่เขลาเต็มที!
เดิมทีนางก็เป็นเพียงศิษย์จากสำนักกองกำลังระดับสามที่ผู้อื่นต่างพากันดูแคลน ทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นผู้ที่ผู้อื่นต่างพากันยกย่องเชิดชู
มู่เฉียนซีได้ทำการปฏิเสธไปทั้งหมด การเป็นผู้ที่ถูกรับเชิญเป็นเพียงตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะมีสำนักที่เรียนเชิญนางไปมากมายเท่าใดก็ไม่เป็นปัญหา
ทว่าพวกเขากลับคิดว่าตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่ดียิ่ง ดีจนสามารถเชิญหมอปีศาจไปเป็นแขกรับเชิญของสำนักพวกเขาได้? พวกเขาชักจะประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว
ผู้อาวุโสอาภรณ์ขาวกล่าว “ที่นี่วุ่นวายเกินไปแล้ว! หากแม่นางไม่มีสิ่งใดที่ต้องการแลกเปลี่ยนแล้ว ก็เชิญแม่นางมารับประทานอาหารที่สำนักของเราเถิด!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้เลย!”
นางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงช่วยนางไว้?
เมื่อมู่เฉียนซีเดินจากไปแล้ว จีซานเหนียงและสวี่ฝูต่างก็รู้สึกไม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
สวี่ฝูกล่าว “พี่จีซาน สตรีคนนั้นน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเป็นนักปรุงยา ข้าก็จะทำให้นางไม่ตายดี!”
จีซานเหนียงหัวเราะแล้วกล่าว “ข้าก็คิดเช่นนั้นไม่ต่างกัน! ภายในเมืองหนานหลิงเราคงทำอะไรไม่ได้ แต่ตราบใดที่นางออกจากเมืองไปแล้ว หึ หึ หึ…”
“ท่านพี่กล่าวถูกต้องเป็นที่สุด!” สวี่ฝูยิ้มอย่างชั่วร้าย
อาหารการกินของเมืองหนานหลิงล้วนเป็นอาหารชั้นดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหรือผักก็ล้วนแฝงไปด้วยพลังวิญญาณทั้งนั้น
เมื่อมู่เฉียนซีรับประทานอาหารเสร็จแล้ว นางจึงจะเริ่มเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงช่วยข้าอย่างนั้นหรือ?”
เขากล่าว “พวกเรามอบตำแหน่งนักปรุงยารับเชิญให้เปล่า ๆ แล้วแต่ว่า แม่นางจะต้องการหรือไม่ก็เท่านั้น?”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นข้าขอไม่รับตำแหน่งนี้จะได้หรือไม่?”
“ย่อมได้อยู่แล้ว! เรื่องนี้ข้าก็ไม่คิดบังคับแม่นาง”
“ในเมื่อท่านกล่าวมาเช่นนี้ มันก็คงไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ท่านอธิบายไปก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่นะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไอ้หยา ข้าติดกับดักเข้าให้แล้ว!”
“ท่านช่วยตอบคำถามข้าสักหน่อยเถิด ประการแรก เหตุใดท่านถึงทราบว่าข้าเป็นนักปรุงยา! ประการที่สอง เหตุใดท่านถึงมั่นใจในฝีมือการปรุงยาของข้า?”
ผู้อาวุโสอาภรณ์ขาวกล่าว “เห็นทีคงจะหลอกเจ้าไม่ได้จริง ๆ การโกหกเจ้านี่ไม่ง่ายเลย!”
“อย่างไรเสียข้าก็มาเพื่อช่วยเจ้า ไม่ได้เป็นศัตรูกับเจ้า”
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาวาบไปอยู่เบื้องหลังเขา แล้วจ่อเข็มยาเล่มหนึ่งไว้ที่ต้นคอของเขาอย่างรวดเร็ว
“หากท่านบอกว่าไม่ใช่ ข้าก็เชื่อว่าไม่ใช่! ท่านคิดว่ามันเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ?”
“ท่านรู้ว่าข้าเป็นนักปรุงยาระดับศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นท่านก็น่าจะรู้ว่าพิษของข้าก็เป็นพิษขั้นศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน และมันก็ทำให้ท่านตายได้ ท่านอยากจะลองหรือไม่?”
ผู้อาวุโสอาภรณ์ของกล่าว “อย่าทำเช่นนี้เลย! แท้จริงแล้วคุณชายของเราทราบว่าแม่นางได้ติดตามคนเหล่านี้มายังเมืองหนานหลิง เพราะกลัวว่าสถานะของแม่นางจะถูกเปิดเผย ก็เลยส่งข้ามา กลัวว่าแม่นางจะถูกรังแก”
“ช่วงไม่กี่วันมานี้แม่นางมีการเคลื่อนไหวอยู่มากมาย เมื่อขึ้นไปฝึกฝนยังชั้นเก้าแล้วก็ได้บรรลุระดับขั้น สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งเมือง”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านได้ติดตามข้ามาตั้งแต่ข้าก้าวเข้ามาในเมืองหนานหลิงเลยสินะ! คุณชายที่ท่านเอ่ยถึงคือผู้ใด?”
เขากล่าว “คุณชายของข้า แน่นอนว่าก็ต้องเป็นคุณชายไป๋เจ๋อ!ส่วนเป็นผู้ใดนั้น แม่นางพอจะคาดเดาได้หรือไม่?”