ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1586 ชั่วช้ายิ่งกว่า
ปัง! อู๋ตี้ลอยคว้างออกไปด้วยแรงกระแทกอันแสนรุนแรง
แมวน้อยอู๋ตี้อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก “เจ้าหมูขี้เกียจ เจ้ากล้าทำร้ายข้ารึ รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
ยามนี้เสี่ยวหงกำลังจ้องเขม็งไปยังมู่เฉียนซีด้วยท่าทางขุ่นเคือง มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวหง เมื่อเจ้าได้บรรลุระดับขั้นแล้ว เจ้าก็ปีกกล้าขาแข็งเลยสินะ! ให้ข้าเรียกจิ่วเยี่ยมาพบเจ้าเลยดีไหมล่ะ ให้เขาได้พูดคุยเรื่องชีวิตกับเจ้า!”
ทันใดนั้นเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ทั่วตัวเสี่ยวหง ก็ดับมอดลงในชั่วพริบตา ราวกับมันได้กระโดดลงธารน้ำแข็งไปก็มิปาน แม้ว่ามันจะได้บรรลุระดับขั้นแล้วก็ตาม ทว่าจิ่วเยี่ยก็ยังคงเป็นฝันร้ายของมันไม่เปลี่ยนแปลง!
เมื่อเสี่ยวหงได้สติขึ้นมาแล้ว มันก็รีบเข้าไปกอดแข่งกอดขามู่เฉียนซี พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฮือ ฮือ ฮือ! นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว! นายท่านข้าผิดไปแล้ว ท่านจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านจิ่วเยี่ยไม่ได้เป็นอันขาดเลยนะ!”
“ฮือ ฮือ ฮือ! ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะ…”
แควก!
เบื้องหลังเสี่ยวหงปรากฏร่างสัตว์หน้าขนตัวนุ่มนิ่มทว่าท่าทางน่าเกรงขามตัวหนึ่ง มันง้างกรงเล็บขึ้น แล้วตวัดมาที่เสี่ยวหงในทันที
ปัง! เสี่ยวหงกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าแมวโง่ เจ้ากล้าทำข้ารึ!”
“ทำไมข้าจะไม่กล้าทำหมูจอมเกียจคร้านอย่างเจ้า!”
เสียงของการปะทะดังอึกทึกครึกโครมไปทั่วอีกครั้ง
ภายในป่าหมื่นสัตว์ร้าย สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวก็ได้เข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
ตอนนี้เสี่ยวหงได้กลับมาเป็นปกติแล้ว มู่เฉียนซีจึงไม่ได้กังวลว่าพวกมันจะทะเลาะกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นนางจึงปล่อยให้พวกมันบริหารร่างกายกันต่อไป
ปัง ปัง ปัง!
สุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็กลับมาด้วยสภาพสะบักสะบอมพอสมควร
อู๋ตี้รีบวิ่งเข้ามาฟ้องมู่เฉียนซีด้วยท่าทางน่าสงสารเป็นที่สุด! ส่วนเสี่ยวหงก็นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทางเย็นชา และไม่นึกสนใจอู๋ตี้แม้แต่น้อย!
เสี่ยวหงกล่าว “นายท่าน สถานการณ์ของข้ามันเป็นอะไรที่บังคับควบคุมไม่ได้! เมื่อข้าได้บรรลุระดับขั้นแล้ว มันก็ยิ่งยากที่จะควบคุมยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ข้ากลัว…ข้ากลัว…”
“นายท่าน นายท่านอย่าได้ปลดพันธสัญญาของข้าเลยนะ!”
มู่เฉียนซีจึงยืนมือเข้าไปหยิกมัน แล้วกล่าว “อู๋ตี้! คืนนี้เรามาทำหมูหันกินกันเถอะ!”
อู๋ตี้กล่าวด้วยความตื่นเต้นเต็มประดา “เยี่ยมไปเลยนายท่าน!”
ดังนั้นเสี่ยวหงจึงถูกมัดไว้กับไม้ย่างเตรียมกลายเป็นหมูหัน พลางมองดูมู่เฉียนซีและอู๋ตี้กินหมูย่างตัวอวบอ้วนอีกตัวอยู่ข้าง ๆ!
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้กินมัน ตัวของมันเล็กกระจ้อยร่อยเช่นนั้น จะมีเนื้อหนังให้กินได้อย่างไร!
“ฮือ ฮือ ฮือ! นายท่าน ข้าสำนักผิดแล้ว!”
“เจ้าผิดตรงที่ใด?”
“ข้าผิดทุกตรงเลย!” ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงที่ใด เช่นนั้นเสี่ยวหงจึงยอมรับผิดไปทุกทาง
มู่เฉียนซีจ้องมองและพิจารณามันพลางกล่าว “เจ้าว่าเจ้าดุร้าย แล้วเจ้าสามารถสู้กับวิญญาณพิฆาตได้หรือไม่?”
“เรื่องนั้น…หากเทียบกับวิญญาณพิฆาตแล้ว ข้า…ข้าก็ด้อยกว่าวิญญาณพิฆาตเพียงเศษเสี้ยวเดียวเอง!”
“หากข้าจัดการกับวิญญาณพิฆาตแล้ว เจ้าจะกำเริบเสิบสานได้มากถึงเพียงนั้นหรือไม่?”
เมื่อเสี่ยวหงลองคิดดูแล้ว มันก็จริงอย่างที่ว่า เพียงแต่เมื่อครู่มันได้บรรลุระดับขั้น จึงทำให้มันเลอะเลือนไปชั่วขณะ!
เสี่ยวหงกล่าว “นายท่าน ข้าทราบแล้ว! ข้าไม่ควรดูถูกวิญญาณลิขิตสวรรค์ ตอนนี้นายท่านปล่อยข้าไปได้แล้วกระมัง! ข้าเองก็อยากกินเนื้อย่างเหมือนกันนะ!”
และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาเช่นนั้น นางกล่าว “ไม่ได้! เจ้าย่างต่อไปน่ะดีแล้ว! ท่าทางเย่อหยิ่งของเจ้าเมื่อครู่ข้ายังจำได้ติดตา!”
“ฮือ ฮือ ฮือ! นายท่านอย่าได้คิดแค้นเช่นนั้นสิ!”
ความวุ่นวายในครานี้ก็ได้ผ่านไปในที่สุด เสี่ยวหงก็ได้บรรลุระดับขั้นอย่างที่มันปรารถนาไว้แล้ว ส่วนบรรดาสัตว์วิญญาณที่ดุร้ายเกรี้ยวกราดเหล่านั้น ก็ถูกเสี่ยวหงจัดการจนสงบลงเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อความวุ่นวายได้สงบลงแล้ว รอบ ๆ บริเวณเมืองหมื่นสัตว์ร้ายก็มีตำนานเล่าขานของคนผู้หนึ่งไว้
ตำนานของคนวิปริตคนหนึ่ง!
มู่เฉียนซีได้พักผ่อนอยู่ในหอหมอปีศาจอยู่สองสามวัน จากนั้นนางก็เตรียมตัวที่จะออกไปฝึกฝนต่อ ในขณะนั้นเองรถม้าคันหนึ่งก็ได้เข้ามาจอดเทียบด้านหน้าหอหมอปีศาจ
“ไปแจ้งแม่นางมู่ว่าคุณชายโม่มาขอพบ!”
มู่เฉียนซีได้เห็นโม่ซวนผู้ที่ร่างผอมบางราวกับว่าจะปลิดปลิวไปตามสายลมผู้นั้นแล้วกล่าว “โม่ซวน เจ้าว่าข้าควรเรียกขานเจ้าว่าอย่างไรจึงจะเหมาะสมล่ะ?”
โม่ซวนกล่าว “ตลาดประมูลใต้ดินหนานหลิงที่จัดขึ้นในรอบร้อยปีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ไม่ทราบว่าเฉียนซีสนใจหรือไม่? ข้ามารับเจ้า หากสนใจก็ไปด้วยกันสิ! หากมีธุระอันใด พวกเราก็ค่อยพูดคุยกันระหว่างทางเป็นอย่างไร?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “ตลาดประมูลใต้ดินอย่างนั้นหรือ! ได้สิ! พวกเราไปกันเถอะ!”
ได้พักผ่อนหลังจากรบทัพจับศึกติดต่อกันมานานก็ไม่เลวเช่นกัน อย่างไรเสียทุก ๆ ครั้งที่ได้เข้าร่วมตลาดประมูลใต้ดินทีไร ก็ได้ของล้ำค่ามาไม่น้อย
เมื่อขึ้นไปบนรถม้าแล้ว มู่เฉียนซีและโม่ซวนก็ได้สลับที่นั่งกัน จากนั้นโม่ซวนจึงจะนำหน้ากากเงินขึ้นมาสวมใส่
เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ได้ผลัดเปลี่ยนเป็นชุดที่ดูสวยหรูและสง่างาม บริเวณสะเอวก็ห้อยพู่หยกงดงามประณีตไว้ชิ้นหนึ่ง
บนพู่หยกได้แกะสลักอักษรไว้สองตัว “ไป๋เจ๋อ!”
ราวกับว่าในหัวของมู่เฉียนซีจะมีบางสิ่งบางอย่างวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่านางคุ้นเคยกับตัวอักษรสองตัวนั้นเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเคยพบเห็นจากที่ใดมาก่อน
จากนั้นพวกเขาก็ได้เปลี่ยนมานั่งบนสัตวศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด!
ขณะที่นั่งอยู่บนสัตวศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา โม่ซวนก็กล่าว “ตอนนี้ เฉียนซีสามารถเรียกข้าว่าไป๋เจ๋อได้!”
“ราชวงศ์ตงหวง พื้นที่แถบตะวันออกเฉียงใต้ล้วนเป็นอาณาเขตของไป๋เจ๋อ ถึงแม้จะไม่อาจปิดท้องนภาได้ด้วยมือข้างเดียว ทว่าก็ยังนับว่ามีความสามารถ! ดังนั้นเฉียนซี ข้าจะพยายามทำให้หอหมอปีศาจรุ่งเรืองไปให้ได้ไกลและเร็วที่สุด”
มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วความเป็นมาของเจ้าล่ะ? ไป๋เจ๋อ?”
“ความเป็นมาของข้า ข้าไม่อาจบอกกับเจ้าได้! ทิศเหนือใต้ออกตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าล้วนมีศัตรูด้วยทั้งหมด เมื่อต้องพัฒนาไปในทิศทางต่าง ๆ แล้ว ถึงยามนั้นก็ค่อยมาดูกันว่าผู้ใดจะสามารถพัฒนาไปได้ไกลและมั่นคงที่สุด”
“หากเราสองสามารถร่วมมือกันพัฒนา กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด บางทีท่านพ่อบุญธรรมอาจจะเห็นความสามารถของเจ้า เชื่อในตัวเจ้า ถึงยามนั้นเจ้าก็จะรู้เอง”
“ไม่ใช่ว่าข้าเมื่อเชื่อใจเจ้า เพียงแต่เรื่องที่เรากำลังจะทำไม่อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้! มิฉะนั้นมันก็จะกลายเป็นความหายนะไปในที่สุด”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเข้าใจในวิธีของเจ้า! คุณชายไป๋เจ๋อเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ เห็นทีคนอื่น ๆ ก็คงจะไม่ธรรมดา”
โม่ซวนหัวเราะแล้วกล่าว “ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นในบรรดาพวกเขาแปดคน ข้าจึงมีตัวตนเป็นคนสุดท้าย! และเพราะเหตุนั้น ท่านพ่อบุญธรรมก็คงไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม จึงให้เจ้ามาร่วมมือกับข้า”
“ตอนนี้เจ้าสามารถรักษาชีวิตไว้ได้แล้ว นั่นก็เท่ากับชนะแล้ว! ไหนจะหอหมอปีศาจอีก นี่เจ้ายังไม่มั่นใจอีกหรือ?”
“พวกเขาแต่ละคนล้วนชั่วร้าย!”
“เช่นนั้น ก็แค่ชั่วร้ายกว่าพวกเขาก็สิ้นเรื่อง!”
โม่ซวนหัวเราะแล้วกล่าว “ข้าลืมไปเสียสนิทว่าข้ามีหุ้นส่วนจอมโฉดยิ่งกว่าอยู่ด้วย!”
แน่นอนว่าต้องมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว!
พวกเขาแข่งขันแย่งชิงมาตั้งแต่วัยเยาว์จนเติบใหญ่ ไม่มีใครยอมใคร
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาระดับเจ็ดบินด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ไม่นานนักพวกเขาก็ได้มาถึงตลาดประมูลใต้ดินของเมืองเมืองหนึ่ง
เมืองจื่อเฟิง!
การใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาระดับเจ็ดเป็นพาหนะนำทาง ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าคนผู้นั้นมีศักดิ์สถานะที่ไม่ธรรมดา พวกเขาจึงสามารถเข้าไปในเมืองได้อย่างง่ายดาย!
เพียงแต่เมื่อเข้าไปในเมืองแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้พบเจอกับคนที่คุ้นเคยโดยบังเอิญอีกครา
“เจ้า! เจ้ายังกล้ามาปรากฎตัวต่อหน้าข้าอีกนะ”
“ท่านพ่อ นางคนนี้อย่างไรล่ะเจ้าคะ! นางผู้หญิงชั่วช้าคนนั้น ท่านจะต้องล้างแค้นให้ข้านะเจ้าคะ!”
เมื่อสวี่ฝูได้เห็นมู่เฉียนซี นางก็โกรธแค้นราวกับมู่เฉียนซีได้ไปฆ่าบิดาของนางตายก็มิปาน
แน่นอนว่าเจ้าสำนักสวี่จะต้องไม่ชอบใจผู้ที่มารังแกบุตรสาวของตนเองอย่างแน่นอน ทว่าเมื่อเขาได้เห็นบุรุษหน้ากากเงิน ท่าทางสง่างามและสูงส่งที่ยืนอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีแล้ว เขาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาโดยพลัน
หากผู้ใดที่มีศักดิ์สถานะในอาณาเขตหนานหลิงสักหน่อย ก็ล้วนทราบถึงศักดิ์สถานะของคนผู้นี้ทั้งนั้น
หน้ากาก พู่หยก!
คุณชายไป๋เจ๋อ!
เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่อาจยั่วยุได้ในอาณาเขตหนานหลิง ไม่มีผู้ใดทราบประวัติความเป็นมาของเขา ทว่าเขากลับมีพลังที่สำนักของกองกำลังระดับสี่ในอาณาเขตหนานหลิงล้วนอยากครอบครอง! ถึงแม้เขาจะไม่เข้ามางัดข้อกับเจ้าโดยตรง ทว่าเมื่อใดที่เขาลอบจัดการเจ้าแล้ว จุดจบของเจ้าจะเป็นเช่นไร ก็ไม่อาจจินตนาการได้แม้แต่น้อย
.
.
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง