ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1590 มาล้างแค้น
เมื่อจัดการจนที่นี่ราบเป็นหน้ากลองแล้ว มู่เฉียนซีและเหลิ่งหนิงจือก็ได้ออกจากที่นี่ไปด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
และหลังจากที่พวกเขาสังหารคนของสำนักหลินเยว่แล้ว ทางสำนักหลินเยว่ก็ได้ส่งคนมาทำการตรวจสอบ
พวกนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผู้ใดกัน? ผู้ใดที่ทำเรื่องแบบนี้?”
“คนหนึ่งเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็ง อีกคนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคี คนผู้นี้ไม่เพียงแต่ทรงพลัง! อีกทั้งยังเป็นนักฆ่ามือฉกาจอีกด้วย! พวกศิษย์น้องยังไม่ทันจะตั้งตัวได้ก็ถูกลอบสังหารไปหมดสิ้นแล้ว!”
“ตามหาตัวมาให้ข้า! หากพบคนที่มีความสามารถละม้ายคล้ายคลึง ก็อย่าได้ปล่อยไปเป็นอันขาด!”
“เจ้าค่ะ!”
“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?” โม่ซวนเอ่ยถาม
เมื่อมู่เฉียนซีจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่านางก็ต้องไปพบโม่ซวนก่อน
มู่เฉียนซีกล่าว “โม่ซวน หลังจากนี้เหลิ่งหนิงจือก็จะทำงานกับเจ้า ข้ากำลังกังวลเรื่องขาดผู้ช่วยอยู่พอดี ตอนนี้ก็มีมาให้ข้าถึงที่แล้ว เรื่องราวหลังจากนี้ของเสี่ยวเหลิ่งก็ขอมอบให้เจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”
“เจ้าเองก็คอยติดตามข้ามานาน ความฉลาดหลักแหลมย่อมมีอยู่บ้างอย่างแน่นอน! เจ้าจะต้องทำได้ดี ข้ามั่นใจ!”
เหลิ่งหนิงจือมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก นางกล่าว “นายท่าน ข้าว่า…ข้าว่าท่านหาคนที่มีประสบการณ์มาจะดีกว่านะเจ้าคะ?”
ครั้นหวนนึกถึงเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ มากมายของนายท่านที่อีกไม่ช้าต้องประเดประดังเข้ามาหาตนเอง ภายในใจของเหลิ่งหนิงจือก็รู้สึกอยากปฏิเสธออกไปเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้! ผู้ใดให้เจ้าโผล่มาก่อนผู้อื่นกัน ตอนนี้ข้าไม่มีผู้ใดมาเป็นผู้ช่วยได้เลยสักคน หากไม่ยกหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใดได้?”
เหลิ่งหนิงจือรู้สึกว่าการที่ตนมายังแดนซวนเทียนท่ามกลางสายตาของผู้ที่ไม่พอใจในตัวนาง นางจะต้องถูกคนเหล่านั้นสาปแช่งอย่าแน่นอน มิฉะนั้นนางจะตกมาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร
เมื่อมู่เฉียนซีก็ได้ฝากฝังเหลิ่งหนิงจือไว้กับโม่ซวน จากนั้นนางจึงจะได้รับข่าวคราวที่ทางสำนักฉางฮวนกำลังจะบุกมาทำลายสำนักลั่วเยว่
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “พวกเขาหาสำนักลั่วเยว่เจอแล้ว ข้าจะต้องกลับไปที่สำนักลั่วเยว่ก่อน!”
“นายท่าน! ให้ข้าไปกับท่านด้วยดีหรือไม่! เดิมทีหน้าที่ของข้าก็คืออารักษ์ขาความปลอดภัยให้ท่าน ไม่ได้มีหน้าที่ทำอย่างอื่น”
“เรื่องอารักษ์ความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของชิงอิ่งเพียงคนเดียวก็พอแล้ว ที่นี่ต้องการเจ้ามากกว่าข้า ทำหน้าที่ของเจ้าไปให้ดีก็พอแล้ว”
ทันใดนั้นชิงอิ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เขาใช้ดวงที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ คู่นั้นจ้องเขม็งมายังเหลิ่งหนิงจือ ทำให้นางขนลุกซู่ในทันที
นางกล้ารับรองว่าหากนางแย่งหน้าที่อารักษ์ขาความปลอดภัยของนายท่านจากชิงอิ่งมาละก็ นางจะต้องถูกชิงอิ่งหักคออย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีรีบรุดไปยังสำนักลั่วเยว่ด้วยความเร็วเต็มกำลัง สำนักฉางฮวนไม่ได้โจมตีสำนักลั่วเยว่โดยไม่ผ่านการเจรจา อย่างที่สำนักวารีเมฆาทำแต่อย่างใด
อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นสำนักในกองกำลังระดับสี่ เกียรติและศักดิ์ศรีเป็นสิ่งสำคัญ!
นับว่าพวกเขายังมีความเกรงใจกันอยู่บ้าง เขากล่าวกับคนของสำนักลั่วเยว่ “ส่งตัวสาวน้อยนามว่ามู่เฉียนซีมาให้พวกเรา นางฆ่าบุตรสาวของข้า เรื่องนี้ไม่มีทางจบเป็นแน่!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “สำนักของท่านเป็นสำนักในกองกำลังระดับสี่ บุตรสาวของท่านอย่างไรเสียก็เป็นผู้มากความสามารถ และคงจะมีพลังระดับขั้นปราชญ์แห่งภูต มู่เฉียนซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามเท่านั้น แล้วนางจะไปฆ่าบุตรสาวของท่านได้อย่างไร?”
แท้จริงแล้วผู้อาวุโสสูงสุดเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามู่เฉียนซีสามารถทำได้ เพียงแต่ในเวลานี้เขาไม่อาจยอมรับได้!
สีหน้าของเจ้าสำนักจีแห่งสำนักฉางฮวนก็ดูบูดบึ้งยิ่งขึ้นไปอีก บุตรสาวของเขาไม่ได้มีพรสวรรค์เช่นนั้น!
“อย่าได้กล่าวเรื่องไร้สาระอีกเลย ส่งตัวนางมา!”
“ตอนนี้มู่เฉียนซีออกไปฝึกฝนนอกสำนัก ไม่ได้อยู่ในสำนัก!” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
“ไม่อยู่ แต่พวกเจ้าก็ต้องจับตัวนางมาให้ข้า! หากไม่ส่งมู่เฉียนซีมาเสียดี ๆ สำนักฉางฮวนของข้าจะทำให้สำนักลั่วเยว่ของเจ้าไม่มีวันได้สงบสุขอีกต่อไป เป็นเพียงสำนักในกองกำลังระดับสาม กล้าขัดคำสั่งข้าอย่างนั้นรึ!”
สีหน้าผู้อาวุโสแต่ละคนดูเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าว “มู่เฉียนซีเป็นศิษย์ที่ท่านเจ้าสำนักเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตนเอง การที่จะให้เราจับตัวนาง เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!”
“ข้าไม่สนหรอกว่านางจะเป็นศิษย์คนโปรดหรืออย่างไร หากพวกเจ้าไม่ส่งตัวสัตว์ร้ายที่สังหารบุตรสาวข้ามาเสียดี ๆ ข้าจะทำลายสำนักลั่วเยว่ของพวกเจ้าโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น!” เจ้าสำนักจีบีบบังคับพวกเขาทุกวิถีทาง
จีหว่านเหนียงกล่าว “ท่านพ่อ หากจะทำลายที่นี่ก็คงจะเปลืองแรงเสียเปล่า ๆ! จับคนที่สนิทสนมกับมู่เฉียนซีมาสักคนสองคน ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่ปรากฎตัวออกมา! ได้ยินมาว่านางสนิทกับศิษย์พี่ของนางมากที่สุดเจ้าค่ะ!”
เจ้าสำนักจีกล่าว “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมส่งตัวมู่เฉียนซีมา เช่นนั้นก็ส่งตัวศิษย์พี่ของมู่เฉียนซีมาเดี๋ยวนี้”
“ฉู่หลีกำลังปลีกวิเวกฝึกฝนอยู่ เกรงว่าจะไม่อาจมาพบเจ้าสำนักจีได้!”
เจ้าสำนักจีรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง “ข้าให้เกียรติพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าก็ยังดึงดันอยู่ใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษพวกข้าว่าไร้ความเมตตาก็แล้วกัน”
ปัง!
ความน่าเกรงขามของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตได้ระเบิดออกมา ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งหลายซีดเผือดไปภายในชั่วพริบตา
พรวด!
พวกเขากระอักเลือดออกมาในทันที!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ในขณะนั้นเองก็มีสุ้มเสียงของสิ่งของบางอย่างที่แหวกผ่ากลางอากาศมาอย่างรวดเร็วแว่วดังขึ้น จากนั้นก็มีเข็มอาบยาพิษจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งปรี่เข้าสังหารบรรดาคนของสำนักฉางยวน ราวกับเทพธิดาโปรยบุปผา
“สุนัขชั่วตัวใดกันที่กล้ามาทำเรื่องป่าเถื่อนกับสำนักลั่วเยว่ของข้าเช่นนี้!” ร่างสีม่วงของมู่เฉียนซีปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขาในที่สุด
สีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายแปรเปลี่ยนไปในทันที พวกเขารู้สึกร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดสาวน้อยผู้นี้จึงได้มาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้!
จีหว่านเหนียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มู่เฉียนซี ในที่สุดเจ้าก็ออกมาจนได้! ข้าคิดว่าเจ้าจะหดหัวอยู่ในกระดองไปตลอดเสียแล้ว!”
เจ้าสำนักจีสังเกตดูมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “เจ้าเองน่ะหรือมู่เฉียนซี เจ้าฆ่าบุตรสาวของข้า”
“ข้าฆ่าจีซานเหนียง เจ้ามีหลักฐานอะไรหรือไม่?”
“เด็กน้อยตระกูลสวี่ได้บอกกับข้าแล้ว เจ้าอย่าได้คิดเล่นลิ้นอีกเลย!”
“แล้วเจ้าได้ถามหรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงต้องลงมือตอบโต้นาง” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
เจ้าสำนักจีกล่าว “ถึงแม้บุตรสาวข้าจะลงมือก่อน แต่เจ้าก็ฆ่านาง นับว่าเป็นความผิดของเจ้า”
“ข้าไม่ได้ทำให้นางตายเสียหน่อย! นางแก่ตายไปเอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”
“เป็นเพราะยาพิษของเจ้า เจ้าวางยาพิษน้องสาม!” จีหว่านเหนียงระเบิดโทสะออกมา
ยามที่นางได้เห็นน้องสาวของตนเองกลายสภาพเป็นหญิงชรา นางก็แทบจะเสียสติไปประเดี๋ยวนั้น เจ้าเด็กชั่วนั่นกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
นางกล้าทำได้อย่างไร?
จีหว่านเหนียงไม่พูดพร่ำทำเพลง นางรีบพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีในทันที ในขณะนั้นเองร่างสีเขียวก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
ปัง!
จีหว่านเหนียงถูกโจมตีจนลอยคว้างออกไปไกล!
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน?” เจ้าสำนักจีพุ่งตัวออกไปโจมตีชิงอิ่งอย่างรวดเร็ว!
ในขณะที่เจ้าสำนักจีและชิงอิ่งกำลังเข้าห้ำหั่นกันอยู่นั้น ผู้อาวุโสสำนักฉางฮวนและจีหว่านเหนียงก็ได้พุ่งปรี่เข้าหามู่เฉียนซีอย่างไม่ลังเล
“อู๋ตี๋ เสี่ยวหง โจมตี!”
ร่างสีขาวและสีแดงต่างพุ่งตัวออกไปในทันที ทำให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นต้องรับศึกหนักกันเลยทีเดียว!
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด!”
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “พวกเราเองก็เข้าไปสู้ด้วยกันเถอะ!”
“สำนักของกองกำลังระดับสี่จะอวดดีเกินไปแล้ว! คิดว่าพวกเรากลัวพวกเขาหรืออย่างไร?”
โครม!
พวกเขาได้ก่อสงครามอันแสนดุเดือดขึ้นอีกครา จีหว่านเหนียงและมู่เฉียนซีต่างก็มีความสามารถในการใช้พลังการเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา
นางเพียงคนเดียวไม่อาจรับมือกับมู่เฉียนซีได้ จากนั้นก็มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อีกจำนวนหนึ่งที่เข้ามารายล้อมมู่เฉียนซีไว้
มู่เฉียนซีหลบหลีกด้วยความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ศัตรูมากเกินไปไม่อาจรับมือได้โดยง่าย!
เปรี้ยง! ในขณะนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดลงมาจากกลางท้องนภา
เปรี้ยง! มังกรเงินตัวนั้นได้ฟาดสายฟ้าไปยังยอดเขาของสำนัก!
กลางยอดเขาของสำนัก มีพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมา
มีผู้บรรลุระดับขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
บรรดาคนของสำนักฉางฮวนต่างรู้สึกงุนงงเป็นอย่างยิ่ง “มีคนของสำนักกองกำลังระดับสามบรรลุระดับขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ด้วยรึ! หรือจะเป็นเจ้าสำนักลั่วเยว่!”
มู่เฉียนซีนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “นั่นไม่ใช่สถานที่ปลีกวิเวกของเจ้าสำนัก แต่เป็นของศิษย์พี่!”
เปรี้ยง เปรี้ยง!
ความน่าเกรงขามของอันตรายโอบล้อมไปทั่วสารทิศ มู่เฉียนซีทอดมองไปยังสายฟ้าสีเงินที่ทำลายได้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ซึ่งได้ฟาดลงมาอีกครั้ง ภายในแววตาของนางมีประกายวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
.