ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1593 คู่หรรษาอาจารย์และศิษย์
“ข้ารู้ว่านางไม่ใช่มู่หลินหลาง แต่นางหน้าตาเหมือนมู่หลินหลางขนาดนั้น มันทำให้ข้าหงุดหงิด!” เจ้าสำนักฉู่กล่าว
ฉู่หลีทอดมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ศิษย์น้อง! ต่อจากนี้ไปเจ้าก็ยังเป็นศิษย์น้องของข้า แต่ไม่ต้องรับคนผู้นี้เป็นอาจารย์แล้ว”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังเจ้าสำนักฉู่แล้วกล่าว “ท่านเจ้าสำนักฉู่ ข้าไม่ใช่มู่หลินหลาง! ในที่สุดท่านก็ปรากฏตัวแล้ว ข้ามีเรื่องที่อยากจะถามท่านสักหน่อย เกี่ยวกับเรื่องของมู่เฟิงอวิ๋น”
เจ้าสำนักฉู่ตกตะลึงไปเล็กน้อย เขาจ้องเขม็งไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ข้าไม่รู้จักคนที่เจ้าเอ่ยถึง”
“ท่านโกหก!” ทันทีที่เจ้าสำนักฉู่พูดปด เขาก็ถูกศิษย์เพียงผู้เดียวของเขาเปิดโปงในทันที!
เมื่อได้คบค้ากันมาเป็นเวลานาน ฉู่หลีจึงรู้จักอาจารย์ของเขาผู้นี้เป็นอย่างดี
“ฉู่หลี เจ้าหัดเข้าข้างคนนอกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด!” เจ้าสำนักฉู่รู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา “ศิษย์น้องไม่ใช่คนนอก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ใช่ศัตรูของเขา และแน่นอนว่าข้าไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเขาอย่างแน่นอน ข้าเพียงแค่ต้องการทราบว่าตอนนี้เขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างก็เท่านั้น?”
เจ้าสำนักฉู่สังเกตดูมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้าคือมู่เฉียนซี!”
เจ้าสำนักฉู่ตกตะลึงไปเล็กน้อย “ในตอนนั้นฮูหยินของเฟิงอวิ๋นตั้งท้อง หรือว่าลูกของเขาคือ เจ้า…”
“ไม่ใช่ ลูกคนแรกเป็นลูกชาย!” มู่เฉียนซีกล่าว
“จะ…เจ้ารู้ได้อย่างไร!”
“ข้าว่าท่านเจ้าสำนักฉู่ก็น่าจะคาดเดาได้แล้ว หากท่านเชื่อในคำของศิษย์พี่ ก็เชิญท่านบอกข้ามาเถอะ”
ตอนนี้เจ้าสำนักฉู่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “เฟิงอวิ๋นมีลูกสาวหรือนี่ อา อา อา อา! แถมยังเป็นลูกสาวที่หน้าตางดงามเช่นนี้อีกด้วย เหตุใดข้าถึงมีลูกศิษย์ที่หน้าตาดีแต่ขี้กังวลเช่นนี้นะ”
มุมปากบางของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย เมื่อครู่ยังบอกว่าเห็นหน้าข้าแล้วหงุดหงิดอยู่เลย!
แน่นอนว่าเจ้าสำนักฉู่จะต้องเชื่อลูกศิษย์ของตนเองอย่างแน่นอน นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกศิษย์ของเขาใกล้ชิดกับคนผู้หนึ่งมากเช่นนี้
“แท้จริงแล้วข้าก็ได้ตามหาตัวเขามาโดยตลอด เพียงแต่เขาได้มาพบข้าเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน และเพราะไม่อยากทำให้ข้าต้องเดือดร้อนไปด้วย เขาก็เลยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเขามาจากที่ใด ในตัวของเขามีกลิ่นอายความบ้าบิ่นอย่างรุนแรง ทำให้ข้ารู้สึกตกใจไม่น้อย”
“ราวกับว่าเขาต้องการไปจัดการเรื่อง ๆ หนึ่งโดยไม่สนใจสิ่งใด นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเขาไร้สติเช่นนั้น ถึงแม้ในครานั้นฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี เขาก็ไม่ได้มีท่าทีเช่นนี้แต่อย่างใด! เฟิงอวิ๋นเป็นบุรุษที่น่ากลัวที่สุด และมากความสามารถที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา ข้าไม่รู้เลยว่าสิ่งใดที่บีบบังคับให้เขาต้องไปอยู่ในจุด ๆ นั้น และมันเกิดอะไรขึ้นกับเขา”
แววตาของมู่เฉียนซีมืดครื้มขึ้นมาในบัดดล นางเข้าใจดี!
มันเป็นเพราะมารดาและตัวนางเอง!
เมื่อได้ยินเจ้าสำนักฉู่กล่าวมาเช่นนั้น มู่เฉียนซีก็รู้สึกปวดใจแทนบิดาเป็นอย่างยิ่ง
เขาเพียงคนเดียวกลับต้องแบกรับสิ่งต่าง ๆ มากมายไว้กับตัว นางอยากไปหาเขาใจแทบขาด ต้องรีบหาตัวเขาให้เร็วที่สุด แล้วช่วยเขาแบ่งเบาภาระ
ฉู่หลีสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของมู่เฉียนซี เขากล่าว “ศิษย์น้อง คนที่แม้กระทั่งอาจารย์ยังชื่นชม จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากแน่ ๆ! ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “ไม่มีเบาะแสอย่างอื่นเลยหรือเจ้าคะ?”
“เฟิงอวิ๋นต้องซ่อนตัว ในแดนซวนเทียน แม้กระทั่งราชวงศ์ตงหวงล้วนหาตัวเขาไม่เจอ ข้าเองก็จนปัญญา” เจ้าสำนักฉู่จนปัญญาจริง ๆ
“สาวน้อย หลายปีมานี้เจ้าเองก็ลำบากเช่นกัน!”
เด็กน้อยผู้นี้ก็คงจะมีอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น นั่นเป็นเวลาที่เฟิงอวิ๋นได้หายตัวไป ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้นางเติบโตมาด้วยความยากลำบากอย่างไรบ้าง
“หลังจากนี้อาจารย์จะดูแลเจ้าให้ดีเอง!”
ฉู่หลีกล่าว “ไม่จำเป็น! เป็นศิษย์น้อง เป็นอาจารย์ ฝันไปเสียเถอะ!”
“เจ้าเรียกนางว่าศิษย์น้องแล้ว เช่นนั้นข้าก็เป็นอาจารย์แล้วไม่ใช่หรือ?”
“ข้ารับนางแทนท่าน ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้!”
“ศิษย์น้อง ไปทำแผลก่อน! ไม่ต้องไปสนเขาหรอก!”
เจ้าสำนักฉู่ถูกลูกศิษย์ของตนเองทอดทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย เขาเบิกตาโพลงแล้วกล่าว “ข้าต้องการลูกศิษย์คนนี้!”
“ลูกสาวของมู่เฟิงอวิ๋นจอมวิปริตก็จะต้องวิปริตด้วยเช่นกัน หากข้ามีศิษย์แบบนาง ก็นับว่าเป็นกำไรอันมหาศาลของข้า”
ผลปรากฎว่าเขากลับถูกลูกศิษย์ของตนเองขัดขวางไว้เสียก่อน
“ข้าก็เพียงแค่รับศิษย์มาเพิ่มหนึ่งคน ฉู่หลีเจ้าจะหึงอะไรหนักหนา?”
“ท่านคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?” ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉู่หลี เจ้าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้านะ! การเคารพในอาจารย์ เจ้าเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่?”
“ข้าก็เป็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ!”
ครานี้เจ้าสำนักฉู่ก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เคยมีศิษย์ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งมายืนอยู่หน้าเขา และเพราะเขาเอาแต่ใจมากเกินไป เพราะเขามีศิษย์เอกที่ไร้เหตุผล จึงทำให้ต้องเสียบางอย่างไป…
หากสวรรค์ยังมอบโอกาสให้เขาอีกสักครา เขาจะไม่มีทางรนหาที่ตายอีกเป็นแน่!
เจ้าสำนักฉู่ร้องไห้ออกมาในทันที “ฮือ ฮือ ฮือ! นึกถึงครั้งที่ข้าเก็บเจ้ากลับมาจากดินแดนน้ำแข็ง…”
“คราก่อนท่านกล่าวว่าเก็บข้ามาจากฝูงหมาป่า…”
“แล้วก็ครั้งก่อนหน้าโน้นก็เป็นภูเขาเตาซาน”
“แล้วไหนจะหายนะนั่นอีก…”
ครานี้เจ้าสำนักฉู่ก็ร้องไห้ไม่ออกแล้ว
“หึ หึ!” มู่เฉียนซีที่กลั้นไว้ไม่อยู่ก็หัวเราะออกมา
นางคิดว่านี่เป็นคู่อาจารย์และศิษย์ที่มีวิธีสนทนากันได้สนุกที่สุดเท่าที่นางเคยพบเห็นมาเลย ตรงไปตรงมาเป็นที่สุด
เจ้าสำนักฉู่หน้าแดงเป็นอย่างยิ่ง เขาหันไปมองมู่เฉียนซีพลางกล่าวโทษ “ฮือ ฮือ ฮือ! เหตุใดข้าถึงได้อบรมลูกศิษย์แบบนี้ออกมาได้! นี่ข้าเลี้ยงดูลูกศิษย์ตัวปลอมอยู่หรืออย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”
“เช่นนั้นเจ้าก็จงเห็นใจคนแก่ชราอย่างข้าเถอะ ให้ข้าได้มีลูกศิษย์ดี ๆ เพิ่มอีกสักคนเถอะนะ! สาวน้อยมู่” เจ้าสำนักฉู่เริ่มปฏิบัติการแสร้งทำตัวน่าสงสารแล้ว!
ฉู่หลีกล่าวปฏิเสธ “เจอศิษย์น้องครั้งแรกก็ดุใส่ขนาดนั้น ท่านยังคิดจะเป็นอาจารย์ของนางอีกหรือ! ห้ามท่านทำให้ศิษย์น้องตกใจอีก”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าสำนักฉู่เห็นว่าลูกศิษย์ของเขาออกตัวปกป้องผู้อื่นมากมายขนาดนี้ และคนที่ลูกศิษย์ตัวดีปกป้องก็ไม่ใช่เขาแต่เป็นศิษย์น้อง!
เจ้าสำนักฉู่รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง!
ผลปรากฏว่าฉู่หลีก็ได้ตอกย้ำซ้ำเติมต่อไปไม่หยุดหย่อน “ในเมื่อท่านไม่ทราบที่อยู่ของคนที่ศิษย์น้องตามหา เช่นนั้นท่านก็จงปลีกวิเวกบำเพ็ญตนต่อไปเถอะ! ท่านไม่มีประโยชน์อันใดที่นี่แล้ว”
“เจ้า…เจ้า…”
เจ้าสำนักฉู่จ้องเขม็งไปยังฉู่หลีด้วยดวงตาที่เบิกโพลง
พรวด! เจ้าสำนักฉู่กระอักเลือดออกมาในทันที ลูกศิษย์ตัวดีของเขายั่วโทสะจนเขากระอักเลือดออกมา
มู่เฉียนซีรีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วกล่าว “ท่านเจ้าสำนักฉู่ อาการของท่านยังไม่สู้ดีนัก ท่านควรหยุดบำเพ็ญตน แล้วออกมารักษาอาการจะดีกว่า มิฉะนั้นมันจะไม่ดีต่อร่างกายของท่านนะ!”
แน่นอนว่าเจ้าสำนักฉู่ไม่ได้กระอักเลือดออกมาเพราะถูกลูกศิษย์ของตนยั่วยุเข้า หากเขาต้องกระอักเลือดเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นตั้งแต่เก็บฉู่หลีมาได้ เขาคงกระอักเลือดจนตัวตายไปนานแล้ว
ฟึ่บ! มู่เฉียนซีนำเข็มยาออกมา แล้วปักไปบนร่างกายของเจ้าสำนักฉู่
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่! รีบเข้ามาพยุงท่านอาจารย์เร็วเข้า ข้าจะรักษาเขาเอง!”
“อาจารย์! เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์แล้ว ฉู่หลี เจ้าได้ยินหรือไม่?”
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าขยับซี้ซั้ว! หากเข็มยาของศิษย์น้องหัก ท่านจะชดใช้หรือไม่?”
เจ้าสำนักฉู่ที่กำลังตื่นเต้น ก็ถูกวาจาของฉู่หลีอันเปรียบดั่งน้ำเย็นสาดเข้าใส่เต็มเปา เขาจ้องเขม็งไปยังฉู่หลีด้วยแววตาขุ่นเคือง และยังคงจ้องเขม็งเช่นนั้นต่อไป…
อาการของเจ้าสำนักฉู่หนักไม่เบา มิฉะนั้นเขาคงไม่เร้นกายบำเพ็ญตนนานหลายปีแล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นเช่นนั้นอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีใช้เข็มยาผนึกจุดสำคัญต่าง ๆ บนร่างกายของเขาไว้ จากนั้นก็ให้ยาปรับสมดุลร่างกายเข้าไป แล้วให้เขากลืนยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ไปจำนวนหนึ่ง
“รสยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ไม่เลวเลย!” เมื่อได้กินยาลูกกลอนเข้าไปแล้ว เจ้าสำนักฉู่จึงจะรู้สึกดีขึ้นมาทีละน้อย
“เพียงแต่ อยู่ ๆ เจ้าก็เอายาลูกกลอนมาให้ข้ากินมากมายเช่นนี้ เจ้าคงไม่ได้ไปปล้นยามาจากนักปรุงยาระดับศักดิ์สิทธิ์มาหรอกนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ได้ขโมยยาลูกกลอนเหล่านี้มาหรอกเจ้าค่ะ!”
“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงได้เจ็บหนักถึงเพียงนี้”
ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ความสามารถไม่ถึงก็ยังจะไปลอบสังหาร ความสามารถในการลอบสังหารก็อ่อนแออย่างกับอะไรดี ท่านจึงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้”