ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1598 โชคดีเป็นที่สุด
ถึงแม้มู่เฉียนซีจะออกเดินทางช้าไปสักหน่อย ทว่านางก็ถึงจุดหมายปลายทางค่อนข้างเร็ว เมื่อไปถึงจุดหมายแล้วนางก็ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง
ไม่นานนักก็ได้เวลาแล้ว หมอกหนาที่เข้าปกคลุมทะเลสาบได้จางหายไปจนหมดสิ้น
เมื่อได้เห็นจำนวนคนแล้ว ก็รู้เลยว่าคนที่ถูกคัดออกนั้นมีจำนวนมากเพียงใด
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าว “ผลลัพธ์นี้ดีกว่าที่คาดไว้มาก ต่อไปพวกเจ้าก็ไปพักผ่อนได้แล้ว!การแข่งขันครั้งต่อไปจะเริ่มขึ้นในอีกสามวันให้หลัง”
“โอ้! พวกเจ้าจะใช้วิธีใดก็ได้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเข้าร่วมการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ได้ เงื่อนไขก็คือห้ามไม่ให้ผู้อาวุโสเป็นฝ่ายลงมือ ห้ามทำลายข้าวของในเมืองหนานเจ๋อของเรา ข้าวของของเมืองหนานเจ๋อเรามีราคาแพงมาก พวกเจ้าคงไม่อาจชดใช้ได้!”
“เอาล่ะ! แยกย้ายได้!”
สงครามผู้มากความสามารถในครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย ถึงแม้ภายในเวลาสามวันนี้จะไม่ได้อยู่ในการแข่งขัน ทว่าก็ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าก็เป็นการทดสอบความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี!
เมื่อเทียบกับการแข่งขันแบบตายตัวในแต่ละครั้ง มันก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่าเป็นเท่าทวี
มู่เฉียนซีกล่าว “ศิษย์พี่! พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
“สาวน้อย รอสักประเดี๋ยว…”
ครานี้มีผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งไล่ตามมา
มู่เฉียนซีจึงเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าผู้อาสุโสมีธุระอันใดหรือไม่?”
“สาวน้อย เจ้าซื้อไก่ย่างมาจากที่ใด มันอร่อยมากจริง ๆ! น่าเสียดายพวกเรามีกันหลายคน เลยไม่พอที่จะแบ่งปันกันกิน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อได้ยินพวกท่านกล่าวมาแบบนี้ ข้าก็รู้สึกหิวเช่นกัน! ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ใด แต่พวกท่านสามารถเดินไปกับข้าได้ ข้าพอจะจำทางได้”
“ได้สิ!”
พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็รีบเดินตามมู่เฉียนซีไปในทันที ร้านอาหารเก่าแก่ร้อยปีร้านนี้ก็มีลูกค้าเข้ามาเยือนเต็มร้านในเวลาเพียงชั่วพริบตา รสชาติอาหารล้ำเลิศไม่เบา!
หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าว “สาวน้อย หากไม่ได้เจอพวกเจ้า พวกข้าก็คงไม่รู้ว่าอาณาเขตหนานหลิงของเรามีคนวิปริตเยี่ยงเจ้าด้วย”
“พวกเราชื่นชมเจ้ามาก ๆ เลยนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสทุกท่านมีดวงตาที่เฉียบแหลมเป็นอย่างยิ่ง ข้าและศิษย์พี่ขอจองที่หนึ่งและที่สองไว้ก็แล้วกันนะเจ้าคะ”
“สาวน้อยช่างเชื่อมั่นในตัวเองเสียจริง แต่เจ้าก็อย่าได้ดูแคลนศัตรูไป!”
“ไม่นานมานี้อาณาเขตหนานหลิงมีผู้มากความสามารถอยู่หลายคน ฝีมือก็ไม่เลวเลยทีเดียว! เพียงแต่เมื่อมาอยู่ในการแข่งขันแล้ว พวกเขาก็จะไม่ทำตัวโดดเด่นให้เป็นที่จับตามอง พวกเจ้าจงระวังกันไว้ให้ดี”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “อื้ม!”
จากนั้นในระยะเวลาสามวัน ทั่วทั้งเมืองหนานเจ๋อก็ชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
แผนการและกลอุบายต่าง ๆ ล้วนถูกนำออกมาใช้!
การต่อสู้กันซึ่ง ๆ หน้า และการซุ่มโจมตีเกิดขึ้นไม่ขาดสาย
และการที่ข้าวของหรือสิ่งปลูกสร้างเสียหายก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากนั้นก็มีสำนักอีกหลาย ๆ สำนักที่ถูกผู้ดูแลของเมืองหนานเจ๋อตามมาทวงเพื่อเรียกเก็บค่าเสียหาย และนั่นก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ
ในระยะเวลานี้ มู่เฉียนซีก็ได้ฝึกฝนอยู่ตลอด และไม่คิดสนใจความวุ่นวายภายนอกเลยสักนิด!
และแน่นอนว่าฉู่หลีเองก็คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้มู่เฉียนซีอยู่ตลอดเช่นกัน เขาไม่ยอมให้แม้แต่แมลงวันมารบกวนศิษย์น้องของเขาเป็นอันขาด
เมื่อกลอุบายต่าง ๆ มาอยู่เบื้องหน้าพลังอันแกร่งกล้าแล้ว มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย
“คุณหนูใหญ่ ช่วงนี้มู่เฉียนซีอยู่กับฉู่หลีตลอดเลยเจ้าค่ะ พวกเราไม่มีโอกาสจัดการนางได้เลย”
ทางฝั่งสำนักฉางฮวน ก็มีคนนำเรื่องราวมารายงานให้จีหว่านเหนียงฟัง!
สวี่ฝูโกรธเป็นอย่างยิ่ง “มู่เฉียนซีนางจอมขี้ขลาด มัวแต่มุดหัวหลบอยู่ในเรือน กระจอกชะมัด! นางชั่ว! บัดซบ!”
“ฝูเอ๋อร์อย่าได้โกรธไปเลย เมื่อถึงวันแข่งขัน พี่จะช่วยเจ้าจัดการนางเอง แค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
“อืม! ท่านพี่จะต้องจัดการนางให้แหลกคามือต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ทำให้นางพิกลพิการ ใบหน้าเสียโฉม แล้วก็…” สวี่ฝูกล่าวออกไปด้วยความเคียดแค้นเต็มประดา
อีกไม่นานความวุ่นวายที่ดำเนินมาตลอดทั้งสามวันก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องล้มเลิกเข้าร่วการแข่งขันไป เนื่องด้วยอาการเจ็บป่วยและได้รับบาดเจ็บ
เมื่อสนามประลองขนาดใหญ่ของเมืองหนานเจ๋อเปิดให้ผู้แข่งขันเข้าไปได้ ผู้เข้าแข่งขันก็พากันหลั่งไหลเข้าสนามประลองไปในทันที ส่วนผู้เข้าชมก็พากันเข้าไปจับจองที่นั่งอย่างรวดเร็ว
เจ้าเมืองหนานเจ๋อปรากฏตัวขึ้นอีกครา เขากล่าว “การประลองครั้งที่สองเริ่ม ครั้งนี้ผู้ใดแพ้จะถูกคัดออก”
“สนามประลองหนึ่งร้อยสนามเริ่มขึ้นได้ พวกเจ้าสามารถทำการสุ่มขึ้นไปประลองบนแท่นประลองได้ ท้ายที่สุดจะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ผ่านด่านเข้าสู่รอบถัดไป ส่วนคนอื่น ๆ อีกเก้าคนที่เหลือจะถูกคัดออก! เราจะคัดผู้ผ่านการคัดเลือกเพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้น เพื่อที่จะได้เข้าร่วมการคัดเลือกผู้มากความสามารถครั้งสุดท้าย”
“ต่อไปจะเป็นการเริ่มการแบ่งกลุ่ม!”
ไม่ต้องทำการจับฉลาก ค่ายกลบนสนามประลองจะเป็นผู้จัดการแบ่งกลุ่มให้ผู้เข้าแข่งขันเอง
ค่ายกลบนสนามประลองได้ส่องแสงสว่างสีขาวออกมา จากนั้นแท่นการประลองแต่ละขั้นก็ปรากฏขึ้น แท่นประลองชั้นล่างสุดมีจำนวนผู้เข้าแข่งขันมากที่สุด นั่นก็คือห้าสิบคน
ยิ่งเป็นแท่นประลองที่สูงขึ้นก็จะยิ่งมีจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่บางเบาลงเรื่อย ๆ!
เมื่อมาถึงชั้นบนสุด จำนวนคนก็จะน้อยที่สุด
สวี่กังอยู่ชั้นล่างสุด เขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้นับร้อย เขาต้องเป็นผู้ชนะหนึ่งเดียวท่ามกลางคู่ต่อสู้นับร้อยเหล่านี้ให้ได้
จีหว่านเหนียงเองก็เช่นกัน นางก็ถูกจัดมาให้อยู่ในชั้นล่างสุด โชคดีที่น้องรองของนางอยู่ในแท่นประลองชั้นบน ๆ
ทว่าสิ่งที่ทำให้นางโกรธแค้นเป็นอย่างมากก็คือ ผู้ที่ได้อยู่ชั้นบนสุดกลับเป็นมู่เฉียนซี
จีหว่านเหนียงกล่าว “เจ้าเมืองหนานเจ๋อ นะ…นี่มันไม่ยุติธรรมเลย! ข้าสงสัยว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล!”
สวี่กังกล่าว “ใช่แล้ว! มันจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน! พวกท่านจะมอบทางลัดให้มู่เฉียนซีเพียงเพราะพวกท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางเช่นนี้ไม่ได้”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าว “ค่ายกลของสนามประลองในครั้งนี้ เป็นอาจารย์ค่ายกลคนแรกของอาณาเขตหนานหลิงเป็นคนสร้างขึ้นมา พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนควบคุมมันอย่างนั้นรึ?”
“การแข่งขันในครานี้ล้วนเพิ่งโชคชะตาทั้งนั้น! พวกเจ้าโชคไม่ดีเอง แล้วจะมากล่าวโทษข้าอย่างนั้นรึ! หากอยากประลองก็ประลองให้สุดกำลัง หากไม่ต้องการก็ไสหัวออกไปซะ!”
ทุก ๆ คนต่างพากันตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง การสุ่มแบ่งกลุ่มเช่นนี้ ผู้ที่อยู่ชั้นบนสุดช่างโชคดีอะไรเช่นนี้
เพียงแค่สามารถโค่นล้มอีกฝ่ายให้ได้ก็พอแล้ว ไม่ต้องลำบากอะไรมากมาย!
ทว่าคู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีก็อยากจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ
น้ำตาแทบจะไหลอาบแก้ม ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างก็อิจฉาเขาสารพัด หารู้ไม่ว่าเขาแทบอยากจะคุกเข่าร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
“ผู้อาวุโสมู่ ฮือ ฮือ ฮือ…เหตุใดข้าถึงได้โชคร้ายเช่นนี้!”
ครั้นที่ได้ออกไปเสาะหาของล้ำค่าที่ป่าหมอกพิษ เขาก็ได้เห็นพลังที่แท้จริงของมู่เฉียนซีมาก่อน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนวิปลาสเช่นนี้ แล้วเขาจะสู้อย่างไร?
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่ต้องกลัว! ข้าจะออมมือให้”
เจ้าเมืองหนานเจ๋อกล่าว “ตอนนี้ การประลองเริ่มขึ้นได้!”
ปัง!
เมื่อสุ้มเสียงจางหายไปแล้ว คนจำนวนหนึ่งร้อยคนที่อยู่บนแท่นประลองก็เริ่มทำการโจมตีคู่ต่อสู้ในทันที
มีเพียงแท่นประลองชั้นบนสุดเท่านั้นที่ยังไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว เดิมทีสถานที่ที่พวกเขายืนอยู่ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว
“นั่นเป็นศิษย์ของสำนักฉางยวนไม่ใช่หรือ! เหตุใดถึงเอาแต่ยืนทื่อเป็นท่อนไม้อยู่ตรงนั้นล่ะ ไม่เห็นจะขยับเขยื้อนไปไหนเลย”
“ได้ยินว่าสำนักฉางยวนแทบจะไม่มีศิษย์หญิงอยู่เลย คงไม่ใช่เพราะตกตะลึงกับหญิงงามอยู่หรอกนะ!”
“……”
สุดท้ายแล้วศิษย์สำนักฉางยวนก็กล่าว “ผู้อาวุโสมู่ ข้าคิดแล้วคิดอีก คิดแล้วก็คิดอีก ข้าว่าข้าไม่สู้แล้วดีกว่า!”
เขากล่าว “ผู้ตัดสิน! ข้าขอยอมแพ้!”
ทุก ๆ คนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ในทันที “ยอมแพ้! ศิษย์สำนักฉางยวนยอมแพ้แล้ว”
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ศิษย์สำนักฉางยวนดูไม่เหมือนคนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เลย เด็กสาวคนนั้นเก่งกาจจริง ๆ หรือ?”
“ทั้ง ๆ ที่โชคดีขนาดนั้นแล้ว ถูกจัดให้ไปอยู่บนแท่นประลองชั้นสูงสุด แต่กลับยอมแพ้เสียง่ายๆ น่าเสียดายจริง ๆ!”
ไม่นานนักผู้ตัดสินก็กล่าว “จางซิ่นสำนักฉางยวนยอมแพ้ มู่เฉียนซีสำนักลั่วเยว่ชนะ!”
ในขณะที่ทุก ๆ คนกำลังจดจ่ออยู่กับการเอาชนะอีกฝ่ายนั้น มู่เฉียนซีที่ไม่จำเป็นต้องออกแรงแม้แต่น้อยก็ได้รับชัยชนะแล้ว ความโชคดีนี้ยิ่งทำให้คนอื่น ๆ อิจฉามากขึ้นเป็นเท่าทวี!
ศิษย์น้องประลองเสร็จแล้ว และแน่นอนว่าเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเสียเวลาอีก
ฉู่หลีได้เริ่มสำแดงฤทธิ์เดชแล้ว!
ปัง ปัง ปัง! ไม่ว่าที่ใด ๆ ที่เขาก้าวผ่านไป ที่นั่นย่อมมีผู้คนล้มฟุบลงไปกับพื้น ไม่นานนักบนแท่นประลองก็มีฉู่หลียืนอยู่เพียงผู้เดียว
ทุกคนต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน “เก่งกาจมากเกินไปแล้ว!”
“ข้าสัมผัสไม่ได้เลยว่าเขาอยู่ในระดับขั้นใดกันแน่?”
.
.