ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1612 ลูกสัตว์แรกเกิดตัวหนึ่ง
เสี่ยวโม่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่าน ถั่วหวานอันนั้นได้ผล ดีมากเลย ตอนนี้ข้าฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว!”
“ดีแล้ว! เช่นนั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ!”
เสี่ยวโม่โม่พามู่เฉียนซีทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือแผ่นดินใหญ่ของเผ่าหงส์นิลทันที
ในตอนนี้ นางไม่รู้ว่าข่าวที่สำนักฉางฮวนถูกทำลายล้างนั้นแพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาเขตหนานหลิงแล้ว
สำนักฉางฮวนได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นนรกไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก!
“ที่จริงแล้วสำนักฉางฮวนได้ไปล่วงเกินผู้แข็งแกร่งท่านใดเข้ากันแน่?”
“เพียงผู้เดียวก็สามารถทำลายล้างสำนักฉางฮวนได้”
“……”
เจ้าสำนักฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทำลายได้ดี! ทำลายได้ดีมากเลยจริง ๆ”
และเมื่อตอนที่โม่ซวนได้ยินข่าวนี้ก็ตกตะลึงไปไม่น้อย ก่อนหน้านี้เพียงไม่นานสำนักฉางฮวนพึ่งจะไล่ล่ามู่เฉียนซี แต่ตอนนี้กลับถูกทำลายไปจนสิ้นเสียแล้ว
หากจะบอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับมู่เฉียนซี เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
เหลิ่งหนิงจือคิดออกแล้วว่าเป็นผู้ใด นายท่านจิ่วเยี่ยต้องเป็นผู้ลงมือแน่นอน
ที่สำนักฉางฮวนต้องมีจุดจบเช่นนี้ มันก็สมควรแล้ว!
เหลิ่งหนิงจือมองไปทางโม่ซวนแล้วกล่าวว่า “อย่ามาดูถูกเจ้านายของพวกเรา และก็อย่าคิดที่จะทำเรื่องอะไรที่เป็นอันตรายต่อเจ้านายของข้า มิฉะนั้นอาจจะมีชะตากรรมที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าสำนักฉางฮวนก็เป็นได้”
คำพูดของเหลิ่งหนิงจือไม่ได้ทำให้โม่ซวนรู้สึกโกรธแต่อย่างใด เขากล่าวออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “แม่นางเหลิ่งเป็นกังวลเกินไปแล้ว”
ตราบใดที่เฉียนซีไม่ได้เกิดความขัดแย้งกับพ่อบุญธรรม เขาก็ไม่อาจที่จะทำเรื่องที่ไม่สมควรจนพันธมิตรของเขาต้องขุ่นเคืองใจได้หรอก
การที่สำนักฉางฮวนถูกทำลาย มันก็ทำให้เจ้าสำนักสวี่แห่งสำนักเล่ออันอกสั่นขวัญแขวนไปพอสมควร
สวี่ฝูกล่าวอย่างร้อนรนว่า “ท่านพ่อ ไม่เช่นนั้นพวกเราหนีกันเถอะ!”
ที่พวกเขาแอบส่งข่าวไปให้สำนักหลินเยว่ เรื่องที่เมืองหนานหลิงมีอัจฉริยะผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่โผล่ออกมา นั่นเป็นเพียงวิธีการยืมมือคนอื่นมาฆ่าคนที่แยบยลมากอย่างหนึ่งก็เท่านั้น
แต่ทว่าเมื่อสำนักฉางฮวนถูกทำลาย พวกเขาจึงรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเป็นธรรมดา
เจ้าสำนักสวี่กล่าวว่า “ไม่มีใครรู้เรื่องที่พวกเราแอบส่งข่าวนี้ออกไป และการตายของมู่เฉียนซี พวกเราก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น”
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาคิดว่าจิ่วเยี่ยคงไม่สามารถตรวจสอบพบได้ และมันช่างเป็นอะไรที่ไร้เดียงสามากเกินไปแล้วจริง ๆ
แม้เรื่องที่ว่าตอนนี้มู่เฉียนซีอยู่ที่ใดเขาจะยังตรวจสอบไม่พบ แต่ทว่าหากเป็นเรื่องอื่นแล้วละก็ จื่อโยวกลับตรวจสอบพบได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
“เยี่ย ผู้ที่แอบส่งข่าวก็คือสำนักเล่ออัน ผู้ที่ลงมือก็คือผู้ที่อยู่ใต้อำนาจของมู่หลินหลางแห่งราชวงศ์ตงหวงผู้นั้น นั่นก็คือสำนักหลินเยว่ ต้องการที่จะเก็บกวาดทีเดียวเลยหรือไม่?”
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หาซีให้เจอก่อน! รอให้ซีกลับมาจัดการ”
“อืม!” จื่อโยวรู้สึกปวดหัวจริง ๆ ต้องรีบหาโดยไว แต่นี่ยังคงไม่มีเบาะแสเลยแม้แต่น้อย
คนงามที่มีผู้พิทักษ์นิรันดร์ที่เป็นเจ้าแห่งมิติไว้ในครอบครอง หากว่าไปหลบซ่อนอยู่ในมิติเล็ก ๆ ที่ใดก็ตาม นั่นมันก็เกินความสามารถที่พวกเขาจะสามารถหาให้เจอได้จริง ๆ
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าเพราะจื่อโยวต้องตามหานาง เขาในตอนนี้จึงยุ่งจนหัวหมุนไปหมดแล้ว และหลังจากที่เสี่ยวโม่โม่เหาะอยู่เหนือแผ่นดินใหญ่ของเผ่าหงส์นิลเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้เจอผู้คนเสียที
“นายท่าน นายท่านทางนั้นคนเยอะมากเลย พวกเราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง! พวกเราไปกันเถอะ!”
พวกเขาไม่รู้ว่าสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านในเวลานี้กำลังจัดการแข่งขันประลองฝีมือกันอยู่
การแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการประลองฝีมือของผู้มีพรสวรรค์รุ่นเยาว์ของเผ่าหงส์นิล ซึ่งในตอนนี้การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว
“คุณหนูเฟิงเชียนจะเก่งมากเกินไปแล้ว พึ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้เพียงไม่นาน ก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันผู้มีพรสวรรค์ครั้งนี้ไปได้”
“คุณหนูเฟิงเชียนจะต้องเป็นดาวดวงใหม่ที่แพรวพราวที่สุดแห่งเผ่าหงส์นิลของพวกเราอย่างแน่นอน”
“……”
เหล่าผู้คนมองไปทางหญิงสาวที่สวมชุดสีดำผู้หนึ่งบนสนามประลอง เผ่าหงส์มีสายเลือดของสัตว์เทพ ดังนั้นการแปลงกายเป็นผู้ใหญ่ของพวกเขาจึงได้งดงามเป็นอย่างมาก
ท่ามกลางสายตาที่อิจฉาริษยาของเหล่าผู้คน หญิงสาวในชุดสีดำผู้นั้นจึงรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
เพียงแต่ว่าทันใดนั้นท้องฟ้าก็พลันมืดมิดลง และในเวลานี้ ไม่คิดเลยว่าจะมีหงส์นิลตัวหนึ่งบินผ่านไปในอากาศ
“ลงมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อไม่ได้บินผ่านไปเฉย ๆ แต่ดันบินข้ามศีรษะของนางไปเช่นนี้ นี่จึงถือว่าเป็นการดูถูกนางอย่างสิ้นเชิง
เสี่ยวโม่โม่มองไปที่หญิงสาวผู้นั้น จากนั้นก็เบ้ปาก นางไม่ฟังหญิงสาวผู้นี้หรอก นางฟังเพียงแค่นายท่านผู้เดียวเท่านั้น
มันเพียงแค่เหลือบตามองลงเท่านั้น แต่กลับทำให้โม่เฟิงเชียนรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
คนอื่นก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน “นะ…นี่คือหงส์นิล ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีสายเลือดที่มีแรงกดดันที่แข็งแกร่งเช่นนี้”
“เจ้าเด็กน้อยนี่ยังไม่โตเต็มวัยเลยสินะ!”
และความกดดันของคนเหล่านั้นก็ยิ่งทำให้โม่เฟิงเชียนรู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีก นางจึงตะโกนขึ้นมาว่า “ข้าบอกให้เจ้าลงมาเดี๋ยวนี้!”
พลังอันแข็งแกร่งพุ่งมาทางเสี่ยวโม่โม่ทันที
เสี่ยวโม่โม่ที่พึ่งจะเกิดได้เพียงวันเดียวเท่านั้น ยังไม่ทันได้รู้ว่าการฝึกฝนเป็นเช่นไรเลย เช่นนั้นแล้วจะไปสู้หงส์นิลที่โตเต็มวัยแล้วตัวหนึ่งได้อย่างไรกัน?
โดยทั่วไปแล้ว หงส์นิลที่โตเต็มวัยควรที่จะได้ครอบครองความสามารถของสัตว์เทพ และยังเทียบได้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!
และนี่คงไม่สามารถที่จะรับมือได้ไหวเป็นแน่!
แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในโลกของหงส์ก็อาจจะเกิดปัญหาอะไรบางอย่างขึ้นเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าหงส์นิลตัวนี้จะโตเต็มวัยแล้ว แต่ทว่ามีความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ระดับหกเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าโม่เฟิงเชียนจะไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ แค่ความกดดันในการโจมตีก็ไม่น้อยเลยทีเดียว และการปฏิบัติต่อหงส์น้อยที่ยังไม่โตเต็มวัยเช่นนี้ ก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงเล็กน้อย
“ระวัง!”
มันเป็นสัญชาตญาณของการปกป้องลูกน้อย และสายเลือดของลูกน้อยตัวนี้ก็ยังแข็งแกร่งขนาดนี้อีกด้วย
ในขณะนี้ เงาร่างสีม่วงก็เยื้องกายออกมาจากร่างของหงส์นิล และเหลือทิ้งไว้เพียงเงาจาง ๆ สีม่วงเท่านั้น
ด้วยการเคลื่อนไหวของแขนเรียวบาง แส้สีดำเส้นนั้นก็ถูกคว้าเอาไว้โดยตรง
ปัง!
พลังของทั้งสองเข้าปะทะกัน และโม่เฟิงเชียนก็ถูกเหวี่ยงลอยกระเด็นออกไป
“มารังแกเด็กน้อยเช่นนี้ มันดูมีศักดิ์ศรีมากเลยอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“นั่นคือมนุษย์นี่!”
“ใช่แล้ว โอ้พระเจ้า! มนุษย์นี่นา!”
“มนุษย์ผู้นี้สามารถรับการโจมตีจากคุณหนูเฟิงเชียนโดยตรงได้ อีกทั้งยังใช้แค่มือรับอีกด้วย ไม่คาดคิดเลยว่าร่างกายของนางจะแข็งแกร่งมาถึงเพียงนี้”
ผู้ชมในสนามแข่งขัน ต่างพากันร้องอุทานขึ้นเสียงดังเซ็งแซ่
เดิมทีแล้วมู่เฉียนซีคิดว่าจะไม่ทำตัวให้เป็นจุดสนใจเสียหน่อย อย่างไรก็ ตามเมื่อครั้งล่าสุดตอนที่อยู่ในอาณาเขตของเผ่ามังกร ก็ถูกผู้อื่นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมังกรวารี และที่นั่นเป็นตระกูลสัตว์เทพที่ต่อต้านคนภายนอกมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้นางทนเห็นเสี่ยวโม่โม่ถูกรังแกและถูกโจมตีเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงได้เปิดเผยตัวตนของตนเองออกไป แต่อย่างไรก็ตามคนจากเผ่าหงส์ที่ปฏิบัติต่อมนุษย์อย่างไม่ได้รังเกียจมากเกินไปนัก
โม่เฟิงเชียนเบิกตากว้างแล้วกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “มนุษย์หรือ? ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะมายังอาณาเขตของเผ่าหงส์นิลของข้าเช่นนี้ เจ้าตั้งใจจะมาทำให้ข้าอับอายหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น”
“แค่ผ่านทางมา? จะผ่านเวลาไหนก็ไม่ผ่าน แต่ดันผ่านมาในเวลาอย่างนี้น่ะหรือ เจ้าจะต้องมาเพื่อหาเรื่องอย่างแน่นอน”
“หากเจ้าต้องการที่จะคิดเช่นนั้น ข้าก็คงจะไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”
“หงส์นิลน้อยตัวนั้น เจ้าเป็นผู้ผูกพันธสัญญาอย่างนั้นหรือ?” โม่เฟิงเชียนถามขึ้น
“ใช่แล้ว!”
“ข้าต้องการที่จะท้าประลองกับเจ้า หากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องยกเลิกการทำพันธสัญญากับมัน”
“นายท่านไม่ยกเลิกพันธสัญญาให้กับเจ้าหรอก! เจ้าเป็นหญิงสาวนิสัยไม่ดี”
ในตอนนี้ เสี่ยวโม่โม่ได้ปลดการขยายร่างที่ใหญ่โตของมันแล้ว และกลับสู่ร่างที่มีขนาดเล็กลงพร้อมทั้งบินมาเกาะอยู่ที่ไหล่ของมู่เฉียนซี ก่อนจะจ้องมองไปที่โม่เฟิงเชียนอย่างโกรธเคือง
เมื่อเห็นรูปร่างที่มีขนาดเล็ก ผู้คนที่เห็นต่างก็พากันตกตะลึง
“โอ้พระเจ้า! เจ้าตัวน้อยนี่มีขนาดเล็กเพียงเท่านี้เองเช่นนั้นหรือ?”
“นะ…นี่มันเหมือนหงส์นิลน้อยตอนแรกเกิดเลย”
“ไม่ใช่สิ ตอนที่ลูกของข้าเกิดมาต่างก็ตัวใหญ่กว่าเด็กคนนี้มากนัก”
เสียงพูดคุยของผู้คนดังไม่น้อยเลย เมื่อมู่เฉียนซีได้ยินเช่นนั้น ก็ลูบไปที่หัวของเสี่ยวโม่โม่ด้วยความรักใคร่
เนื่องจากเหตุผลของพลังแห่งการกัดเซาะของเจ้าตัวน้อยนี้ แม้ว่าจะวิวัฒนาการขึ้นมาด้วยพลังแห่งชีวิต แต่ก็ยังคงไม่สมบูรณ์มาแต่กำเนิด มันจึงตัวเล็กกว่าหงส์น้อยตัวอื่นเป็นอย่างมาก
และผู้มีพรสวรรค์ของเผ่าหงส์นิลผู้นี้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะลงมือกับลูกสัตว์แรกเกิดตัวหนึ่ง อีกทั้งยังลงมือไม่เบาอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะมีเจ้าของคอยปกป้อง ก็คาดว่าเผ่าหงส์นิลของพวกเขาก็คงจะเสียลูกหงส์แรกเกิดตัวหนึ่งไปเสียแล้ว
ทุกคนต่างมองไปที่โม่เฟิงเชียนด้วยสายตาที่แปลกไปเล็กน้อย และในเวลานี้โม่เฟิงเชียนก็รู้สึกผิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน “ข้าก็ไม่รู้ว่านางจะตัวเล็กมากขนาดนี้นี่”
.
.