ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1616 สมบัติเผ่าหงส์
“เจ้ากล่าวถูกแล้ว!” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว
เนื่องจากคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจเลือกผูกพันธสัญญากับหงส์น้อยแรกเกิดอยู่แล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงว่าจะต้องรอถึงสามพันปีกว่าจะรอให้เป็นหงส์ตัวโตเต็มวัยได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านพูดมาตามตรงเถอะ! มาทำอะไรที่นี่กันแน่?”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “แผ่นดินใหญ่หงส์นิลของพวกเรามีเมืองทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบแห่ง และเราจำเป็นจะต้องคัดเลือกคนผู้หนึ่งไปยังเมืองโม่หวงเพื่อเข้าร่วมหาประสบการณ์ของหอหลอมอัสนี”
“เช่นนั้นก็เลือกลูกสาวของท่านก็ได้แล้วนี่! ลูกสาวของท่านเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินใหญ่เผ่าหงส์นิล หากได้ไปแล้วละก็ จะต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น “อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินใหญ่เผ่าหงส์นิลอะไรกัน ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเพราะคนอื่นให้เกียรติลูกสาวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำของข้าต่างหาก และการแข่งขันในครั้งนี้ก็จัดขึ้นที่เมืองโม่เฟิงของพวกเราซึ่งใกล้กับเมืองโม่หวงเท่านั้น ดังนั้นจึงมีอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ให้ความสนใจต่อการแข่งขันในครั้งนี้”
“ลูกสาวของข้าเพียงแค่มีความสามารถสูงกว่าเล็กน้อยท่ามกลางคนระดับต่ำเท่านั้นเอง และเทียบกับอัจฉริยะที่แท้จริงเหล่านั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ซึ่งนี่ทำให้โม่เฟิงเชียนรู้สึกค่อนข้างอับอายเกินจะทนไหว แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้
ความลำพองใจในอดีตให้ความชุ่มชื่นหัวใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งนางก็รู้ในเรื่องนี้ดีเป็นที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นที่ท่านมาหาข้า คงจะไม่ได้ต้องการให้เสี่ยวโม่โม่ของข้าไปเข้าร่วมเป็นตัวแทนเมืองโม่เฟิงของท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยหรอกใช่หรือไม่? มันเพิ่งจะเกิดมาเท่านั้น ข้าเกรงว่ามันจะไม่มีความสามารถเพียงพอ”
“เจ้าตัวน้อยนั้นไม่ได้ แต่ทว่าแม่นางน้อยเช่นเจ้าทำได้นี่! ความสามารถของเจ้านั้นแข็งแกร่งมาก ครั้งก่อนที่เจ้ารับการโจมตีของเฟิงเชียนของข้า ก็เกรงว่าจะยังไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เลยกระมัง!”
เจ้าเมืองท่านนี้สมกับที่ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน เขามองได้ละเอียดและลึกซึ้งเป็นอย่างมาก
โม่เฟิงเชียนมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง “ไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ นะ…นี่เป็นไปไม่ได้หรอก!”
ที่นางถูกโจมตีก็ค่อนข้างรุนแรงมากแล้วนะ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะมีความสามารถ แต่ทว่าข้าคือมนุษย์! มันเหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”
“เผ่าหงส์ของพวกเรากับมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ขอเพียงแค่เป็นผู้ผูกพันธสัญญากับคนในเผ่าของข้า ทั้งสองก็นับว่าเป็นไปตามข้อกำหนดที่วางไว้แล้ว” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว
“แต่ทว่า ข้าไม่สนใจนะสิ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยชา
ถึงแม้ว่านางอยากจะไปที่เมืองโม่หวง แต่เป้าหมายของนางก็คือการไปหาคัมภีร์หมื่นคำสาป และไม่อยากจะเสียเวลาเพราะเรื่องอื่นอีก
“อะไรนะ? เจ้าไม่สนใจหรือ? เจ้าจะไม่มีความสนใจในหอหลอมอัสนีจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ข้าพึ่งจะพาเจ้าเด็กน้อยนี้มาที่นี่ และไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับเผ่าหงส์เท่าไรนัก หอหลอมอัสนีอะไรนั่นเก่งกาจมากหรือไม่?” มู่เฉียนซีถามขึ้น
โม่เฟิงเชียนเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “เจ้าโง่เขลาเกินไปแล้ว! หอหลอมอัสนีนั้นทรงพลังมาก! ตราบใดที่ได้เข้าไป มันเป็นไปได้มากว่าตอนที่เผ่าหงส์ของพวกเราออกมาแล้ว ก็จะมีร่างกายที่ยอดเยี่ยมขึ้น อีกทั้งยังมีเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งมาก…”
เมื่อมู่เฉียนซีได้ฟังเช่นนี้แล้ว นางก็ยังคงไม่สนใจอยู่ดี
“สิ่งเหล่านี้ มันก็ไม่มีอะไรนี่?”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยแอบคิดในใจว่า ‘อย่างที่คาดไว้ โลกภายนอกนั้นแข็งแกร่งมาก สิ่งเหล่านี้ไม่อาจทำให้นางหวั่นไหวได้ ดูท่าแล้วคงทำได้เพียงแค่บอกข่าววงในให้นางได้รู้อย่างหนึ่งเท่านั้นแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ความลับที่สำคัญมากมายอะไรเท่าไรนัก’
จากนั้นเจ้าเมืองโม่เชวี่ยจึงกล่าวออกมาว่า “แม่นางมู่ หรือว่าเจ้าจะไม่รู้กัน! สมบัติเผ่าหงส์ของพวกเรา ถูกซ่อนไว้ทั้งหมดสามแห่ง! และหนึ่งในนั้นก็คือหอหลอมอัสนี ส่วนอีกสองแห่งที่เหลือ ก็คือสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์และสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สมบัติของเผ่าหงส์ของพวกท่าน คืออะไรเช่นนั้นหรือ?”
เมื่อกล่าวถึงสมบัติ เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ดูท่าทางเหมือนมีข้อห้ามที่ลึกซึ้งอยู่
“ได้ยินมาว่าตอนแรกเป็นเพราะสมบัติ สงครามระหว่างเผ่าหงส์ของพวกข้ากับเผ่าเทพจึงได้เริ่มต้นขึ้น และในตอนนี้คนของเผ่าหงส์รวมไปถึงเทพราชา ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจต่อสมบัติชิ้นนั้นเป็นอย่างมาก”
“แต่สำหรับข้า เพื่อให้เจ้าช่วยเมืองโม่เฟิงของพวกเราในการเข้าร่วมกันแข่งขันใหญ่ในครั้งนี้จึงได้ทุ่มสุดตัวแล้ว ความลับเรื่องนี้ เจ้าห้ามเอาออกไปพูดภายนอกเป็นอันขาด”
สมบัติชิ้นนี้ มีแปดถึงเก้าในสิบส่วนที่อาจจะเป็นคำสาปเล่มที่สามของคัมภีร์หมื่นคำสาปก็ได้
เผ่ามังกรใช้แรงในการหาวิธีที่จะซ่อนกุญแจของคลังเก็บของล้ำค่าไว้อย่างระมัดระวัง และใช้ชีวิตทุกวันด้วยความหวาดกลัวและความกังวลใจ
แต่เผ่าหงส์นี้ใช้ได้เลยทีเดียว เนื่องจากเขาได้บอกคนที่ปรารถนาในคัมภีร์หมื่นคำสาป ว่ามันที่อยู่ที่ใด
มีสามสถานที่ที่มีความเป็นไปได้อยู่ หากหาเจอก็ถือว่าเป็นความสามารถของพวกเจ้าแล้ว
หลายปีมานี้จะหาอย่างไรก็ไม่พบ แต่ก็สามารถเห็นได้ว่าทั้งสามสถานที่นี้ ล้วนไม่ง่ายแก่การบุกเข้าไปเอาเสียเลย
มู่เฉียนซีหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าคงต้องบอกว่า ท่านสามารถพูดเกลี้ยกล่อมข้าได้แล้ว! ข้ามีความสนใจในสมบัติชิ้นนั้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจะรับปากท่าน! และข้าจะพาเสี่ยวโม่โม่เข้าร่วมการคัดเลือกในการแข่งขันของหอหลอมอัสนีในครั้งนี้ด้วย ข้าก็สนใจอยากจะไปดูหอหลอมอัสนีสักหน่อยแล้ว”
โม่เฟิงเชียนกล่าวว่า “เจ้าอย่าได้มั่นใจจนเกินไปนักเลย! เจ้าจะต้องรู้ว่าอัจฉริยะแห่งเผ่าหงส์นิลของพวกข้า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเผ่าหงส์ทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่ามนุษย์ที่มีเพียงความสามารถของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่เพียงอย่างเดียวจะสามารถเทียบเคียงได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ! เมื่อถึงเวลานั้นก็คอยดูผลลัพธ์ก็พอแล้ว”
ข่าวนี้ ได้มาง่ายมากกว่าที่นางได้จินตนาการเอาไว้เสียอีก
สถานที่ทั้งสามนี้ ต่างก็ต้องลองบุกเข้าไปดู บางทีอาจจะสามารถหาส่วนที่เหลือของคัมภีร์หมื่นคำสาปเจอก็ได้
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยจริง ๆ! เพียงแต่ว่าที่จริงแล้วเจ้าตัวน้อยนี้สะดุดตามากเกินไป อีกทั้งยังมีสายเลือดของเผ่าราชาอีกด้วย เกรงว่าอาจจะถูกราชาโม่สังเกตเห็นได้ เนื่องจากสายเลือดของเผ่าราชานั้นล้ำค่ามาก ราชาโม่จึงไม่เห็นด้วยกับการให้เผ่าหงส์นิลของพวกเราผูกพันธสัญญากับมนุษย์มาโดยตลอด”
“สังเกตเห็นอะไรอย่างนั้นหรือ? บางทีเสี่ยวโม่โม่อาจจะหาญาติคนอื่นเจอก็ได้ ในตอนแรก เมื่อตอนที่ข้าเห็นแม่ของนาง ก็มีเพียงแค่นางคนเดียวเท่านั้น! และในส่วนที่ไม่เห็นด้วยนั้น ข้าสามารถทำให้ราชาโม่เข้าเป็นพวกเดียวกันได้”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “ข้าไม่อาจแยกจากนายท่านได้ ญาติของข้าเพียงนายท่านผู้เดียวเท่านั้น เพียงผู้เดียว…”
ในเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นไม่เลวเลยทีเดียว เจ้าเมืองโม่เชวี่ยเคยเห็นหงส์ที่ผูกพันธสัญญากับมนุษย์มาก่อน ทั้งหมดล้วนไม่ได้เป็นเช่นนี้เลย
โม่เฟิงเชียนแอบมองไปที่พวกเขาทั้งสอง และภายในใจก็รู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อย
ภายในใจของนางนึกอยู่ตลอดเวลาถึงเรื่องที่ได้ผูกพันธสัญญากับมนุษย์ที่มีสถานะเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมากที่สุด และได้ออกไปท่องโลกที่กว้างใหญ่ข้างนอกนั่น อีกทั้งยังมียาลูกกลอนอีกนับไม่ถ้วนที่ช่วยในการฝึกฝนของนาง แล้วยังมี…
ในตอนแรกที่นางเสนอให้มู่เฉียนซียกเลิกผูกพันธสัญญากับเสี่ยวโม่โม่ นั่นเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของนางเอง ที่ต้องการมนุษย์คนนี้ และยังคิดที่จะผูกพันธสัญญากับนางอีกด้วย
ในตอนนี้ นางได้รู้แล้วว่าตนเองนั้นหลงใหลและคิดเพ้อเจ้อไปอย่างสมบูรณ์
ถึงแม้ว่าเสี่ยวโม่โม่จะยังเด็ก แต่ก็เป็นถึงสายเลือดของท่านราชา ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางที่จะไล่ตามได้ทัน
มู่เฉียนซีถามว่า “เจ้าเมืองโม่เชวี่ย พวกเราจะออกเดินทางไปที่เมืองโม่หวงเมื่อใดอย่างนั้นหรือ?”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง!”
“เช่นนั้นก็ดี!”
เมื่อส่งเจ้าเมืองโม่ไปแล้ว เสี่ยวหงและอู๋ตี้ก็ออกมาข้างนอก
“นายท่าน ข้ารู้สึกว่าการฝึกฝนวิชานี้ของเสี่ยวโม่โม่ไม่เลวเลย”
ทันทีที่มู่เฉียนซีได้เห็น วิชาที่อู้ตี้ทำนั้นเรียกว่าวิชาไร้พ่าย นี่…
ถึงแม้ว่าวิชานี้จะกล้าแกร่งเป็นอย่างมาก แต่มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมกับเสี่ยวโม่โม่เท่าไรนัก
เสี่ยวหงกล่าวว่า “นายท่าน ท่านอย่าไปฟังเขา อันนี้ดีกว่า”
วิชาที่เสี่ยวหงหยิบออกมา เรียกว่าวิชาต้าหลัวพิฆาตฟ้าดิน นะ…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น นี่มันคือวิชาทำลายล้างโลกทั้งนั้นเลยนี่
วิชาที่เสี่ยวโม่โม่จะได้ใช้เป็นครั้งแรกไม่อาจเลือกอย่างส่งเดชได้ จำเป็นที่จะต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้ากลับไปกินสิ่งที่พวกเจ้าควรจะกิน กลับไปนอนตอนที่ควรจะนอน เรื่องวิชาของเสี่ยวโม่โม่ พวกเจ้าไม่ต้องยุ่งวุ่นวายอีกแล้ว”
“นายท่าน! ข้ารู้ผิดแล้ว! ข้าจะกลับไปกินทันทีเลย ข้าอยากเลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพ ข้าอยากจะกลายเป็นหนุ่มหล่อที่อยู่กับนายท่านและคอยปกป้องอยู่ข้างกายของนายท่าน” อู้ตี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวหงกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า “หนุ่มหล่อ? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่ใช่เจ้าหมูอ้วนน่ะ?”