ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1617 ซื้อเก่งเสียเหลือเกิน
อู๋ตี้ตะคอกกลับไปเสียงดังลั่น “รนหาที่ตายนัก! เจ้านะสิหมูอ้วน!”
“ไร้สาระ ข้าน่ะเป็นบุรุษผู้งดงามเจ้าสำราญในใต้หล้า” เสี่ยวหงกล่าว
“เจ้าคงกำลังฝันไปสินะ!”
มู่เฉียนซีจิ๊ปากแล้วกล่าว “ข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองนั่นแหละที่กำลังฝันไป พวกเจ้าเลื่อนระดับขั้นให้ได้เสียก่อนเถอะแล้วค่อยมาพูด!”
ความสำเร็จของการที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะเลื่อนระดับขั้นมาเป็นสัตว์เทพนั้นก็ไม่ได้มีมากนัก
ทว่าเจ้าสองตัวนี่ก็ใช่ว่าจะธรรมดา และใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว!
ทว่าการที่จะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นสัตว์เทพนั้นก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด!
เมื่อไล่เจ้าจอมกะล่อนทั้งสองออกไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้เรียกหาสุ่ยจิงอิ๋งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
สุ่ยจิ่งอิ๋งไม่ได้ขานรับแต่อย่างใด เห็นทีคงจะยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่
จิ่วเยี่ยน่าจะสามารถหาวิธีฝึกฝนที่เหมาะสมให้กับเสี่ยวโม่โม่ได้ ทว่าในตอนนี้เขายังมาไม่ได้ก็เท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เสี่ยวโม่โม่ อย่าไปฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระเลย! เมื่อเดินทางไปถึงเมืองหลวงโม่หวงแล้ว ค่อยหาวิธีฝึกฝนที่เหมาะสมกับเจ้าอีกครา”
เสี่ยวโม่โม่ราวกับเป็นเด็กน้อยที่ติดบิดามารดาก็มิปาน มันกล่าว “เสี่ยวโม่โม่เชื่อฟังนายท่าน นายท่านดีที่สุด”
วันถัดมาเจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ได้มาหามู่เฉียนซี แล้วส่งนางไปยังเมืองโม่หวง
โม่เฟิงเชียนก็ได้ติดตามไปด้วยเช่นกัน เสี่ยวโม่โม่รู้สึกรังเกียจนางเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าไม่อยากเห็นเจ้าคนไม่ดีผู้นี้เลย หลีกไปให้พ้น!”
ก็แค่คำพูดพล่อย ๆ ของเด็กน้อย ตั้งแต่โม่เฟิงเชียนถูกสั่งสอนไปแล้วหนึ่งยก นางก็ได้ใจเย็นลงไปไม่น้อย
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “ครั้งนี้ข้าจะพานางไปเปิดประสบการณ์หาความรู้ นางจะได้ไม่อวดดีถือตนเป็นใหญ่อีก! ตลอดการเดินทางนี้พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจนาง เห็นนางเป็นสาวใช้ผู้หนึ่งก็พอ”
โม่เฟิงเชียนหลุบหน้าลง และไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด
ตราบใดที่โม่เฟิงเชียนไม่คิดทำเรื่องชั่วช้า มู่เฉียนซีก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยหากจะมีคนอย่างนางติดตามมาด้วย
จากนั้นเจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ได้พามู่เฉียนซีไปทำการสมัครลงนาม ผู้คุมการลงสมัครก็ได้กล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ “คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะมีหงส์ที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์อยู่ในเมืองของเจ้าเมืองโม่เชวี่ยด้วย”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “ทำพันธสัญญากับมนุษย์ แล้วมันมีอะไรไม่ดีตรงที่ใด?”
“แน่นอนว่าต้องมีข้อดีอยู่แล้ว ผู้ประเมินการประลองในครั้งนี้คือขวงจวิ้นอ๋องแห่งหอทมิฬ เดิมทีตัวของเขาเองก็มีพันธสัญญากับพวกมนุษย์อยู่แล้ว ดังนั้นการประเมินในครั้งนี้ หากสัตว์วิญญาณตัวใดมีพันธสัญญากับมนุษย์ก็จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เลย!”
นี่มันคือลาภลอยชัด ๆ!
“นี่มันดูไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อยหรือไม่!” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรยุติธรรมไม่ยุติธรรมหรอก เริ่มการประลองด้วยสองต่อหนึ่ง เดิมทีสถานการณ์เช่นนี้ก็นับว่าตกเป็นรองอยู่แล้ว การที่เปิดทางให้เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศอย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็เป็นเพียงการรวบรัดขั้นตอนเท่านั้น สำหรับพวกเจ้าแล้วก็นับว่ามีประโยชน์ไม่น้อย เช่นนี้แล้วยังไม่รีบสมัครลงนามอีกหรือ?”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แน่นอนว่าต้องลงนามอยู่แล้ว!”
“อายุ และนาม…”
โม่เฉียนซีกล่าว “มู่เฉียนซี! อายุสิบแปดปี”
“แล้วสัตว์พันธสัญญาของเจ้าล่ะ?”
เสี่ยวโม่โม่กล่าว “นายท่าน เสี่ยวโม่โม่อายุเท่าไรหรือ?”
จากนั้นดวงตาของผู้คุมการลงสมัครก็กระตุกขึ้นในทันที “อายุน้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “หงส์ที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ ก็ไม่ได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์อะไรนี่ คงไม่มีกฎเกณฑ์อะไรหรอกกระมัง?”
“เรื่องนั้น มันก็ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรหรอก? เพียงแต่ไม่เคยมีมนุษย์คนใดที่ทำพันธสัญญากับสัตว์ที่อายุน้อยมากเท่าเช่นนี้มาก่อน”
การที่ทำพันธสัญญากับสัตว์เทพ ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือในยามรบทัพจับศึกกับศัตรูก็เท่านั้น
คงไม่มีผู้ใดยอมเสียแรงเสียกำลังเลี้ยงดูสัตว์เทพเป็นหลายพันปีแล้วค่อยมาอาศัยสัตว์พันธสัญญากระมัง! ถึงยามนั้นก็คงจะสายเกินไปแล้ว
เกรงว่ามนุษย์ทั่วทั้งโลกของหงส์ ก็คงจะมีเพียงมู่เฉียนซีผู้เดียวกระมังที่ทำพันธสัญญากับหงส์ที่อายุน้อยถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ลงนามเลยแล้วกัน! นามว่าเสี่ยวโม่โม่ อายุหนึ่งปี”
อายุเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น เมื่อผู้คุมการลงสมัครได้ยินแล้วก็ตกตะลึงไปในทันที อย่างไรเสียการประลองในครานี้ก็ไม่ได้มีเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์กำหนดไว้ว่า ห้ามไม่ให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันอายุหนึ่งปีลงแข่ง มีเงื่อนไขเพียงหงส์ที่อายุต่ำกว่าห้าพันปีสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้เท่านั้น
เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น “ได้!”
เมื่อทำการลงสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้ไปรับแผ่นป้ายรูปทรงหงส์นิลมาหนึ่งแผ่น
“เมื่อได้หยดเลือดลงไปแล้ว การสมัครลงนามก็เป็นอันสมบูรณ์ ส่วนกำหนดการแข่งขันข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบอีกครา”
“ได้!”
เมื่อหยดโลหิตลงไปแล้ว การสมัครลงนามก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ไม่ได้ปฏิบัติกับมู่เฉียนซีไม่ดีแต่อย่างใด ในขณะที่ราคาที่พักอาศัยในเมืองโม่หวงนั้นสูงลิบลิ่วจนไม่อาจเอื้อมถึง เขาก็ได้เตรียมคฤหาสน์หลังโตให้มู่เฉียนซีพักอาศัยเป็นที่เรียบร้อย
นี่เป็นสินทรัพย์ส่วนตัวของเขาเอง
เพราะเขาก็ไม่ทราบว่าการแข่งขันในรอบแรกจะดำเนินไปนานถึงเมื่อใด และการแข่งขันในรอบตัดสินจะถูกกำหนดขึ้นเมื่อไหร่!
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “สาวน้อยมู่ ให้เฟิงเชียนพาเจ้าไปเดินเล่นดีหรือไม่?”
ผู้หญิงก็ล้วนชื่นชอบในสิ่งนี้กันทั้งสิ้น! เดินเล่นซื้อสิ่งของต่าง ๆ ล้วนเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป
มู่เฉียนซีกล่าว “นี่ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยเชิญข้าไปเดินเล่นหรือ แล้วเงินที่ใช้ซื้อของก็ค่อยมาเบิกทีหลังใช่หรือไม่?”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “ครั้งนี้เจ้าได้มาช่วยข้า! แน่นอนว่าเงินที่ใช้ซื้อของก็ต้องมาเบิกจากข้า! ไม่มีปัญหาแม่สาวน้อย”
ถึงแม้มู่เฉียนซีจะไม่สามารถคว้าอันดับสุดท้ายเอาไว้ได้ ทว่านางก็สามารถคว้าอันดับที่ไม่เลวไว้ได้ และเป็นประโยน์ต่อชื่อเสียงและความนิยมของเมืองโม่เฟิงของพวกเขาอีกด้วย
ดังนั้นเจ้าเมืองโม่เชวี่ยไม่มีทางตระหนี่ถี่เหนียวอย่างแน่นอน!
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานนัก เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ต้องรู้สึกเสียใจที่ได้กล่าวเช่นนั้นไปในทันที
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นอย่างยิ่ง “เช่นนั้นก็ขอขอบคุณในน้ำใจของท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยมาก”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “เฟิงเชียน เจ้าต้องดูแลแม่นางมู่ให้ดีเข้าใจหรือไม่?”
เฟิงเชียนกล่าว “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
โม่เฟิงเชียนพามู่เฉียนซีไปเดินเลือกเสื้อผ้าอาภรณ์ และยังมีของเล่นชนิดต่าง ๆ อีกมากมาย มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าว “เมืองโม่หวงค้าขายสิ่งของเหล่านี้เท่านั้นหรือ ไม่มียาลูกกลอนหรือสมุนไพรวิญญาณหรืออย่างไร?”
“เจ้าต้องการซื้อยาลูกกลอนหรือ?” โม่เฟิงเชียนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“ยาลูกกลอนราคาสูงลิ่ว ถึงแม้ว่าท่านพ่อของข้าจะเป็นถึงท่านเจ้าเมือง ก็ยังไม่อาจหาซื้อได้อย่างซี้ซั้วเลย!” นางเกรงว่ามู่เฉียนซีจะแก้แค้นนางโดยการจงใจซื้อยาลูกกลอนราคาแพง จนทำให้ตระกูลของพวกนางถังแตก
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ข้าไม่ได้บอกว่าจะซื้อยาลูกกลอนสักหน่อย! ข้าก็แค่อยากจะไปดูก็เท่านั้น!”
“เช่นนั้น เจ้า…เจ้าอย่าได้โกหกข้าเชียว!”
ครั้นเดินทางไปถึงร้านขายยาลูกกลอนและสมุนไพรวิญญาณ มู่เฉียนซีก็พบว่าสมุนไพรวิญญาณของโลกของหงส์นั้นราคาแพงเป็นอย่างยิ่ง ทว่าสมุนไพรวิญญาณที่มีอายุหมื่นปีขึ้นไปกลับถูกเสียจนไม่น่าเชื่อ
อย่างไรเสียสัตว์เทพก็มีอายุยืนนาน แท้จริงแล้วการที่มีอายุหมื่นปีขึ้นไปก็ไม่ได้นับว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เท่าใดนัก?
เช่นนี้นางก็มีทางหารายได้ได้แล้ว!
ซื้อ ซื้อ ซื้อ!
เมื่อโม่เฟิงเชียนเห็นสีหน้าที่ดูตื่นเต้นของมู่เฉียนซีแล้ว นางก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
โชคดีที่มู่เฉียนซีไม่ได้มุ่งไปทางยาลูกกลอนราคาสูงลิบลิ่วเหล่านั้น ทว่ากลับหันไปสนใจสมุนไพรราคาถูกแสนถูกเหล่านั้นแทน
มู่เฉียนซีกล่าว “ของเหล่านี้! ข้าขอทั้งหมดเลยก็แล้วกัน”
“ใส่ห่อให้ข้าเลย!”
“ตรงนี้ด้วย”
ถึงแม้นางจะต้องตาต้องใจกับสมุนไพรราคาถูกอยู่ไม่น้อย ทว่าการที่มู่เฉียนซีกว้านซื้อเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ก็ทำให้กระเป๋าเงินของโม่เฟิงเชียนเบาหวิวไปในชั่วพริบตาได้เช่นกัน
โม่เฟิงเชียนเบิกตาโพลง ผู้หญิงคนนี้ชักจะซื้อเก่งเกินไปแล้ว!
นี่…
นางอยากจะอาละวาดออกมาเสียประเดี๋ยวนั้น แต่ก็พบว่าเสี่ยวโม่โม่กำลังจับจ้องมาที่นางอย่างไม่ลดละ
ครั้นหวนนึกถึงตอนที่เสี่ยวโม่โม่สำแดงฤทธิ์ นางก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกไปแม้แต่คำเดียว
โม่เฟิงเชียนกล่าว “แม่นางมู่ เงินที่ข้าพกมาหมดกระเป๋าแล้ว หรือไม่…ค่อยมาซื้อพรุ่งนี้ใหม่ดีหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ใช้หมดแล้วหรือ? ข้ายังมีอีกนะ!”
การประลองในครั้งก่อนที่นางคว้าอันดับหนึ่งมาได้ นางก็ได้แลกของรางวัลเป็นผลึกวิญญาณหงส์ ยังเหลืออีกไม่น้อย
ผลปรากฏว่า โม่เฟิงเชียนได้เห็นมู่เฉียนซีนำเงินของตนเองออกมาใช้จนไม่เหลือหลออีกแล้ว
นี่มันบ้าชัด ๆ เงินที่มู่เฉียนซีใช้จ่ายในวันนี้ เป็นเงินที่นางสะสมมาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ได้เลยทีเดียว
มนุษย์ในดินแดนอื่น ๆ ล้วนใช้เงินมือเติบเช่นนี้จริง ๆ หรือ?
โม่เฟิงเชียนขอสาบานเลยว่า ต่อจากนี้ไปนางจะไม่พามู่เฉียนซีออกมาเดินเล่นอีกแล้ว
ถึงแม้เงินที่ใช้จะไม่ใช่ของนางเอง ทว่านางก็รู้สึกเจ็บปวดใจแทนเป็นอย่างยิ่ง ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เมื่อกลับไปรายงานค่าใช้จ่ายกับเจ้าเมืองโม่เชวี่ยฟัง เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็รู้สึกเจ็บปวดใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ที่เขาได้พบเจอคนที่ใช้เงินมากมายเช่นนี้ เขาแทบจะหมดตัวอยู่แล้ว!
.
.