ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1618 จื่อโยวเดาถูก
ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยนึกถึงวาจาห้าวหาญที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทว่า ตอนนี้เขาอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออกเสียแล้ว!
“นี่เจ้าบอกว่านางกว้านซื้อสมุนไพรวิญญาณไปมากมายอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่เจ้าค่ะ! จะซื้อสมุนไพรวิญญาณมากมายเช่นนั้นไปด้วยเหตุใดกัน? คงไม่ได้ของดีไปร้อยทั้งร้อยเป็นแน่ ช่างสุรุ่ยสุร่ายสิ้นเปลืองเงินทองยิ่งนัก! แถมยังซื้อไปเยอะแยะมากมายถึงเพียงนี้อีก” โม่เฟิงเชียนกล่าวด้วยความฉงนสงสัย
“ซื้อสมุนไพรวิญญาณไปมากมายเพียงนั้น หรือว่า…” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยมีความคิดที่กล้าหาญความคิดหนึ่งขึ้นมา
“ข้าอยากจะไปคุยกับนางสักหน่อย!”
ครั้นแล้วโม่เชวี่ยก็รีบไปหามู่เฉียนซีด้วยความลุกลี้ลุกลน
มู่เฉียนซีที่กระเป๋าว่างเปล่า ในตอนนี้ก็กำลังคิดหาทางขายยาลูกกลอน สมุนไพรวิญญาณในโลกของหงส์มากมายเหลือคณานับถึงเพียงนี้ แถมยังราคถูกเป็นอย่างมาก จะไม่กวาดซื้อมาให้หมดได้อย่างไรกันล่ะ!
หากจะขายยาลูกกลอนก็ต้องไปปรึกษากับท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ย เช่นนี้จะเป็นการดีที่สุด
ก๊อก ๆ ๆ! พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาทันที
“แม่นางมู่ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้าสักหน่อย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เข้ามาเถิด! ข้าก็มีเรื่องจะพูดคุยกับท่านอยู่พอดีเช่นกัน”
“อืม!”
เมื่อท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยเดินเข้ามา มู่เฉียนซีก็เอ่ยปากกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านมีช่องทางในการขายยาลูกกลอนบ้างหรือไม่?”
“ช่องทางการขายยาลูกกลอน? หรือว่าแม่นางมู่ยังมียาลูกกลอนอีกมากมายอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถูกต้อง!”
ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “ช่องทางข้ามีแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าแม่นางมู่มียาลูกกลอนอันใด?”
“ท่านก็ดูเอาเองเถอะ!”
มู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนออกมาส่วนหนึ่ง เมื่อท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยได้เห็น ก็ถึงกับต้องเบิกตาค้างด้วยความตกใจ
“นี่มัน…มากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ…”
และเมื่อเขาเปิดขวดยาออกมาดู เขาก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจว่า “นี่มันไม่ใช่…นี่มันไม่ใช่ยาขั้นสวรรค์นี่…”
เขากล่าวต่อด้วยความตื่นเต้นว่า “นี่มันยาขั้นศักดิ์สิทธิ์!”
ยากมากกว่าที่ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยจะตั้งสติและทำให้ตัวเองใจเย็นลงได้ เขามองมู่เฉียนซี ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “เจ้าเป็นนักปรุงยา!”
คนธรรมดา ๆ ทั่วไปจะเอายาลูกกลอนมากมายถึงเพียงนี้ออกมาได้อย่างไรกัน
เผ่าสัตว์เทพมีน้อยมากที่จะสามารถหลอมยาออกมาได้ ยาลูกกลอนของพวกเขาล้วนแต่มาจากนักปรุงยาที่เป็นมนุษย์ทั้งสิ้น
อย่างไรเสีย ในโลกของหงส์ก็มีมนุษย์นักปรุงยาอยู่น้อยมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ยาลูกกลอนมีราคาแพงสูงลิบลิ่ว
มู่เฉียนซียอมรับโดยตรง “ใช่! ข้าเป็นนักปรุงยา! “ท่านเอายาลูกกลอนเหล่านี้ไปขายให้ข้าหน่อย กำไรส่วนแบ่งข้าจะแบ่งให้ท่านสิบส่วน”
“หากท่านทำให้ข้าพอใจได้ ข้าจะหลอมยาลูกกลอนให้ท่านหนึ่งเม็ดโดยเฉพาะ ยาลูกกลอนเลื่อนขั้นให้เป็นสัตว์เทพ เป็นเช่นไร?”
คิดจะให้คนเจ้าเล่ห์เช่นนี้ทำงานให้นางอย่างตั้งอกตั้งใจ นางต้องเอาของมาล่อตาล่อใจเขาสักหน่อย!
“เลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพ!” ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง
สถานการณ์ของเผ่าหงส์ของพวกเขาในตอนนี้ การเลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพนั้นได้กลายเป็นเรื่องเพ้อฝันสำหรับพวกเขาไปแล้ว เว้นแต่จะมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมจริง ๆ
แต่พรสวรรค์ของเขานั้นธรรมดา ยิ่งนัก คาดว่าต่อให้เขาต้องแก่ตายก็ไม่มีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพได้อย่างแน่นอน
เดิมทีพวกเขานั้นคือสัตว์เทพมาตั้งแต่กำเนิด แต่การที่พวกเขาตกต่ำมาถึงขั้นนี้นั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ฉะนั้น ท่านรีบคิดหาทางทำเงินให้ข้าให้ได้มาก ๆ เร็วเข้า”
โม่เชวี่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “แน่นอนอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว!”
เดิมทีโม่เฟิงเชียนคิดว่าท่านพ่อของตนเองจะไปคิดบัญชีกับมู่เฉียนซี ไม่นึกเลยว่า เมื่อท่านพ่อของนางกลับมา จะแสดงอาการดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้
นี่มู่เฉียนซีให้ท่านพ่อของข้าดื่มยาหลงใหลอันใดแน่!
ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าว “เฟิงเชียน เจ้าห้ามล่วงเกินแม่นางมู่เป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”
โม่เฟิงเชียนกล่าว “ข้าจะกล้าล่วงเกินนางได้อย่างไรกันเล่า ขอแค่นางอย่าได้รังแกข้าก็พอ”
เมื่อการประลองเริ่มต้นขึ้น ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ไปเชิญมู่เฉียนซีให้มาเข้าร่วม แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ไป ข้ามีเรื่องต้องจัดการ”
เมืองหลวงโม่หวงเป็นศูนย์กลางรวบรวมข่าวสาร ผู้ที่ซื้อยาลูกกลอนจะถูกบันทึกชื่อเอาไว้ มู่เฉียนซีเดินซื้อสมุนไพรวิญญาณพลางสืบหาข่าว
ข่าวสารหลายอย่างส่วนมากก็ตรงตามที่ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยบอก คลังสมบัติของเผ่าหงส์ มีอยู่สามแห่ง
หอหลอมอัสนี สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ และสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
ได้ยินมาว่าคลังสมบัติของเผ่าหงส์นั้นได้รับการดูแลปกป้องจากเผ่าหงส์ของพวกเขามาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว เป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด
และสิ่งนี้ยิ่งทำให้มู่เฉียนซีมั่นใจมากขึ้นว่า ที่นั่นจะต้องมีคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่แน่นอน
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้พลังของสุ่ยจิงอิ๋งยังไม่ฟื้นฟูกลับมาแล้วละก็ นางคงจะรีบให้จิ่วเยี่ยมาหาและบอกข่าวดีนี้ให้เขาได้รับรู้
…
“เยี่ย! ตำแหน่งที่ตั้งของเผ่าหงส์ได้รับการยืนยันแล้ว เจ้าจะไม่ไปสักหน่อยเหรอ แม้ว่าจะไม่ได้ข่าวของคนงาม แต่นางไม่มีทางมีอันตรายแน่นอน เจ้าจัดการเรื่องคำสาปนั้นให้ได้ก่อนเถอะ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วก็จะได้…ฮี่ ๆ ๆ”
จื่อโยวยิ้มอย่างมีเลศนัย!
ปัง! ใครจะไปคิดว่าเขาจะถูกจิ่วเยี่ยลงมืออย่างไร้ความปรานี
“หาตัวนางไม่เจอยังมีหน้ากลับมาอีก!”
จื่อโยวเอามือปัดเสื้อผ้าที่เปื้อนพลางกล่าวว่า “นี่ข้าก็มีเรื่องสำคัญมารายงานแล้วไม่ใช่หรือไง นึกไม่ถึงเลยว่าเผ่าหงส์จะถูกเผ่าเทพปิดผนึกเอาไว้ คนนอกเข้าไปก็จะเกิดความเคลื่อนไหวถูกค้นพบจนเจอ! เยี่ย เจ้าไม่ไปตอนนี้ก็ดีแล้ว ขอข้าคิดวางแผนให้รอบคอบก่อน”
“อีกอย่างตามที่สายข่าวของข้ารายงานมา เผ่าหงส์ปล่อยข่าวออกมาเองเลยว่ามีคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ในสถานที่สามแห่งนั้น หอหลอมอัสนี สุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ และสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์! สถานที่เหล่านี้จะฝืนบุกเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด! ข้าได้ยินมาว่าหอหลอมอัสนีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เราฉวยโอกาสนี้แฝงตัวเข้าไป เยี่ย จะยื้อเวลาไม่ได้อีกแล้วนะ”
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้ารับปากซีเอาไว้แล้ว หากหาเจอ เราจะไปด้วยกัน!”
การไปในครั้งนี้มีอันตรายมาก เขาอยากเห็นหน้าซีก่อน
“ไม่แน่คนงามอาจจะอยู่ที่นั่นก่อนเจ้าแล้วก็ได้! ข้าว่าเราลองไปดูกันดีกว่า!” จื่อโยวมองจิ่วเยี่ยพลางกล่าว
จื่อโยวเดาถูกแล้ว แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้จิ่วเยี่ยไม่เชื่อเขา เขาเพียงแค่พูดผ่าน ๆ ไปเช่นนั้น คำพูดของเขาจึงไม่มีน้ำหนักมากพอ!
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว!” กล่าวจบ ร่างในชุดดำก็ได้อันนตรธานหายไปต่อหน้าจื่อโยวทันที
เขารับรู้ได้ว่าพลังของสุ่ยจิงอิ๋งฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องรออีกสักหน่อย
พลาดโอกาสที่หอหลอมอัสนีเปิดก็ไม่เป็นไร อดทนเอาไว้ก่อน!
ส่วนจื่อโยวตอนนี้แทบจะเอาหัวโขกกำแพงแล้ว สองมือกอดเสาร้องไห้พลางเพ้อรำพันว่า “คนงาม เจ้าอยู่ที่ไหนกันนะ! ฮือ ๆ ๆ!”
…
หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่วัน โม่เชวี่ยก็มาหามู่เฉียนซีและกล่าวว่า “การประลองแรกจบลงแล้ว! นี่คือรายชื่อที่ข้ารวบรวมมาได้ เว้นเสียจากพวกคนที่รับมือยาก ข้ารวบมาได้หมดแล้ว”
เก็บรวบรวมข้อมูลศัตรูมาได้อย่างละเอียดมาก รายชื่อ อายุ และทักษะกระบวนท่าไม้ตาย
อย่างไรเสียในโลกของหงส์นี้ มู่เฉียนซีก็เคยประมือสู้รบกับโม่เฟิงเชียนเท่านั้น ยังไม่เคยได้ประมือสู้รบกับคนอื่น
นางไม่มีทางประเมินศัตรูต่ำไปเด็ดขาด ดังนั้นจึงตั้งอกตั้งใจอ่านข้อมูลเหล่านี้เป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีวิเคราะห์ศัตรูอย่างตั้งอกตั้งใจ สิ่งนี้ทำให้ท่านเจ้าเมืองโม่เชวี่ยโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง เขาคิดว่าคนเย่อหยิ่งอย่างมู่เฉียนซีจะดูถูกเรื่องเหล่านี้เสียอีก
หลายวันที่ผ่านมานี้โม่เฟิงเชียนก็ได้ดูการประลองในเบื้องต้นนี้ หลังจากดูจบนางก็นิ่งสงบลงไปไม่น้อย
แม้จะเป็นเพียงแค่การประลองในเบื้องต้น คาดว่าพวกนางจะไม่ผ่านด่าน แต่ก็ได้เห็นว่าพวกนางมีความแข็งแกร่งเช่นไร
ผู้ที่เข้ารอบสุดท้าย มีคนของเผ่าหงส์สิบคนที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ และมู่เฉียนซีก็เป็นหนึ่งในนั้น
จากนั้นก็มีอีกสิบคน ทั้งหมดรวมกันเป็นยี่สิบคน
มู่เฉียนซีได้รับข่าวจากป้ายคำสั่งของเสี่ยวโม่โม่ บนป้ายคำสั่งนั้นปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่งและกำลังพูดอยู่
“การตัดสินจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่ง ครั้งนี้เผ่าหงส์นิลของเราได้รับสิทธิ์เข้าไปในหอหลอมอัสนีเพียงแค่สี่คนเท่านั้น! นั่นหมายความว่า ต่อไปการประลองของทั้งยี่สิบคนจะต้องได้สี่อันดับแรกถึงจะมีสิทธิ์เข้าไป”
“เตรียมตัวให้พร้อม! วันพรุ่งจะต้องทำให้ได้ ขวงจวิ้นอ๋องจะเป็นผู้ตัดสินด้วยตัวเอง ทำให้เต็มที่ล่ะ”
.