ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1619 ไม่มีมองในแง่ดีเลย
เมื่อเจ้าเมืองโม่เชวี่ยได้ยินก็ผงะไปครู่หนึ่ง “สิทธิ์มีสี่ที่! ไม่คาดคิดเลยว่าจะเหลือจำนวนสิทธิ์เพียงแค่สี่ที่เท่านั้น”
“ไม่คิดเลยว่าเผ่าหงส์นิลของพวกเราจะตกระกำลำบากจนถึงเพียงนี้ เดิมทีข้าคิดว่า อย่างน้อยที่สุดก็มีสิทธิ์สักห้าที่ถึงจะถูก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สิทธิ์แค่สี่ที่อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นหนึ่งในสี่ที่ของจำนวนสิทธิ์นี้ ข้าจำเป็นต้องเอามาไว้ในมือให้ได้”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าแม่นางมู่จะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน”
เช้าตรู่วันที่สาม เจ้าเมืองโม่เชวี่ยจึงมาหามู่เฉียนซี และบอกกับมู่เฉียนซีว่าจะต้องไปที่สนามแข่งขันแล้ว
เนื่องจากว่าเป็นการแข่งขันระหว่างสัตว์เทพ เช่นนั้นการป้องกันของสนามแข่งขันจึงมีความแข็งแกร่งสูงมาก และมีความกว้างขวางมาก อีกทั้งยังอยู่บนอากาศอีกด้วย
มู่เฉียนซีและคนอื่น ๆ เริ่มออกเดินทาง เมื่อมาถึงใต้สนามแข่งขัน ก็จะเห็นว่าผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมที่มาดูการแข่ง ต่างต้องแยกกันไปคนละทิศคนละทาง
โม่เฟิงเชียนมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “อย่าแพ้ล่ะ!”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวด้วยความโมโห “นายท่านไม่มีทางแพ้! ไม่แพ้อย่างแน่นอน ข้าจะช่วยให้นายท่านทำให้พวกนั้นพ่ายแพ้ มาหนึ่งคนจัดการหนึ่งคน มาสองคนก็จัดการทั้งคู่เลย!”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่า เสี่ยวโม่โม่กำลังมุ่งไปในทิศทางของความรุนแรงเสียแล้ว
การที่นางมอบให้พ่อฝึกหัดทั้งสองอบรมสั่งสอน มันช่างเป็นเรื่องที่อันตรายเสียจริง
เสี่ยวโม่โม่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน พวกเราขึ้นไปกันเถอะ!”
ตำแหน่งของสนามแข่งขันนั้นค่อนข้างดีมาก แต่การใช้พลังวิญญาณในการบินขึ้นไปโดยตรงมันก็ค่อนข้างที่จะเปลืองพลังอยู่สักหน่อย
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมหรือผู้เข้าแข่งขัน ทุกคนต่างก็ต้องแปลงเป็นร่างดั้งเดิมแล้วบินขึ้นไปทั้งนั้น
ในส่วนของมนุษย์ แน่นอนว่าจะต้องให้สัตว์พันธสัญญาพาพวกเขาพาบินขึ้นไปพร้อมกัน
มู่เฉียนซีอยู่บนหลังของเสี่ยวโม่โม่ จากนั้นจึงให้เสี่ยวโม่โม่บินขึ้นไปทางสนามการแข่งขัน
มีหงส์นับหมื่นโบยบินอยู่กลางท้องฟ้า และหงส์อีกนับพันที่กำลังสยายปีก ฉากตรงหน้านี้ เป็นภาพงดงามที่ไม่มีทางจะเห็นได้โดยทั่วไปอย่างแน่นอน
ทันทีที่มู่เฉียนซีร่อนลงบนพื้น นางก็ต้องต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งเสียแล้ว
“เจ้าคือคนผู้นั้น มนุษย์ที่ผูกพันธสัญญากับหงส์แรกเกิดเพื่อใช้ช่องทางพิเศษของมนุษย์ใช่หรือไม่?”
ข่าวของผู้เข้าแข่งขัน ขอเพียงแค่มีอำนาจและมีเบื้องหลังก็ยิ่งสอบถามได้ไม่ยาก ไม่ใช่ว่านางได้รับข้อมูลมาจำนวนหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่นางมาถึงเมืองหลวงโม่หวงก็ไม่เคยติดต่อกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นมาก่อน ไม่คาดคิดเลยว่านางที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน จะมีข่าวลือเช่นนี้ได้
“ผู้หญิงคนนั้นดูแล้วอายุยังน้อยอยู่เลย ท่าทางก็ดูอ่อนแอมากอีกด้วย”
“ก็ใช่ไหมล่ะ? หากนางเอาหงส์น้อยตัวนั้นเข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือก ข้าต้องเอาชนะนางได้อย่างแน่นอน! รายชื่อหนึ่งในสิทธิ์จำนวนยี่สิบคนนั้นจะต้องเป็นของข้าอย่างแน่”
“……”
ไม่ได้มีเพียงผู้ชนะที่มีข้อคิดเห็นต่อนาง แต่ผู้แพ้ที่ถูกคัดออกเหล่านั้นก็ยังไม่พอใจอีกด้วย!
กฎเกณฑ์นี้ อันที่จริงแล้วไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าพูดคำนี้ออกมา มีปัญหาสินะ! ข้าจะเป็นคนเอาจำนวนสิทธิ์ทั้งสี่ที่นั้นเพื่อเข้าหอหลอมอัสนีมาเอง”
ชายที่สวมชุดจิ้นจวงสีดำที่อยู่เบื้องหน้าคนหนึ่งกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าหยิ่งผยองมากเสียจริง! มีผู้คนอยู่มากมายที่นี่ ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนเจ้า! ที่พาหงส์น้อยแรกเกิดตัวนั้นมา เจ้าคิดว่าจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงเยาะเย้ยว่า “ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องให้เสี่ยวโม่โม่ช่วยเหลือ!”
ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณจะไม่มีทางที่จะคุกคามพวกเขาได้ แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับแสดงความกดดันทางจิตวิญญาณกับคนผู้นี้แทน
พลังจิตวิญญาณที่ท่วมท้นพุ่งโจมตี ทำให้เขาตะลึงงันไปโดยสมบูรณ์
พลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากเช่นนี้ ทำให้ในขณะนี้เขารู้สึกว่าพลังจิตวิญาณของตนเองนั้นกำลังสั่นสะท้านอยู่
ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่เผ่าหงส์ พวกเขาก็ถือว่าเป็นเพียงแค่ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่หลังจากที่ใช้ชีวิตมาหลายพันปี ไม่คาดคิดว่าพลังจิตวิญญาณจะเทียบไม่ได้กับมนุษย์ที่เป็นเพียงแม่นางน้อยที่มีอายุสิบกว่าปีผู้นี้
ปัง!
โม่ฝูเฉี่ยถอยหลังไปหลายก้าว และมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ อีกทั้งยังมีสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยอีกด้วย
“เจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทางที่ดีที่สุดเจ้าภาวนาขอให้ตนเองนั้นโชคดีสักหน่อย และขอให้อย่าได้มาเจอกับข้า! ไม่เช่นนั้นคงจะน่าเสียดายแย่เลย”
โม่ฝูเฉี่ยตอบกลับมาว่า “เจ้าเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น เพียงแค่มีพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งกว่าหน่อยเท่านั้นเอง! หากเจ้ามาพบกับข้า ก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยแน่!”
“เช่นนั้น ไว้มาคอยดูกันเถอะ!”
ในเวลานี้ ท้องฟ้าก็พลันมืดลงทันที
พลังวิญญาณที่อยู่ในอากาศ ทำให้เกิดความรู้สึกบิดเบี้ยวปรากฏขึ้น และมีพลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีอย่างรุนแรง
สัตว์เทพ! นี่คือพลังของสัตว์เทพ
“ขวงจวิ้นอ๋องมาแล้ว”
“คารวะขวงจวิ้นอ๋อง”
“…..”
ผู้คนมากมายต่างก้มศีรษะลงต่ำในอากาศเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ
ทันใดนั้นเงาดำที่ปกคลุมท้องฟ้าก็จางหายไป และทันใดนั้นก็มีร่างเงาสีดำปรากฏขึ้นอยู่เหนือที่นั่งตรงชั้นของผู้ชมบนสนามการแข่งขัน
ลักษณะใบหน้าของเขามีมิติ เมื่อมองดูแล้วเหมือนคนที่อายุราวสามสิบปี และรู้สึกถึงพลังที่กดดัน!
สายตาของเขากวาดไปที่ผู้คนในสนามการแข่งขัน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่หรูหราตัวหนึ่ง และนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบ ทำให้คนที่อยู่ในงานแข่งขันต่างก็ไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาสักคำ
มู่เฉียนซีได้แต่พึมพำอยู่ภายในใจ ผู้นี้ก็คือขวงจวิ้นอ๋อง
เป็นผู้ที่แข็งแกร่งอันดับสองของทั่วทั้งเผ่าหงส์นิล ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ราชาหงส์นิลเท่านั้น
อีกทั้งยังได้ยินข่าวมาว่าราชาหงส์นิลอายุมากแล้ว และอาการบอบช้ำภายในก็ยังไม่หายสนิท บวกกับที่เขาไม่มีทายาท จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าขวงจวิ้นอ๋องจะได้กลายเป็นราชาของเผ่าหงส์นิลคนต่อไป
ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ก็มีคนกำลังพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของขวงจวิ้นอ๋อง จากนั้นขวงจวิ้นอ๋องก็ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น
“ถึงเวลาแล้ว! เริ่มการแข่งขันได้! นี่เป็นการแข่งขันแบบตัวต่อตัว สนามการแข่งขันเทียนเฟิงจะเป็นผู้สุ่มคู่ต่อสู้ให้กับพวกเจ้า!”
“หวังว่าเผ่าหงส์นิลรุ่นใหม่ จะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง!”
“การแข่งขันครั้งนี้ จะคัดเลือกเพียงสี่คน เพื่อไปที่หอหลอมอัสนี! คนหนุ่มสาวทั้งหลาย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องต่อสู้กันอย่างสุดกำลัง! หากพลาดโอกาสในครั้งนี้ พวกเจ้าจะต้องรอกันอีกสามร้อยปี”
ครืน!
พลันนั้นก็มีเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นดังออกมาจากพื้น
สนามแข่งขันเทียนเฟิงเริ่มสั่นไหวขึ้นมา สนามการแข่งขันที่อยู่กลางอากาศนี้ราวกับหงส์ที่กำลังสยายปีกออกอย่างไรอย่างนั้น และทั้งหมดก็ถูกแบ่งออกเป็นสิบส่วน
ถึงแม้ว่าจะถูกแบ่งออกเป็นสิบ แต่สนามการแข่งขันหนึ่งส่วนนั้นก็ยังคงใหญ่มากอยู่ดี
และช่างเป็นเรื่องที่ประจวบเหมาะพอดีของมู่เฉียนซี ที่ได้เจอกับเขาคนนั้นที่รู้สึกไม่พอใจนางก่อนหน้านี้
แผ่นป้ายหงส์นิลของทั้งสามคนลอยขึ้นไปในอากาศ และแสดงชื่อของพวกเขาขึ้นมาตามลำดับ
โม่ฝูเฉี่ย มู่เฉียนซี และเสี่ยวโม่โม่
ในส่วนของคนอื่น ที่เผชิญหน้ากับหงส์และเจ้านายที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ช่างให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
โม่ฝูเฉี่ยผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เมื่อต้องเผชิญกับสองคนนี้ ก็เหมือนเผชิญกับคนคนเดียวอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นคนอื่น ๆ จึงทั้งอิจฉาและหมั่นไส้เขาไปตาม ๆ กัน
“ความสามารถของโม่ฝูเฉี่ยเป็นที่หนึ่งในรอบคัดเลือก! สาวน้อยคนนี้ เจอปัญหาใหญ่แล้วล่ะ!”
“พาหงส์น้อยแรกเกิดตัวหนึ่งมาเข้าร่วมการแข่งขัน นี่ทำให้การแข่งขันที่สมบูรณ์แบบกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปเสียแล้ว!”
“ก็ใช่นะสิ เสียจำนวนสิทธิ์เข้ารอบชิงชนะเลิศไปโดยเปล่าประโยชน์ที่หนึ่งเลย”
บนที่นั่งของผู้ชม ผู้คนต่างพากันซุบซิบกันอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีใครมองมู่เฉียนซีในแง่ดีเลยสักคน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ กลับไปพักผ่อนที่ห้วงมิติก่อน!”
“แต่ว่าข้าอยากที่จะช่วยเจ้านายนี่น่า! ฮื่อๆๆ!”เสี่ยวโม่โม่กล่าวอย่างน่าสงสาร
“ตอนนี้ยังไม่ได้นะสิ! ข้าจะรอให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น” มู่เฉียนซีกล่าว
“ได้เจ้าค่ะ!”
เมื่อรู้ว่าตัวเองรู้สึกจิตตกมากเกินไปแล้ว เสี่ยวโม่โม่เลยกลับไปที่ห้วงมิติอย่างว่าง่าย
“นางนำหงส์น้อยผู้ผูกพันธสัญญาปล่อยกลับไปที่ห้วงมิติแล้ว”
“ไม่ปล่อยกลับไป แล้วจะไปสามารถทำอะไรได้ล่ะ? ตัวเล็กเพียงเท่านั้น นอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วยังถ่วงแข้งถ่วงขาเสียอีก”
“ไม่มีข้อได้เปรียบอะไรสักนิด แล้วยังต้องมาเผชิญหน้ากับโม่ฝูเฉี่ยที่จัดการได้ยากอีก ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะชนะเลยแม้แต่นิดเดียว!”
มู่เฉียนซีใช้สิทธิ์พิเศษในการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศมาโดยตรง แต่ผลลัพธ์กลับไม่ใช้สัตว์พันธสัญญาในการต่อสู้ จะต้องแปลกประหลาดมากอย่างแน่นอน
ในเวลานี้สีหน้าของจวิ้นอ๋องโม่หลิ่วขวงเคร่งขรึมขึ้น “ไม่คิดเลยว่า กฎเกณฑ์ที่ข้าออกไปนี้ จะเป็นช่องโหว่ให้คนนำมาใช้เช่นนี้ได้”
“เรื่องนั้นข้าน้อยก็คิดไม่ถึงมาก่อน ว่าจะมีคนยินยอมที่จะผูกพันธสัญญากับหงส์น้อยแรกเกิด และก็ไม่รู้ด้วยว่าเจ้าหงส์น้อยตัวนั้นมีอะไรพิเศษอยู่บ้าง” คนที่อยู่ข้างกายของเขากระซิบขึ้นเสียงแผ่วเบา