ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 162 ชื่อของข้า
ฮองเฮา “ซีเอ๋อร์รีบไปเสียจริง ตำหนักเฟิงหลวนของข้าเงียบเหงาเหลือเกิน เจ้าอยู่อีกสักคืนแล้วค่อยไปได้ไหม ?”
มู่เฉียนซีบ่นอยู่ในใจว่าถ้าหากคืนนี้นางอยู่ต่อจริง ๆ คงไม่สามารถรับประกันได้ว่าฮองเฮาจะไม่ละเมอมาฟันนางตาย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างสุภาพ “ขอบพระทัยองค์ฮองเฮาสําหรับการต้อนรับเจ้าค่ะ แต่ข้ามู่เฉียนซีมีเรื่องต้องจัดการจริง ๆ”
ดวงตาอ่อนโยนของฮองเฮาหลุบต่ำลงเล็กน้อย กล่าวอย่างเศร้าสลด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่รั้งเจ้าไว้ องครักษ์เข้ามา ส่งซีเอ๋อร์ออกจากวัง”
“ขอรับ”
มู่เฉียนซีถูกส่งตัวไปที่ประตูโดยองครักษ์ของตําหนักเฟิงหลวน ทันใดนั้นนางเห็นเงาร่างสีขาวพระจันทร์พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางตะลึงงัน “ชิงอวิ๋น เจ้ามาทําอะไรที่นี่ ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเห็นมู่เฉียนซีปลอดภัยดี เขาหันไปกล่าวกับขันทีที่นําทางมู่เฉียนซี “พวกเจ้าไปได้แล้ว ข้าจะส่งผู้นําตระกูลมู่กลับไปยังจวนสกุลมู่เอง”
“แต่องค์ฮองเฮาต้องการให้พวกข้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้ากลับไปรายงานเถอะ ข้าจะไปกับอวิ๋นอ๋อง” จากนั้นนางเดินไปหาซวนหยวนชิงอวิ๋น ทิ้งให้กงกงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปรายงานฮองเฮา
มู่เฉียนซีถามขึ้น “ชิงอวิ๋นเจ้าเป็นอะไรไปหรือ ? ดูเหมือนว่าเจ้าเครียด”
เวลานี้รอบกายทั้งสองไร้วี่แววคนอื่น ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าว “เฉียนซี กับฮองเฮาเจ้าต้องระวังตัวให้มาก แท้จริงฮองเฮาไม่ได้เก็บเนื้อเก็บตัวอย่างที่เห็น เกรงว่านางจะเป็นบุคคลน่ากลัวที่สุดในวังหลวง”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นที่เมินเฉยมาโดยตลอด ยามนี้แสดงสีหน้าหวาดหวั่นไม่ปกปิด
มู่เฉียนซี “ชิงอวิ๋นเจ้าวางใจเถอะ ปัญหาขององค์ฮองเฮาเป็นเรื่องใหญ่นัก ข้าไม่มีทางถูกภาพลักษณ์ภายนอกของนางทำให้สับสนได้แน่”
ในที่สุดสีหน้าซวนหยวนชิงอวิ๋นก็ผ่อนคลายลง นางกล่าว “อืม… ซีเอ๋อร์เป็นถึงท่านผู้นำตระกูลมู่ ไม่ใช่เรื่องยากที่ดวงตาของเจ้าจะมองได้ทะลุปรุโปร่ง”
มู่เฉียนซีถามขึ้นว่า เจ้ามาที่พระราชวังยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกหรือไม่ ? หากไม่มี พวกเรากลับกันเถอะ”
“ได้” ซวนหยวนชิงอวิ๋นพยักหน้า
เมื่อพวกเขาทั้งสองเดินออกจากพระราชวัง กําลังจะขึ้นรถม้าตระกูลมู่ หางตามู่เฉียนซีเหลือบไปเห็นแขกไม่ได้รับเชิญอยู่บนรถม้าของนาง ไม่เจอกันนานเขายังคงเหมือนเคย เสื้อคลุมสีดําห่อหุ้มร่างกายสูงยาวของเขา เขานอนอย่างเกียจคร้านอยู่ในรถม้า ดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกจ้องมองซวนหยวนชิงอวิ๋นอย่างไม่ร้อนรน
มู่เฉียนซีเคยชินกับความลึกลับซับซ้อนของจิ่วเยี่ยแล้ว นางยิ้มบาง ๆ พลางกล่าวเรียกเขาเบา ๆ เป็นเชิงทักทาย
“จิ่วเยี่ย”
ม่านตาซวนหยวนชิงอวิ๋นหดเล็กลง เขาเห็นจิ่วเยี่ยปรากฏตัวในรถม้าของมู่เฉียนซี การปรากฏตัวนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อเขา เขากล่าวอย่างตระหนก “น้องเก้า!”
จิ่วเยี่ยดูเหมือนจะไม่เห็นซวนหยวนชิงอวิ๋น เขาทำเฉยก่อนจะดึงมู่เฉียนซีเข้าไปในรถม้า กอดนางไว้ในอ้อมแขน กล่าวอย่างเย็นชา “ว่าที่พระชายาข้า ข้าปกป้องเองได้ ไม่จําเป็นต้องมีผู้ไม่เกี่ยวข้องก้าวเข้ามา”
ทันใดนั้น ไอสังหารเย็นยะเยือกห่อหุ้มร่างซวนหยวนชิงอวิ๋นไว้ ซวนหยวนชิงอวิ๋นรู้สึกเหมือนว่าเลือดของเขาถูกแช่แข็ง หัวใจของเขาค่อย ๆ สั่น ชายชุดดำที่เขาเรียกว่า ‘น้องเก้า’ ผู้นี้น่ากลัวกว่าที่คิดไว้มากนัก
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกําหมัดแน่น “เฉียนซีเป็นเพื่อนข้า และยังเป็นคู่หมั้นของเจ้า น้องเก้า ข้าไม่ใช่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง”
ดวงตาจิ่วเยี่ยส่องประกายอันตราย ม่านรถถูกลมพัดผ่านขวางกั้นสายตาซวนหยวนชิงอวิ๋นไว้
“ไป!”
“ดี! ไปกันเถอะ” มู่เฉียนซีรีบกล่าว นางเกรงว่าถ้าไม่รีบไปจะมีปัญหาเสียก่อน
“ชิงอวิ๋นข้าขอตัวก่อน ข้าไม่สามารถส่งเจ้าได้ เจ้าระวังตัวด้วย” มู่เฉียนซีกล่าวกับซวนหยวนชิงอวิ๋นอย่างรีบร้อน นางรู้ดีว่าจิ่วเยี่ยอันตรายเกินไป หากยังอยู่ต่อ เกรงว่าคงต้องลงมือกับชิงอวิ๋นเป็นแน่แท้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งให้ลุงหม่าออกรถ
ซวนหยวนชิงอวิ๋นมองรถม้าตระกูลมู่ที่ค่อย ๆ จากไปพลางรู้สึกเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่อยู่ในใจ การแต่งงานของเฉียนซีกับจิ่วเยี่ย ทุกคนล้วนทราบดีว่านั่นเป็นละครตลกที่ราชวงศ์ต้องการยืมเงิน เขารู้ว่ามู่เฉียนซีเองก็รู้สึกอย่างนั้น
แต่จิ่วเยี่ย… เขากลับคิดเป็นจริงเป็นจังแล้ว ไม่ใช่เพราะการหมั้นหมาย แต่เป็นเพราะเขาสนใจมู่เฉียนซีเป็นพิเศษ ทั้งยังมีความปรารถนาอย่างไร้เหตุผล
เฉียนซีเข้าใกล้ชายเช่นนี้อันตรายอย่างมาก ความห่วงใยเขาชัดเจน แต่เขาไม่มีศักยภาพมากพอที่จะแย่งนางมา
ภายในรถม้า ดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกสบตากับดวงตาสีดําสนิท จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงเข้ม “เขาบอกอะไรกับเจ้า ?”
มู่เฉียนซีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นก่อนจะกล่าวตอบ “ชิงอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรกับข้าเลย ข้ารู้ด้วยตัวข้าเอง เจ้าไม่ใช่ซวนหยวนจิ่วเยี่ย”
จิ่วเยี่ยโอบกอดมู่เฉียนซีแน่น ริมฝีปากขยับลงไปที่หูของนาง เสียงที่น่าดึงดูดดังเข้าหูนาง “อืม นามของข้าคือหวงจิ่วเยี่ย จงจําไว้ให้ดี”
มู่เฉียนซีกะพริบตาปริบ ๆ นางฉงนสงสัยนักจึงกล่าวถามไปว่า… “‘หวง’ รึ ?”
แซ่นี้หาได้ยากมาก
มู่เฉียนซียิ้ม “เจ้าบอกชื่อจริงของเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นเกี่ยวกับที่มาของเจ้า บอกข้ามาเสียเลยเถอะ”
“ข้าบอกเจ้าไป เจ้าก็ไม่สามารถไปได้ เมื่อเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอเจ้าจะรู้เอง”
มู่เฉียนซี “คําถามนี้ถ้าหากเจ้าไม่ตอบข้า เช่นนั้นบอกข้าอีกเรื่องสิ ซวนหยวนจิ่วเยี่ยตัวจริงอยู่ที่ไหนหรือ ?”
นางเคยสัญญากับชิงอวิ๋นว่าจะช่วยเขาถามจิ่วเยี่ยเกี่ยวกับเรื่องนี้
จิ่วเยี่ยรู้ทัน เขาหลบสายตา กล่าวถามนาง “เพื่อเขารึ ?”
“ข้าอยากจะฝ่าฝืนสัญญาให้เขาหายตัวไป” น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยเคร่งขรึมน่าหวาดกลัว
มู่เฉียนซีพูดอย่างคนจนปัญญา “จิ่วเยี่ย ชิงอวิ๋นเป็นเพื่อนข้า ข้าเพียงแค่ช่วยเพื่อนทําเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ข้าทําได้เท่านั้นเอง เจ้าก็เป็นเพื่อนข้า เช่นกัน แน่นอนว่าข้าจะช่วยเหลือเจ้า หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการ”
ในที่สุดแววตาแข็งกร้าวของ ‘จิ่วเยี่ย’ ก็อ่อนลง ยามใดที่จิ่วเยี่ยอันตราย ดีที่สุดคือต้องยอมตามคําพูดของเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้เขาทําเรื่องอะไรที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ ที่นางกล่าวไปใช่ว่านางจะไม่คิดจริงจัง นางให้ความสําคัญกับจิ่วเยี่ยอย่างมาก
ในแคว้นจื่อเยี่ยนางมิได้ให้ความสําคัญกับใครมากนัก แต่กับจิ่วเยี่ย นางยอมรับอยู่เนือง ๆ ว่าเขาเป็นคนสำคัญของนาง เหตุผลน่ะหรือ …นอกจากท่านอาเล็กและอาถิง จิ่วเยี่ยเป็นผู้ที่ช่วยเหลือนางหลายครั้งหลายครา
เห็นได้ชัดว่าคําพูดของมู่เฉียนซีทําให้จิ่วเยี่ยมีความสุข เขากล่าวตอบ “ซวนหยวนจิ่วเยี่ยอยู่ในนรก ข้าส่งเขาลงไปเอง”
จิ่วเยี่ยกล่าวประโยคนี้โดยไม่มีร่องรอยของเจตนาฆ่า ราวกับว่าเขานําเสนอข้อเท็จจริงทั่วไป ดูเหมือนเขาจะมีบางคำพูดที่มู่เฉียนซีไม่สามารถเข้าใจได้ เขาอธิบาย “ถ้าเขามีความแข็งแกร่งพอ เขาจะสามารถปีนออกมาจากนรกได้ แต่แน่นอนว่าถ้าไม่ เขาจะตายที่นั่น”
“นี่เป็นทางเลือกของตัวเขาเอง เจ้าพอใจกับคําตอบนี้หรือไม่ล่ะ ?” ซวนหยวนจิ่วเยี่ยเอ่ยถาม
มู่เฉียนซีพยักหน้า “อืม แม้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ชัดเจน ก็ยังถือว่าพอใจ”
โลกที่ต่างกันนี้ครอบคลุมหมดทุกอย่าง ที่เรียกว่านรก นั่นไม่ได้หมายความว่ามีเพียงตายแล้วเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
มู่เฉียนซีมั่นใจว่าไม่จําเป็นต้องตายก็ลงนรกได้ ที่นั่นถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อันตรายมาก
“เจ้าพอใจแล้ว เช่นนั้นจะขอบคุณข้าอย่างไร ?” ดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกจับจ้องใบหน้างดงามของมู่เฉียนซี
.