ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1620 สถานะที่แข็งแกร่งที่สุด
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “พลังในการสู้รบของเจ้าหงส์นิลน้อยที่ยังไม่ได้ฝึกฝนนั่นยังเป็นศูนย์ คงจะไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ! แต่คาดว่ามนุษย์ผู้นั้นจะมีความเชื่อมั่นในตนเองเสียมากกว่า!”
โม่ฝูเฉี่ยเเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยฉื่อด้วยท่าทางเรียบเฉย “มนุษย์ เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่ยอมแพ้?”
มู่เฉียนซียิ้มเยาะแล้วกล่าวว่า “ยอมแพ้! มันยากมากที่ข้าจะมาเข้าร่วมการแข่งขันที่เมืองหลวงโม่หวงแห่งนี้สักครั้งหนึ่ง ข้าไม่อยากยอมแพ้โดยที่ยังไม่ได้ต่อสู้เลยสักครั้งหรอกนะ”
“เช่นนั้น ข้าก็จะไม่เห็นแก่ความเป็นมนุษย์ของเจ้าแล้ว โปรดออมมือด้วย!”
เหรียญของคู่แข่งลอยอยู่กลางอากาศ และถูกห่อหุ้มไว้ด้วยลูกบอลกลม ๆ
เสียงของขวงจวิ้นอ๋อง ดังขึ้นมาในอากาศว่า “การแข่งขัน! เริ่มได้!”
ทันทีที่คำพูดของขวงจวิ้นอ๋องจบลง พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของโม่ฝูเฉี่ย และพลังวิญญาณของโม่เหยียนก็ระเบิดตามหลังออกมาติด ๆ
โม่เหยียน คือสัญลักษณ์ของเผ่าหงส์นิลทั้งหมด
เว้นแต่ว่าจะมีพรสวรรค์ที่แย่ที่สุด มิเช่นนั้นแล้วหงส์นิลทุกตัวจะสามารถใช้โม่เหยียนได้อย่างใจนึกกันอยู่แล้ว
เมื่ออุณหภูมิของสนามการแข่งขันสูงขึ้น มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ถึงคลื่นกระแสอากาศร้อนจัดที่น่าหวาดกลัวกำลังมา
มู่เฉียนซีสามารถรู้สึกถึงระดับของโม่ฝูเฉี่ยได้ว่าความสามารถของเขานั้นอยู่ในขั้นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด และมีระดับที่สูงกว่าโม่เฟิงเชียนถึงหนึ่งดาวครึ่ง
ในเวลานี้โม่เฟิงเชียนที่อยู่บนที่นั่งของฝั่งผู้ชม กำลังพึมพำว่า “เมื่อเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ อย่างน้อยก็ต้องครอบครองความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ท่านพ่อ ท่านว่ามู่เฉียนซีจะจบลงอย่างน่าอนาถหรือไม่”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “เจ้านี่นะ! แม่นางมู่นั้นมีความสามารถที่ล้ำลึกเกินจะอธิบายได้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
“ใครบอกว่าข้าเป็นห่วงนางกัน ไม่ใช่เสียหน่อย! ท่านพ่อ ท่านก็รู้ว่าคนที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือนางนั่นแหละ” โม่เฟิงเชียนเบ้ปากกล่าว
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดขั้นต้น อ่อนแอมากกว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงเล็กน้อย
หากว่านางต้องจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทว่าคู่ต่อสู้คือเผ่าหงส์ที่มีสายเลือดของสัตว์เทพ มู่เฉียนซีจึงมิกล้าที่จะประมาท
จากนั้นสีหน้าของมู่เฉียนซีก็เคร่งขรึมขึ้น และกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณก็ถูกนางหยิบออกมา
ในชั่วพริบตานั้น ธาตุอัคคีที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ปะทะเข้ากับธาตุอัคคีของโม่เหยียน
เผ่าหงส์นิลทั้งหมดต่างรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของเปลวไฟนี้ พวกเขาจ้องมองไปที่เปลวไฟแห่งการทำลายล้างที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่บนกระบี่เล่มนั้น และกล่าวว่า “นั่นคือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพของธาตุอัคคี! อีกทั้งยังเป็นเปลวไฟแห่งราชาอีกด้วย”
“ตามที่คาดไว้ มนุษย์ที่สามารถผูกพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณได้ ต่างก็มิใช่คนธรรมดาทั่วไป! ขวงจวิ้นอ๋อง พระองค์ว่าจริงหรือไม่?”
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “ดูท่า ข้าจะดูถูกแม่นางน้อยผู้นี้เกินไปเสียแล้ว”
โม่เฟิงเชียนกลับโกรธจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “กระบี่เล่มนั้น! เมื่อตอนที่นางประมือกับข้า นางไม่ได้เอากระบี่เล่มนั้นออกมาใช้กับข้าเลยด้วยซ้ำ! มู่เฉียนซีนางดูถูกข้า”
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว ตอนที่แม่นางมู่ต่อสู้กับเจ้า แต่เดิมนางก็ไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่อย่างใดเลย! แต่ในครั้งนี้ นางตั้งใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว”
“เช่นนั้นนางจะชนะได้หรือไม่?”
โม่ฝูเฉี่ยรู้สึกได้ถึงโม่เหยียนที่เขาควบคุมนั้นกำลังสั่นสะท้านอยู่ เขาจึงกล่าวว่า “ดูแล้ว เจ้ายังมีความมั่นใจอยู่บ้างสินะ! เพียงแต่ว่า คิดจะอาศัยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ แล้วอยากที่จะเอาชนะข้าให้ได้ เช่นนั้นมันก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดี”
โม่ฝูเฉี่ยโบกมือครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มีดาบคมกริบสีดำเล่มใหญ่เล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของเขา
“อาวุธวิญญาณของข้า แม้ว่าจะไม่ถึงระดับของอาวุธวิญญาณมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอหรอกนะ”
ในเวลาต่อมา ดาบใหญ่เล่มนั้นก็ระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แยกฟ้าดินได้ออกมา ทั้งร่างกายกลายเป็นพายุหมุนสีดำทะมึน และพุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซี
ปัง ปัง ปัง!
ภายในอากาศมีเงาของดาบปรากฏขึ้นมานับไม่ถ้วน ราวกับจะแยกความว่างเปล่าออกจากกัน จากนั้นมันก็ม้วนตัวและพุ่งเข้าไปหามู่เฉียนซี
“เงาดาบพร่างพราย!”
เมื่อต้องเผชิญหน้าต่อการโจมตีที่แข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ มู่เฉียนซีก็ใช้ทักษะทางร่างกาย หลบหลีกไปราวกับพายุ
เมื่อความอันตรายกำลังบีบใกล้เข้ามา ความรวดเร็วก็ยกระดับเพิ่มขึ้นมาอีกขั้น จนมันกลายเป็นภาพลวงตานับไม่ถ้วน
เงาของดาบเปลี่ยนพลิกไปอีกครั้ง “ดาบเริงระบำ!”
ลำแสงของใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มเปลี่ยนเป็ขนาดเล็กมากขึ้น และไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่น้อย มันทั้งพุ่งเข้าใส่ดวงตา ลำคอ กระดูกสันหลัง และสถานที่ต่าง ๆ ที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตของมู่เฉียนซี
หากว่าเป็นเผ่าหงส์อย่างพวกเขา ที่ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บแต่ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต
แต่ทว่าโม่ฝูเฉี่ยได้ลืมไปจนสิ้นแล้ว ว่าคนที่เขากำลังต่อสู้ด้วยในตอนนี้คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
มนุษย์ที่มีผิวหนังบอบบางและเนียนนุ่ม!
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “โม่ฝูเฉี่ยผู้นี้ เมื่อเริ่มต่อสู้ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รู้จักความพอดีเสียบ้างเลย”
“ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวถูกต้องแล้ว อีกทั้งแม่นางน้อยผู้นั้นก็มีรูปลักษณ์ที่งดงามมากอีกด้วย บวกกับที่มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเหล่านั้น! ไม่รู้เลยว่านางเป็นทายาทของตระกูลใหญ่แห่งเทพราชานั่นด้วยหรือไม่? หากเผลอไปทำร้ายคนในตระกูลของอีกฝ่ายจนบาดเจ็บขึ้นมา เกรงว่าจะสร้างปัญหาให้กับเผ่าหงส์นิลของพวกเรา นั่นคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่”
เผ่าหงส์ของพวกเขาในอดีต ต่างไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวิตกกังวล หวาดกลัวต่อสิ่งนี้ หรือสิ่งใดจนไม่กล้าทำอะไร เนื่องจากพวกเขาเป็นเผ่าสัตว์เทพที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดนั่นเอง
แต่ทว่า…ทั้งหมดได้เปลี่ยนไปแล้ว
“มนุษย์ที่มีเพียงความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่เท่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะนำสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แรกเกิดมาเข้าร่วมการแข่งขัน! ช่างบ้าไปแล้วจริง ๆ รีบ ๆ ยอมแพ้ไปซะจะเป็นการดีที่สุด!”
“อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะชนะการแข่งขันนี้ได้อย่างแน่นอน!”
“เพียงแต่ว่าความเร็วของมนุษย์ผู้นี้ เมื่อเทียบกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดแล้ว มันช่างน่าประหลาดเสียจริง!”
มู่เฉียนซีหลบหลีกได้อย่างหวาดเสียวทุกครั้ง เมื่อการโจมตีของโม่ฝูเฉี่ยไม่ประสบความสำเร็จ เขาก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลำแสงของดาบเริ่มเกาะตัวกันและเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ความเร็วของโม่ฝูเฉี่ยเปลี่ยนเป็นเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก และทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซีราวกับเป็นปีศาจร้ายก็มิปาน
พลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว ได้คุมขังมู่เฉียนซีเอาไว้ทันที
มีจุดสีดำจุดหนึ่ง พุ่งออกมาจากมู่เฉียนซี
การเคลือนไหวของโม่ฝูเฉี่ยรวดเร็วมากจนเกินไป และในครั้งนี้มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถที่จะหลับหลีกมันได้ทัน นอกเสียจากว่านางจะแสดงไพ่ตายมากกว่านี้อีกสักหน่อย นั่นก็คือ ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตานั่นเอง!
แต่ทว่าความแข็งแกร่งของโม่ฝูเฉี่ย ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นางต้องหยิบไพ่ตายเช่นนั้นออกมาใช้
ปัง!
มู่เฉียนซีรับการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง และทันใดนั้นก็ใช้พลังที่เหนือกว่าจู่โจม อีกทั้งการโจมตีนี้ก็มีความเข้มข้นเพียงเล็กน้อย และไม่ได้มีพลังที่เปิดเผยออกมาอย่างเกินความจำเป็นเลย
ความเร็วที่ออกมาของมู่เฉียนซีนั้นราวกับสายฟ้าฟาด นอกจากรูมากมายบนเสื้อผ้าแล้ว ร่างกายของนางก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรอีก!
เดิมทีผู้คนได้คาดการณ์ไว้ว่า มู่เฉียนซีจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจนล้มลงไปอย่างแน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่าผลสุดท้ายนางจะยังคงยืนอยู่บนสนามแข่งขันได้อย่างภาคภูมิ สายตาของผู้คนเบิกกว้างพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไรเลยอย่างนั้นหรือ?”
“หรือว่านางใช้อาวุธป้องกันขั้นศักดิ์สิทธิ์?”
“มนุษย์มีสิ่งของที่ดีมากมาย ฉะนั้นทุกอย่างย่อมมีความเป็นไปได้!”
ในสายตาของคนจากเผ่าหงส์นิลเหล่านี้ ความแข็งแกร่งของมนุษย์ไม่อาจเกินกว่าที่มนุษย์จะมีได้ แต่หากมีสิ่งของดี ๆ มากมายหลากหลายมาค่อยส่งเสริม เช่นนั้นก็จะสามารถลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำนั้นได้
“ขวงจวิ้นอ๋อง แม่นางน้อยผู้นี้ ที่จริงแล้วนางสกัดกั้นพลังโจมตีได้อย่างไรกัน? หรือว่านางจะใช้อาวุธป้องกันขั้นศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” มีคนถามขึ้น
“ไม่ใช่เพราะอาวุธป้องกันขั้นศักดิ์สิทธิ์ นางเคยฝึกฝนวิชาการฝึกร่างกายที่แข็งแกร่งมากมาก่อน!” พลันนั้นดวงตาของขวงจวิ้นอ๋องก็แปรเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกและดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นวิชาการฝึกร่างกาย! แม่นางน้อยที่งดงามหยาดเยิ้มเช่นนี้ ไม่คาดคิดเลยว่านางจะสามารถรับมือกับความยากลำบากเช่นนั้นได้”
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “เดิมทีข้าคิดว่าสาวน้อยผู้นี้ไม่ได้วางแผนที่จะได้รับชัยชนะ แต่ทว่า เมื่อมาดูในตอนนี้แล้ว! นางคงคาดหวังที่จะได้ไปยังหอหลอมอัสนีด้วยความมุ่งมั่นมากเลยทีเดียว!”
“เจ้าต่อสู้มาพอแล้ว ควรจะให้ข้าออกไปลงมือได้แล้ว!”
“เพลิงเทพอสูรทำลายล้าง!”
“มังกรน้ำแข็งจงบังเกิด!”
การโจมตีอย่างหนักจากพลังทั้งสองของน้ำและไฟ พุ่งเข้าไปหาโม่ฝูเฉี่ยอย่างรวดเร็ว
โม่ฝูเฉี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในที่สุดเจ้าก็โจมตีกลับแล้วเช่นนั้นหรือ? ข้าจะรอรับมือ!”
ลำแสงของดาบส่องประกายวาบ และโม่ฝูเฉี่ยก็ตอบรับการโจมตี
ตูม!
ด้วยพลังของความบ้าคลั่ง ก็ทำให้บนสนามการแข่งขันเกิดระเบิดขึ้นมา
การเผชิญหน้าของทั้งสองนั้น ช่างน่าตื่นตะลึงและใจหายใจคว่ำเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ ผู้ชมเพิ่งจะรู้ว่า สาวน้อยมนุษย์ผู้นี้ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แค่ระดับสี่เท่านั้น จะมีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้
เมื่อกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณตัดผ่านความว่างเปล่าไป มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “แสดงความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าออกมา! หรือว่าเจ้าอยากจะพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ?”