ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1626 เป็นบุตรสาวของเขา
มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยัน ประลองดื่มเหล้ากับนางอย่างนั้นเหรอ?
นางกล่าว “ไม่มีปัญหา!”
ไม่ว่าจะดื่มมากเท่าใด มู่เฉียนซีก็ไม่เป็นอะไร!
แต่คนเหล่านี้กลับฟุบลงไปหมดแล้ว
“แม่นางมู่ช่างเป็นสตรีผู้ช่ำชองจริง ๆ ข้านับถือเจ้าแล้ว นับถือจากใจจริง”
ปัง!
ในตอนนี้เอง คนของขวงจวิ้นอ๋องก็มาแล้ว
“แม่นางมู่ เจ้าสบายดีใช่หรือไม่! ท่านอ๋องมีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับแม่นาง”
มู่เฉียนซีกล่าว “อ๋อ เช่นนั้นก็นำทางไปเถอะ!”
“แม่นางมู่ เจ้าเมาแล้ว อยากพักผ่อนสักหน่อยหรือไม่”
“ข้าไม่เมา! คนอย่างข้าจะเมาได้อย่างไรกัน”
มู่เฉียนซีให้คนเอาตัวโม่ฝูเฉี่ยและโม่เฟิงเชียนที่เมามายแล้วกลับไปส่ง ส่วนนางไปพบขวงจวิ้นอ๋องเพียงลำพัง
ความคิดการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ จงใจจะมอมเหล้าให้นางเมา ทั้งหมดนี้คาดว่าจะเป็นเจตนาของขวงจวิ้นอ๋องกระมัง!
ปัง ปัง ปัง!
ผู้ดูแลเคาะประตู
“หากแม่นางมู่มาแล้วก็เข้ามาได้เลย”
ผู้ดูแลผลักประตูออก ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางมู่ เชิญด้านใน!”
เมื่อเดินเข้ามาในห้องตำราของขวงจวิ้นอ๋อง ก็จะเห็นว่าตอนนี้เขากำลังจัดการธุระบางอย่างอย่างจริงจัง
แม้ว่าอายุของขวงจวิ้นอ๋องจะเยอะแล้วแต่เขากลับมีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ มีสตรีจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในตัวเขา
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าว “แม่นางมู่ เชิญนั่ง!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ไม่รู้ว่าขวงจวิ้นอ๋องเรียกข้ามามีเรื่องอันใด”
“เรื่องเกี่ยวกับเสี่ยวโม่โม่ สายเลือดราชาตระกูลหงส์นิลนั้นหาได้ยากยิ่งนัก นอกจากฝ่าบาทในตอนนี้แล้ว ไม่อาจหาสายเลือดราชาตระกูลหงส์นิลเจอได้แล้ว”
“พวกท่าน…พวกท่านต้องการจะพาเสี่ยวโม่โม่ไปอย่างนั้นหรือ” มู่เฉียนซีเหลือบมองพวกเขาพลางกล่าว
“ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน ข้าเองก็มีพันธสัญญาอยู่เหมือนกัน ข้าชื่นชอบมนุษย์มาก ข้าไม่ได้มีอคติเช่นนั้น แต่ฝ่าบาทกับข้าไม่เหมือนกัน เขาเป็นคนที่ค่อนข้างดื้อรั้น หากเขาพบว่ามีคนทำพันธสัญญากับหงส์ที่มีสายเลือดราชาแล้วละก็ เขาจะต้องขอร้องให้เจ้ายกเลิกพันธสัญญาแน่นอน”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก นางกล่าวถามว่า “แล้วเช่นนั้นข้าควรจะทำเช่นไรดี หรือว่าหลังจากที่ข้าทำภารกิจในหอหลอมอัสนีเสร็จสิ้น ข้าจะจากไปโลกแห่งหงส์ให้ไกล ๆ เลย”
ขวงจวิ้นอ๋องยิ้มพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะคิดหาทางช่วยเจ้าเอง แต่ข้าอยากรู้มากว่าสายเลือดเผ่าหงส์ของพวกเราเหตุใดถึงได้ออกจากเผ่าไปอยู่ข้างนอกได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ก่อนที่แม่ของเสี่ยวโม่โม่จะตายไป นางได้มอบมันให้กับข้า พอมันฟักตัวออกมาจากไข่ได้ไม่นาน ข้าก็ได้รู้ว่ามันคือหงส์”
แววตาของมู่เฉียนซีนั้นไม่ได้กล่าวเท็จแต่อย่างใดเลย!
อีกอย่างนางดื่มเหล้าเข้าไปมากมายเช่นนั้นแล้ว หากเสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าเขาได้ ก็นับว่านางเก่งกาจมากเกินไปแล้วล่ะ!
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าว “ตอนนี้ข้าสามารถให้คำแนะนำเจ้าอย่างหนึ่งได้! ข้านั้นยังไม่มีบุตร ข้าเห็นเสี่ยวโม่โม่แล้วรู้สึกรัก รู้สึกผูกพันกับนางเป็นอย่างมาก ข้าวางแผนที่จะรับนางให้มาเป็นบุตรสาวของข้า เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ฝ่าบาทไม่อนุญาต ข้าก็สามารถตัดสินใจกระทำแทนเสี่ยวโม่โม่ได้”
“เอ่อ…” มู่เฉียนซีแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา
“เป็นอะไรไปล่ะ แม่นางมู่เห็นว่าสถานะตัวตนของข้าไม่เหมาะสม หรือว่าพลังความแข็งแกร่งของข้าไม่เหมาะสมกันล่ะ”
มู่เฉียนซีคิดในใจว่า ‘ก็รู้ตัวเองดีนี่ ยังจะให้พูดอีกหรือ’
“ขวงจวิ้นอ๋องคิดมากไปแล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ข้าต้องคุยกับเสี่ยวโม่โม่ก่อน”
“ไม่มีปัญหา! ข้าไม่รีบ ข้าเห็นเสี่ยวโม่โม่เพิ่งฟักตัวออกมา อาจจะยังไม่เข้าใจในเรื่องการฝึกเคล็ดวิชา นี่เป็นตำราที่ข้าได้รวบรวมเอาไว้ที่คิดว่าเหมาะสมกับเสี่ยวโม่โม่ อย่างไรเสีย ก็นับว่าเป็นของขวัญแรกเจอให้กับเสี่ยวโม่โม่ก็แล้วกัน”
ขวงจวิ้นอ๋องลงมืออย่างหน้าใหญ่ใจโต ถึงกับเอาตำราเคล็ดวิชาออกมาหลายเล่ม
เมื่อได้ยินคำว่าเคล็ดวิชา เสี่ยวโม่โม่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นจนบินออกมาจากมิติ
“ข้าอยากดูตำราเคล็ดวิชา ข้าอยากดู!”
เนื่องจากมันรู้ว่าหากได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาแล้ว ตัวมันนั้นอาจจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ถ่อมตัวกับขวงจวิ้นอ๋องเช่นกัน นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณขวงจวิ้นอ๋องมาก แต่ทว่าวันนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ข้าต้องขอกล่าวลาก่อนแล้วล่ะ! เรื่องที่ท่านพูดมานั้น ข้าขอกลับไปคิดดูสักหน่อย”
“ได้สิ! วันนี้เจ้าก็เหนื่อยมากแล้วจริง ๆ”
มู่เฉียนซีได้พาเสี่ยวโม่โม่รวมไปถึงเคล็ดวิชาอีกสองสามเล่ม จากไปอย่างสง่าผ่าเผย!
หลังจากที่นางออกไปแล้ว พ่อบ้านก็เดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ท่านขวงจวิ้นอ๋อง เด็กสาวผู้นั้นคงไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงพวกเราใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้! นางน่าจะไปพิจารณาจริง ๆ วันนี้นางดื่มไปเยอะขนาดนั้น สติน่าจะยังไม่ตื่นตัวเท่าไร! ประเดี๋ยวอีกสองสามวันค่อยไปตรวจสอบดูอีกครั้ง หากนางไม่ยอมรับแล้วละก็ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน” แววตาของขวงจวิ้นอ๋องเปล่งประกายวูบวาบ
เมื่อรู้ว่าขวงจวิ้นอ๋องได้เชิญมู่เฉียนซีให้ไปพบ เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ได้แต่เป็นกังวลอยู่เสมอ
ในที่สุดก็รอจนมู่เฉียนซีกลับมาถึง เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ถามขึ้นมาว่า “แม่นางมู่ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
ในตอนที่มู่เฉียนซีเดินเข้ามา นางก็กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่เป็นไร!”
“เช่นนั้นขวงจวิ้นอ๋อง…”
“มอบของขวัญในการพบกันให้กับเสี่ยวโม่โม่มาสองสามอย่าง ก็คือเคล็ดวิชาเหล่านี้ เดี๋ยวข้าจะไปเลือกสักหน่อย ไปดูว่าอันไหนเหมาะสมที่สุดที่จะให้เสี่ยวโม่โม่ไว้ฝึกฝน”
ในตอนนี้ มู่เฉียนซีไม่ได้มีอาการมึนเมาเลยแม้แต่นิดเดียว!
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็ตะลึงงันไปเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นกังวลไปโดยเปล่าประโยชน์เสียแล้ว
ในขณะที่มองไปยังเคล็ดวิชาที่ล้ำค่าเหล่านั้น หัวใจของเจ้าเมืองโม่เชวี่ยก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
“ขวงจวิ้นอ๋องช่างใจกว้างเหลือเกิน!”
มู่เฉียนซีกล่าวพลางยิ้มเยาะ “เขาอยากจะให้เสี่ยวโม่โม่ของข้าไปเป็นบุตรสาวของเขา เช่นนั้นยังเรียกว่าใจกว้างได้อยู่หรือไม่?”
“อะไรนะ?” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวอย่างตื่นตกใจ
ขวงจวิ้นอ๋องก็ไม่มีลูกหลานเช่นกัน และมีบุตรสาวบุญธรรมเพียงคนเดียว นั่นก็คือโม่ชิงอู่ผู้ที่อายุน้อยแต่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดของเผ่าหงส์
ในตอนนี้ ยังอยากรับบุตรสาวมาอีกคน และยังเป็นหงส์นิลที่ครอบครองสายเลือดราชันย์ที่บริสุทธิ์อีกด้วย
“แม่นางมู่ตอบตกลงแล้วเช่นนั้นหรือ?”
“ข้าจะไปตอบตกลงได้อย่างไร บวกกับที่เขามอบเคล็ดวิชาเหล่านี้มาให้อีก เช่นนั้นจึงต้องยื้อไว้ก่อนชั่วคราว”
มู่เฉียนซีเริ่มตรวจดูเคล็ดวิชาเหล่านั้น และหลังจากที่ดูทั้งหมดแล้วจำต้องขมวดคิ้วมุ่น!
“ยังไม่ได้! ถึงแม้ว่าเคล็ดวิชาเหล่านี้จะเหมาะสม แต่ทว่าระดับของมันยังไม่เพียงพอ!”
“นะ…นี่ยังมีระดับที่ไม่เพียงพออีกหรือ!” เจ้าเมืองโม่เชวี่ยกล่าวอย่างตื่นตะลึง
เคล็ดวิชาระดับนี้ ในเผ่าหงส์นิล ผู้ที่สามารถจะมีไว้ในครอบครองได้มีไม่มากเท่าไรนัก
“แน่นอนว่าเสี่ยวโม่โม่ของข้าจะต้องได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งมากที่สุด!”
“ถูกต้องที่สุด! เสี่ยวโม่โม่จะต้องได้รับการฝึกฝนที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วกลายไปเป็นหงส์ที่แข็งแกร่งที่สุด จากนั้นก็ช่วยนายท่านจัดการคนไม่ดี นายท่านบอกว่าไม่มีในของเหล่านี้ เช่นนั้นเสี่ยวโม่โม่จะเผาทิ้งซะ เผา…”
เสี่ยวโม่โม่พ่นไฟได้แล้ว มู่เฉียนซีจึงต้องรีบร้อนเข้าไปขวางเอาไว้
จากนั้นก็เคาะไปที่หัวเล็ก ๆ นั้นของมันพลางกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ เจ้าเด็กโง่นี่! การที่จะมาเผาทำลายของของตนเองเช่นนี้มันไม่คุ้มค่าเลย นี่มันก็มีราคาสูงมากนะ!”
มุมปากของโม่เชวี่ยกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง แม่นางมู่คงไม่ได้คิดที่จะเอาของขวัญการพบหน้าที่ขวงจวิ้นอ๋องมอบให้ไปขายแลกเงินหรอกใช่หรือไม่?
หลังจากนั้น มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ให้คำตอบแก่ขวงจวิ้นอ๋องกลับไป
สามารถเอาเคล็ดวิชาออกมาให้ได้เพียงเท่านี้ เช่นนั้นขวงจวิ้นอ๋องก็ไม่มีอะไรที่น่าจะเข้าใกล้อีกแล้ว
อันที่จริงแล้วมู่เฉียนซีโกรธเคืองเขาเป็นอย่างมาก นางกล่าวว่า “รอให้กลับมาจากหอหลอมอัสนี จะตอบกลับขวงจวิ้นอ๋องอีกครั้ง”
รอให้กลับมาจากหอหลอมอัสนี ไม่ว่าจะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปเจอหรือไม่ และรอให้เสี่ยวโม่โม่หาเคล็ดวิชาที่คุ้นเคยได้เจอเมื่อใด นางก็จะจากไปทันที
จากนั้นก็ไปคิดหาทางสอบถามวิธีการว่าจะเข้าไปในสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์และสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรดีกว่า จะไปเสียเวลาอยู่กับขวงจวิ้นอ๋องทำไมกัน
ท่าทีเช่นนี้ของมู่เฉียนซี ทำให้ทางด้านของขวงจวิ้นอ๋องโกรธเคืองเป็นอย่างมาก “นายท่าน! ที่จริงแล้วมู่เฉียนซีนั้นหมายความว่าเช่นไรกัน? ไม่นึกเลยว่านางจะกล้ามองข้ามท่านเช่นนี้ได้?”