ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1627 สอดส่องความลับสวรรค์
“อย่างไรก็ตามของชิ้นนั้นไม่ใช่จะค้นพบได้ภายในชั่วครู่ เช่นนั้นก็รอให้นางกลับมาจากหอหลอมอัสนีก่อน! ถึงอย่างไรก็หนีไปไม่ได้อยู่แล้ว” ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวอย่างใจเย็นด้วยความหน้าตาเฉย
“พวกเราอยากจะบอกพระองค์ว่าไม่คุ้มค่าเลยสักนิด เด็กสาวคนนั้น ช่างไม่รู้จักดีชั่วเลยจริงๆ”
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?” ขวงจวิ้นอ๋องกล่าว
มู่เฉียนซียังคงอยู่ที่เมืองหลวงโม่หวงอีกหลายวัน และเงินที่ขายยาลูกกลอนนั้นเพียงพอที่จะให้มู่เฉียนซีได้กว้านซื้อสมุนไพรวิญญาณที่ต้องการได้ทั้งเมือง
หลังจากนั้นนางก็ไปทุกที่ของย่านการค้าเพื่อหาเคล็ดวิชาให้กับเสี่ยวโม่โม่ แต่ผลที่ได้ก็คือ…หาไม่เจอเลย
เคล็ดวิชาเป็นเงื่อนไขขั้นพื้นฐานที่สุดในการวางรากฐาน ร่างเดิมของเสี่ยวโม่โม่บกพร่องแต่กำเนิด ซึ่งจำเป็นที่จะต้องหาเคล็ดวิชาที่ดีที่สุดให้เจอถึงจะได้
มู่เฉียนซีกล่าวปลอบโยนเสี่ยวโม่โม่ที่กำลังผิดหวังว่า “เสี่ยวโม่โม่ อย่าเศร้าซึมไปเลย! ถึงที่นี่จะหาไม่เจอ แต่รอเมื่อจิ่วเยี่ยมาแล้ว บางที่เขาอาจจะมีเคล็ดวิชาที่เหมาะสมเอาไว้ฝึกฝนเจ้าก็ได้”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “จิ่วเยี่ยหรือ? จิ่วเยี่ยที่เป็นสามีของนายท่านใช่หรือไม่?”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเสี่ยวโม่โม่ มองมาที่มู่เฉียนซีด้วยความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ผู้ใดสั่งสอนเจ้า?”
“พี่สาวเสี่ยวหง!”
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเรียกว่าพี่สาว ข้าเป็นผู้ชายนะ เป็นผู้ชาย!”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “แต่ว่าท่านตัวแดงขนาดนี้ จะต้องเป็นพี่สาวอย่างแน่นอน”
“นี่มันเกี่ยวอะไรกับร่างกายของข้ากันล่ะ?”
“นั่นก็คือ! สีแดงก็คือพี่สาว สีขาวคือพี่ชาย!”
สีหน้าของมู่เฉียนซีบูดบึ้ง ที่จริงแล้วใครเป็นคนสอนเรื่องนี้กันแน่
เสี่ยวหงกำลังโมโหจะตายอยู่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เสี่ยวโม่โม่ยึดติดกับเหตุผลนั้นมากเกินไป!
“ฮ่า ๆ ๆ!” อู๋ตี้หัวเราะจนเหนื่อยหอบ เสี่ยวหงขบฟันแน่นพลางกล่าวว่า “เจ้าจะต้องเป็นคนทำอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีได้ตัดการเชื่อมต่อจากเจ้าผู้ชายที่ไม่น่าเชื่อถือทั้งสองนั่นโดยตรง แล้วลูบขนปีกที่ราบเรียบของเสี่ยวโม่โม่แล้วกล่าวว่า “จิ่วเยี่ยคือคนที่สำคัญที่สุดของข้าเอง”
“เยี่ย เยี่ย! อาเยี่ย!” จื่อโยวนอนคว่ำหน้าอยู่ที่ห้องหนังสือของหวงจิ่วเยี่ย และมองไปที่เขาอย่างเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง
“อาเยี่ย! กลุ่มค่ายกลผนึกเป๋ยโต่วนั้นคิดหาทางแก้ไขปัญหาให้ได้แล้ว! พวกเราสามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปอย่างเงียบ ๆ และไม่ถูกคนพบเห็นได้นะ” จื่อโยวกล่าวอย่างตื่นเต้น
แต่ทว่าจิ่วเยี่ยไม่ได้รับฟังเขาเลยแม้แต่น้อย!
“อาเยี่ย! ตามที่ข้าได้รู้มา หอหลอมอัสนีกำลังจะเปิดแล้ว! เจ้ารีบไปเข้าเถอะ! ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ทันแล้ว มันจะไม่ทันแล้วจริง ๆ นะ”
จื่อโยวได้ลองลิ้มรสคำที่ว่ากษัตริย์ไม่กังวลแต่ขันทีเช่นเขากังวลเสียเองเป็นครั้งแรก
ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่เร่งรีบจนต้องเรียกหาถึงเพียงไหนก็ตาม จิ่วเยี่ยก็จะทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น
จิ่วเยี่ยจ้องมองไปที่เศษซากนั้น และยังคงไม่ตอบสนองสิ่งใดกลับมา
จื่อโยวกระโดดไปมาด้วยความโมโห และในเวลานี้ร่างในชุดสีน้ำเงินอ่อนร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
“อู๋หยา ยอดเยี่ยมมาก! เจ้ามาแล้ว เจ้ารีบมาช่วยเกลี้ยกล่อมจิ่วเยี่ยหน่อยเถอะ”
“ฝ่าบาท!” มีเสียงแหบแห้งดังเข้ามาจากข้างนอก
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “หอหลอมอัสนีเป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้นเอง คัมภีร์หมื่นคำสาปไม่แน่ว่าจะต้องอยู่ที่นั่น ข้าไม่รีบหรอก!”
หลังจากนั้น จิ่วเยี่ยก็หายตัวไปจากภายในห้องทันที
อู๋หยายืนอยู่ข้างนอกด้วยความงุนงง ฝ่าบาทเริ่มเปลี่ยนไปดื้อดึงมากยิ่งขึ้น ทั้งยังยิ่งเอาแต่ใจและไร้เหตุผลมากขึ้นด้วย
เพียงเพราะคนคนเดียว หญิงสาวผู้นั้น นั่นก็คือมู่เฉียนซี
แววตาที่ว่างเปล่าเกิดประกายแสงวาบผ่านเล็กน้อย ใบหน้านั้นขาวจนโปร่งแสงซีดเซียวและดูอ่อนแอราวกับคนป่วยก็ไม่ปาน
จื่อโยวกล่าวอย่างไม่มีทางเลือก “ที่เยี่ยพูดมาก็ใช่ เช่นนั้นก็ไปตามหาสาวน้อยคนนั้นก่อน! หากหาสาวน้อยผู้นั้นไม่เจอ เยี่ยไม่มีทางเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน”
อู๋หยาหมุนตัวเดินจากไป แล้วกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ไปเตรียมแท่นบูชา ข้า…ข้าต้องการที่จะคำนวนตำแหน่งของหญิงสาวคนนั้นแทนฝ่าบาท”
“นายท่านอู๋หยา ไม่ได้นะขอรับ! ครั้งที่แล้ว…ครั้งที่แล้วที่ท่านคำนวณชะตาชีวิตให้กับคนผู้นั้น ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาโดยตรง! ท่านไม่ได้บอกหรือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาง ล้วนแต่เป็นหมอกที่หนาทึบ! ท่านสอดส่องนาง ก็เหมือนสอดส่องความลับสวรรค์ อาจจะมีอันตรายได้ นายท่านอู๋หยา”
อู๋หยากล่าวว่า “ข้ามีลางสังหรณ์ที่เลวร้ายมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม! ถึงแม้ว่าจะต้องเสียสละชีวิตนี้ ก็ต้องลองดูให้ได้!”
เขากล่าวอย่างไม่ยอมให้ขัดจังหวะว่า “รีบไปเร็เข้า!”
“ขอรับ! นายท่านอู๋หยา ”
…
เจ้าเมืองโม่เชวี่ยรีบร้อนผลักประตูเข้ามาแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่! กำลังจะเปิดหอหลอมอัสนีแล้ว รีบไปกับข้าเร็วเข้า! หากไปสายคงไม่ดีแน่”
มู่เฉียนซีก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วกล่าวว่า “นำทางไปเถอะ!”
สถานที่ที่พวกเขาไปถึงนั้น เป็นตำหนักพิธีกรรมใหญ่ที่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แห่งหนึ่ง เรียกว่าตำหนักเทพหงส์
เทพหงส์ ที่มีอยู่ในตำนาน เป็นผู้แข็งแกร่งที่ได้รับความเคารพอย่างสูงสุดของเผ่าหงส์
ไม่เพียงแต่ผู้อื่นที่มาเท่านั้น แต่มีผู้คนจากตำหนักเทพหงส์มาอีกไม่น้อยด้วย
และคนที่ได้รับสิทธิ์จากกลุ่มสามก็มาถึงแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าจะต้องเป็นโม่ชิงอู่และไป๋ฉางอยู่แล้ว รวมถึงโม่อี้เฟย โม่ซูและผู้ผูกพันธสัญญาทั้งสองของพวกเขาด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน ขวงจวิ้นอ๋องก็มาถึง ข้างกายของเขามีชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวอยู่อีกสี่คน
นี่คือผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่ของเผ่าหงส์นิล
ขวงจวิ้นอ๋องกวาดสายตามองไปที่พวกเขาแล้วกล่าวว่า “อีกสักครู่ ท่านผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่จะเปิดเส้นทางไปยังแคว้นหลอมอัสนี เมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าก็ใช้โอกาสนี้เข้าไปซะ! ความเร็วต้องเร็วให้มาก เข้าใจหรือไม่?”
พวกเขาตอบกลับมาว่า “รับทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็หยิบหอขนาดเล็กออกมาอันหนึ่ง!
เขาโยนหอนั้นขึ้นไปกลางอากาศ ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วกางค่ายกล!
หอขนาดเล็กค่อย ๆ แตกออก และเส้นทางมิติเส้นหนึ่งก็ถูกปลดโดยผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่
เส้นทางมิตินั้นค่อย ๆใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็เพียงพอที่จะให้คนผู้หนึ่งพุ่งเข้าไปได้
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “รีบเข้าไปข้างในเถอะ!”
“พวกเจ้าที่มีการผูกพันธสัญญากับหงส์นิลเหมือนกัน เดินหน้าไปด้วยกัน! เช่นนั้นจะต้องพร้อมใจทำงานร่วมกัน และอย่าเกิดปะทะกันภายใน” ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวเตือน
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
และร่างของพวกเขาก็หายไปจากตรงหน้าของคนที่เหลือในทันที
หลังจากที่เข้าสู่เส้นทางมิติแล้ว ก็พบว่ามีการปั่นป่วนในมิติอยู่เล็กน้อย สุดท้ายแล้วพวกเขาก็มาถึงแคว้นหลอมอัสนีได้อย่างราบรื่น
ครืน!
ก่อนที่จะลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย ผลก็คือได้ยินเสียงฟ้าร้องครู่หนึ่งในอากาศ
หลังจากนั้นก็มีสายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดลงมา และพวกเขาก็ต้องรีบหลบกันอย่างจ้าละหวั่น เพื่อไม่ให้บาดเจ็บทันทีที่เข้ามาในแคว้นหลอมอัสนี
ไป๋ฉางร่อนลงบนพื้น และเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พลังธาตุอัสนีเข้มข้นดีจริง ๆ สถานที่แห่งนี้สำหรับข้าแล้ว เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกฝนแน่นอน”
เขาจะต้องยกระดับความสามารถได้เร็วมากยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในหอหลอมอัสนีนี้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็เอาชนะมู่เฉียนซีให้ได้ เพื่อล้างความอัปยศอดสูของเขา
มู่เฉียนซีมีรอยยิ้มจาง ๆ อยู่บนใบหน้า ที่ที่เต็มไปด้วยพลังของธาตุอัสนีนี้ สำหรับนางแล้วมันก็เป็นราวกับเป็นสรวงสวรรค์ดี ๆ นี่เอง!
หากมีสายฟ้าที่เพียงพอแล้วละก็ วิธีการฝึกร่างกายของนางก็สามารถเลื่อนขั้นไปได้อีกก้าวหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นแม้ว่าจะพบกับยอดฝีมือระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต ก็คงจะไม่ต้องถูกมัดมือมัดเท้าอีกต่อไปแล้ว
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “หอหลอมอัสนีเป็นสถานที่ที่ดีจริง ๆ พลังธาตุอัสนีของแคว้นหลอมอัสนีจึงถือได้ว่าธรรมดา แต่พ่อบุญธรรมมอบแผนที่ให้กับพวกเรามา ฉะนั้นพวกเราจะต้องไปที่หอหลอมอัสนีให้เร็วที่สุด”
“เพียงแต่ว่า ที่ด้านนอกของหอหลอมอัสนี ที่แคว้นหลอมอัสนีนี้ยังมีของดีอยู่อีกไม่น้อย! อย่างเช่นผลึกวิญญาณอัสนี พลังของสิ่งซ่อนเร้น เผ่าหงส์ของพวกเราก็สามารถดูดซับและยกระดับความสามารถได้ และไม่ง่ายนักที่จะมีโอกาสได้เข้ามาที่แคว้นหลอมอัสนี นอกจากที่จะต้องรีบออกเดินทางแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจพลาดโอกาสได้”
“พวกท่านยังมีความคิดเห็นอื่นอีกหรือไม่?” โม่ชิงอู่กล่าวถาม
“ต้องเชื่อฟังชิงอู่อยู่แล้ว”
“ไม่มีปัญหา!”
และทีมอื่นอีกสองทีมก็พยักหน้าเช่นกัน
โม่ชิงอู่หันไปมองทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่ แล้วเจ้าล่ะ?”
“ไม่มีปัญหา! รีบออกเดินทางกันเถอะ! ในส่วนของผลึกวิญญาณอัสนีที่สามารถยกระดับพลังวิชาได้ ข้าก็สนใจมันมากเช่นกัน”
ไป๋ฉางกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าหวังให้มันมากไปเสียดีกว่า! เจ้าไม่ใช่สัตว์เทพหงส์ และยังไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุอัสนี เช่นนั้นผลึกวิญญาณอัสนีนี้ เจ้าก็ทำได้เพียงแค่มองมันเท่านั้นแหละ ไม่อาจใช้ได้!”