ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1630 ต้องการไข่มุกวิญญาณอัสนี
หลังจากที่ใช้ผลึกวิญญาณอัสนีของตนเองจนหมด มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “พวกเจ้าปกป้องพวกเขาเอาไว้ ข้าจะไปหาผลึกวิญญาณอัสนีมาเพิ่มสักหน่อย”
“ตกลง!”
พวกเขามองดูร่างในชุดม่วงอันตรธานหายไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็พึมพำเสียงเบาว่า “นะ…นี่ นี่นางช่างวิปริตยิ่งนัก”
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่”
“พวกเจ้าซุบซิบอันใดกัน!” ตอนนี้ไป๋ฉางและโม่ชิงอู่ดูดซับผลึกวิญญาณอัสนีเสร็จแล้ว
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่ได้อยู่ที่นี่ ไป๋ฉางจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซีดูดซับผลึกวิญญาณอัสนีไม่ได้ใช่หรือไม่ ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อก็เลยไสหัวไปแล้วสินะ ข้าน่าจะบอกนางเอาไว้ว่าอย่าได้คิดเพ้อฝันตั้งแต่แรกก็ดี”
ผู้เป็นพันธสัญญากับโม่อี้เฟยผู้นั้นกล่าวว่า “นายน้อยไป๋ มู่เฉียนซีดูดซับผลึกวิญญาณอัสนีที่นางเก็บรวบรวมเอาไว้เข้าไปหมดแล้ว ตอนนี้นางออกไปตามหาผลึกวิญญาณอัสนีเพิ่ม”
สีหน้าของไป๋ฉางเผยความไม่อยากเชื่อออกมา “เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าพูดจาตลกขบขันอันใด!”
“เจ้าแหกตาดูผงเหล่านั้นสิ เป็นวิญญาณที่หลงเหลือจากที่มู่เฉียนซีดูดซับผลึกวิญญาณอัสนี”
เมื่อไป๋ฉางมองดู และแน่ใจแล้วว่าผงวิญญาณที่หลงเหลืออยู่บนพื้นดินนั้นมีจำนวนมาก
เมื่อดูจากจำนวนแล้ว ก็เกรงว่าจะไม่น้อยเลยจริง ๆ
โม่ชิงอู่ก็ตกตะลึงพรึงเพริดเช่นกัน “นึกไม่ถึงเลยว่านางจะยังปิดบังพลังธาตุอัสนีอยู่ด้วย”
ไป๋ฉางกล่าว “ผู้บำเพ็ญพลังธาตุวิญญาณคู่ก็ใช่ว่าจะหายาก นางจะปิดบังไปเพื่ออะไร”
แม้จะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัสนี แต่การดูดซับผลึกวิญญาณอัสนีได้รวดเร็วเช่นนี้ก็จะวิปริตเกินไปแล้ว
พรสวรรค์ของมู่เฉียนซีนั้นสูงมาก แม้ว่าไป๋ฉางจะไม่อยากยอมรับในเรื่องนี้ แต่ความจริงมันก็คือความจริง
มู่เฉียนซีไปหาผลึกวิญญาณอัสนีตามลำพัง แต่ก็ได้รับมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดฟันลงมาอีกครั้ง มู่เฉียนซีคุกเข่าลงท่ามกลางสายฟ้านั้นและเริ่มฝึกฝนวิชาร่าง ปล่อยให้สายฟ้าเหล่านั้นฟาดฟันลงมาบนร่างของนาง
แสงสีเงินปกคลุมไปทั่วร่างกายของมู่เฉียนซี ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะย่างกรายไปตรงที่ใด สายฟ้าก็ยังคงฟาดฟันนางอยู่
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดฟันร่างของนางครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งมู่เฉียนซีได้เห็นไข่มุกเม็ดหนึ่งที่อยู่ในสายฟ้าอันแข็งแกร่งนั้น
“นั่นมันอันใดกัน?”
“ไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง”
สายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่ง แม้แต่เผ่าหงส์ที่มีร่างกายที่แสนแข็งแกร่งและเป็นถึงสัตว์เทพก็ยังมิกล้าย่างกายเข้าไป แต่มู่เฉียนซีกลับพุ่งพรวดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าฟาดฟันลงมา มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงพลังอันทำลายล้างว่าอยู่ใกล้ตัวนางเป็นอย่างมาก
ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
แต่นางไม่กลัว!
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ในขณะที่สายฟ้ากำลังจะฟาดฟันลงมา นางก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างกายของนางตอนนี้กำลังถูกจัดระเบียบขึ้นใหม่
ทว่า นางยังคงโคจรพลังวิญญาณพุ่งขึ้นไป และเป้าหมายก็คือ มุ่งไปที่สายฟ้าสีเงินรูปทรงกลมนั้น
พรึ่บ!
สายฟ้าโจมตีลงบนร่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่มู่เฉียนซีคว้ามันมาได้อย่างราบรื่น
ไข่มุกสีเงินเม็ดหนึ่ง นางรับรู้ได้ว่าข้างในนี้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าที่อยู่ในผลึกวิญญาณอัสนีเสียอีก
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาอย่างไร้ความปรานีอีกครั้ง หลังจากที่ได้ของมาแล้ว มู่เฉียนซีก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ต่อให้นางฝึกวิชาร่างมาแข็งแกร่งมากเพียงใด และต่อให้ร่างกายของนางจะต้านทานสายฟ้าได้มากเพียงใด แต่ร่างกายของนางก็อดทนจนมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บในตอนนี้มันไม่คุ้มค่า อย่างไรเสียเป้าหมายของนางในการไปหอหลอมอัสนีในครั้งนี้ก็คือคัมภีร์หมื่นคำสาป ไม่ใช่การฝึกวิชาร่างที่แคว้นหลอมอัสนีแห่งนี้ มู่เฉียนซีเอาไข่มุกเม็ดนี้กลับมายังที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้
ไป๋ฉางที่เพิ่งจะฝึกฝนเสร็จพอดี เมื่อเขาเห็นมู่เฉียนซีกลับมาก็แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้านี่มันยากเกินที่จะหยั่งถึงได้จริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัสนี! ข้าคิดว่าเจ้าเป็นแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีเพียงอย่างเดียวเสียอีก”
“เจ้าปกปิดอะไรอยู่ หรือว่ามีเรื่องที่มีลับลมคมนัยเช่นนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าชอบที่จะคิดอย่างไรก็คิดไปตามที่เจ้าต้องการเถิด”
ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ใช้ธาตุอัสนีไปเสียแล้ว มู่เฉียนซีก็คร้านที่จะอธิบายให้มากความเช่นกัน
จากนั้นนางก็เริ่มที่จะทำการศึกษาไข่มุกสีเงินเม็ดหนึ่งนั้น เมื่อไป๋ฉางมองเห็นไข่มุกสีเงินนั้นแล้วก็ต้องตกตะลึงทันที
“นะ…นี่มันคือไข่มุกวิญญาณอัสนี เอามาให้ข้าดูหน่อย!”
ไป๋ฉางคิดอยากที่จะคว้าเอาไข่มุกเม็ดนั้นมา แต่กลับถูกมู่เฉียนซีหลบหลีกไปเสียก่อน
“เหตุใดข้าต้องให้เจ้าดูด้วย!”
“เจ้านี่โชคดีเสียจริง ไข่มุกวิญญาณอัสนีถูกเจ้าหาเจอเสียแล้ว! เจ้าเสนอราคามา ทำเช่นไรเจ้าถึงจะมอบไข่มุกวิญญาณอัสนีนั้นให้กับข้า” ไป๋ฉางกล่าว
เขาต้องการไข่มุกวิญญาณอัสนีนี้มากจริง ๆ ไม่เพียงแต่มันจะสามารถทำให้เขาเลื่อนขั้นไปอีกหนึ่งขั้นได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถทำให้พลังวิญญาณธาตุอัสนีของเขาพัฒนาไปสู่สถานะที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้อีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าไม่ขาย!”
แม้จะยังไม่รู้ว่าที่จริงแล้วจะใช้ไข่มุกวิญญาณอัสนีนี้ได้อย่างไร แต่เมื่อได้เห็นท่าทางกระวนกระวายเช่นนี้ของไป๋ฉาง ไข่มุกวิญญาณอัสนีนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ข้ามียาลูกกลอน! ยาลูกกลอนของข้ามีพลังขั้นศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะเอามันมาแลกกับเจ้า!” ไป๋ฉางกล่าว
“ยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดว่าข้าจะหายากมากงั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
“……”
ด้วยท่าทางที่เมินเฉยของมู่เฉียนซี ทำให้ไป๋ฉางคิดอยากที่จะไปแย่งชิงมาแล้ว
แต่น่าเสียดาย ที่เขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” ในเวลานี้ โม่ชิงอู่ที่ดูดซับพลังเสร็จแล้ว ก็กล่าวถามขึ้น
“ไข่มุกวิญญาณอัสนี!”
เมื่อโม่ชิงอู่เห็นไข่มุกวิญญาณอัสนีก็รู้สึกเริ่มไม่สงบแล้วเช่นกัน ของสิ่งนี้ช่างดีมากเสียจริง
ไป๋ฉางกล่าวว่า “ชิงอู่ ข้าต้องการไข่มุกวิญญาณอัสนีเม็ดนี้ เจ้าทำให้มู่เฉียนซีเอาไข่มุกวิญญาณอัสนีมาขายให้ข้าหน่อยสิ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะขายมัน เจ้ายอมแพ้ไปเสียเถอะ!”
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ข้ามีของที่เจ้าต้องการหรือไม่? หากว่าข้ามีแล้วละก็ สามารถเอามาแลกได้หรือไม่?”
“ข้าขาดของอยู่สิ่งหนึ่ง นั่นก็คือเคล็ดวิชาระดับสูงที่เหมาะสมกับการฝึกฝนของเสี่ยวโม่โม่ เจ้ามีหรือไม่?”
โม่ชิงอู่กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เคล็ดวิชาที่พ่อบุญธรรมเคยมอบให้ หากไม่มีที่เจ้าถูกใจแล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจมีได้”
นางกล่าวกับไป๋ฉางว่า “ไม่มีทางเลือก! ไป๋ฉางเจ้ายอมแพ้เสียเถิด! รอไปถึงหอหลอมอัสนีแล้ว บางทีอาจจะเจอของอย่างอื่นอีกก็ได้”
ไป๋ฉางไม่เต็มใจเท่าไรนัก และต้องการที่จะให้โม่ชิงอู่ร่วมมือในการไปแย่งมันมา
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีเจ้าตัวเล็กที่มีสายเลือดราชันย์ตัวนั้นไว้ในครอบครองอยู่ แต่ก็กลัวว่าแม้พวกเขาจะร่วมมือกันก็ยังไม่อาจแย่งชิงมาได้
ไม่มีทางที่ในเวลานี้โม่ชิงอู่จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในได้ นี่อาจจะทำให้เผ่าหงส์นิลกลายเป็นที่น่าขบขันไปได้
ไป๋ฉางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างไม่พอใจ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มู่เฉียนซีจึงได้ดูดซับพลังวิญญาณของไข่มุกวิญญาณอัสนีต่อหน้าต่อตาไป๋ฉางเสียเลย
ไป๋ฉางโกรธแค้นจนดวงตาทั้งคู่ของเขากลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมา หลังจากนั้น เขาก็จ้องมองมู่เฉียนซีที่ดูดซับพลังของไข่มุกวิญญาณอัสนีที่เสร็จสิ้นไปอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายไข่มุกวิญญาณอัสนีก็กลายเป็นผุยผง
ในตอนนี้ภายในร่างกายของมู่เฉียนซีก็มีพลังวิญญาณเพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานก็สามารถทะลวงผ่านไปได้อีกครั้ง
ไป๋ฉางกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “มู่เฉียนซี เจ้านี่ช่างทำให้เสียของเสียจริง! ปกติเมื่อธาตุอัสนีได้ดูดซับไข่มุกวิญญาณอัสนีไปก็จะต้องเลื่อนขั้นแล้ว ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะยังไม่เลื่อนขั้น”
“ดูเหมือนว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะไม่เท่าไรนะ! เพียงแค่เจ้ารู้วิธีการต่อสู้มากมายเท่านั้นเอง หากว่าเอาไข่มุกวิญญาณอัสนีนั้นมาให้ข้า ป่านนี้คงทะลวงขั้นไปได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไป๋ฉาง ถึงเจ้าจะเอะอะโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว! ไข่มุกวิญญาณอัสนีนั้นได้ถูกข้าใช้ไปแล้ว”
เมื่อคิดไปถึงความรวดเร็วที่มู่เฉียนซีดูดซับพลังของผลึกวิญญาณอัสนี โม่ชิงอู่ก็รู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าแม้แต่ไข่มุกวิญญาณอัสนีก็จะสามารถดูดซับได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ที่จริงแล้วมู่เฉียนซีผู้นี้เป็นใครกันแน่?
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ไป๋ฉาง พวกเรามาดูดซับกันต่อเถอะ! หลังจากที่ดูดซับเสร็จแล้ว จะได้รีบตรงไปที่หอหลอมอัสนี”
“ฮึ!” ไป๋ฉางส่งเสียงฮึดฮัด และทำได้เพียงแค่ฝึกฝนต่อไปเท่านั้น
หลังจากที่รอให้ทุกคนดูดซับเรียบร้อยแล้ว ก็ได้รู้ถึงความรวดเร็วอันน่าสะพรึงกลัวของมู่เฉียนซี ส่วนคนอื่นนั้นอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง ที่จริงแล้วนี่คือตัวประหลาดอะไรกันแน่!
เงาร่างสองสามร่าง ตรงไปที่หอหลอมอัสนีด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด และในเวลานี้ รอบหอหลอมอัสนี อัจฉริยะของแต่ละเผ่าหงส์แต่ละเผ่าต่างก็มาถึงกันแล้ว
.