ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1641 ภัยของฝ่าบาท
“เจ้าจะลองดูก็ได้” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ถูกประเมินต่ำเช่นนี้ ฮุยจี้โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง จิตสังหารอันเย็นยะเยือกพัดกระโชกเข้ามา
ร่างในชุดสีเทาพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีราวกับลมพายุพัดกระโชก พรสวรรค์ของเผ่าหงส์ไฟก็คือความเร็วนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ที่แท้ความเร็วของเจ้าก็เหมือนชื่อของเจ้านี่เอง ความเร็วราวกับเครื่องบิน!”
หากเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่ได้ฝึกสายฟ้า เผชิญหน้ากับความเร็วเช่นนี้หากไม่ใช้การเคลื่อนไหวภายในชั่วพริบตาคงยากที่จะรับมือได้
ทว่า ความรวดเร็วเช่นนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นางต้องใช้พลังแห่งมิติ
ร่างของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ฮุยจี้ที่กลายร่างเป็นกายแท้ได้ก่อตัวเป็นกระแสลมพายุขึ้น
“วายุทำลาย!”
คมมีดวายุสีเทาพัดกระโชกเข้ามา ดวงตาของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น
ความเร็วของเฮยจี้มีความได้เปรียบเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับเฮยหลิวและโม่ชิงอู่แล้ว คนผู้นี้รับมือได้ยากกว่ามาก
ร่างสีม่วงเคลื่อนไหวไปเผชิญหน้ากับลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวนั้น มู่เฉียนซีก็โจมตีกลับไปอย่างรุนแรง
คู่ต่อสู้ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร นางก็ยิ่งสามารถทดสอบผลของการฝึกสายฟ้าได้มากขึ้นเท่านั้น และจะได้หลอมรวมสิ่งที่ได้รับมาอย่างสมบูรณ์
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ความเร็วของฮุยจี้นั้น เมื่อเทียบกับมู่เฉียนซีแล้วมู่เฉียนซีเร็วกว่ามาก
รูม่านตาของฮุยจี้หดตัวลง หญิงสาวผู้นี้ช่างรวดเร็วยิ่งนัก!
และสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขารับรู้ได้ถึงวายุที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของหญิงสาวผู้นี้
เห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุ!
“หากเจ้าต้องการจะประลองความเร็วกับข้า ก็ไม่มีปัญหา!” มู่เฉียนซีกล่าว
“เจ้าช่างไม่ประเมินตนเอาเสียเลย!” ฮุยจี้ลงมือกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง
ร่างของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด พลังธาตุวารีกับพลังธาตุอัคคีหลอมรวมกัน
พลังธาตุทั้งสองหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และดูเหมือนว่าจะโจมตีออกมาพร้อมกันก็มิปาน
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
“มังกรน้ำแข็งสะท้านสวรรค์!”
ผู้บำเพ็ญพลังธาตุคู่มีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้หายากนัก
แต่คนที่สามารถหลอมรวมพลังธาตุทั้งคู่เข้าด้วยกันได้นั้น และโจมตีอย่างแข็งแกร่งจนน่าทึ่งได้ถึงเพียงนี้ ฮุยจี้เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ภายใต้การโจมตีพลังธาตุคู่นี้ ความเร็วของฮุยจี้ได้ช่วยตัวเขาเองได้ครั้งหนึ่ง
ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหวไปมา นึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเพื่อลอบโจมตีเขา
“ทักษะโยวจั๋ว!”
“บัดซบ! นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวผู้นี้จะลอบโจมตีข้า!”
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ฮุยจี้เอียงตัวหลบหลีก แต่ปีกด้านขวาก็ยังถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นมาจากปลายปีกของเขา ขนสีเทาจำนวนมากร่วงลงมาจากร่างของเขา
ฮุยจี้กัดฟันกรอดพลางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “บาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านี้มันไม่ได้ส่งผลอันใดกับข้าหรอก”
เขากระพือปีกและโจมตีอีกครั้ง
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณระเบิดเปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอีกครั้งมู่เฉียนซีโจมตีอย่างไร้ความปรานี
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ภายในชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็โจมตีกันไปหลายต่อหลายกระบวนท่าแล้ว
ฉึก!
ร่างของเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของมังกรน้ำแข็ง บนร่างกายปรากฏรอยเลือดหลายสิบแผล
ไม่ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับความจริงนี้มากเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีอยู่ดี
และต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ เขาก็ไม่มีทางปล่อยนางไป คิดจะขึ้นชั้นแปดอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!
“กระบวนท่าอุบายเหล่านี้คนอื่นเขาใช้กันมานักต่อนักแล้ว เจ้ายังคิดจะใช้อีกเหรอ รับมือกับเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาก” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คำพูดของนางทำให้ฮุยจี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น
“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะขวางเจ้าไม่ได้”
ตูม!
การโจมตีที่แข็งแกร่งทั้งสองปะทะกัน เผชิญหน้ากับเขา มู่เฉียนซีไม่จำเป็นต้องป้องกัน!
ความเร็วของทั้งสองนั้นสูสีกันมาก!
การโจมตีของเขานั้นใช้กับมู่เฉียนซีไม่ได้ผลเลย แต่การโจมตีของมู่เฉียนซีกลับทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!
พรวด! เขากระอักเลือดคำโตออกมา โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น
“นึกไม่ถึงเลยว่าร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
มู่เฉียนซีง้างมือขึ้นพลางกล่าว “ลองดูกระบวนท่าสุดท้ายนี้สิ!”
“ทักษะโยวจั๋ว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ภายใต้การโจมตีของทักษะนี้ ร่างของฮุยจี้กระเด็นลอยออกไป เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปและถูกค่ายกลส่งตัวของหอหลอมอัสนีส่งตัวออกไปในที่สุด
มู่เฉียนซีหันหลังพุ่งไปที่ประตูที่หนึ่ง ยังมีเวลาอีกมากก่อนที่ประตูจะปิดลง
ในตอนนี้ ณ คุกโลหิต หอชิวหลัวถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลอักขระนับไม่ถ้วน ชั่วพริบตาเดียวลำแสงเก้าดวงก็สว่างวาบขึ้น
พรวด! ร่างสีฟ้าอ่อนร่างหนึ่งปรากฏขึ้นภายในค่ายกลอักขระนี้ และกระอักเลือดคำโตออกมา
ชุดคลุมยาวที่เรียบง่ายนั้นแปดเปื้อนไปด้วยเลือด สีหน้าซีดขาวราวกระดาษก็มิปาน
“ท่านอู๋หยา ข้าว่าร่างกายที่แตกสลายนี้ไม่อาจคาดเดาอันใดได้ ท่านไม่อยากมีชีวิตที่ยาวนานแล้วอย่างนั้นเหรอ!”
ร่างในชุดสีเขียวเข้มร่างหนึ่งลอยพลิ้วไหวเข้ามา พลางมองอู๋หยาอย่างทอดถอนใจ
“จื่อโยว!” น้ำเสียงอันแหบแห้งดังขึ้น
“มู่เฉียนซีเป็นภัยต่อฝ่าบาท! แต่หากไม่มีนาง ปมของฝ่าบาทก็ไม่มีทางแก้ไขได้ ชะตากรรมชีวิตเช่นนี้ สำหรับฝ่าบาทแล้วไม่คำว่าร่างกายที่แตกสลาย!”
“ท่านอู๋หยา นี่ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่ ก่อนหน้านี้ท่านเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าชะตากรรมของทั้งสองมิอาจประเมินค่าได้ ท่านยังจะทำเช่นนี้อีก” จื่อโยวกล่าวด้วยความตกใจ
“ข้าก็แค่เป็นห่วงฝ่าบาท!” อู๋หยากล่าว
“แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เขากล่าวถาม
“เยี่ยก็ไม่สนใจข้าเลย ท่านรู้หรือไม่ หอหลอมอัสนีกำลังจะปิดแล้ว เขายังนิ่งดูดายอยู่อีก แถมยังขับไสไล่ส่งข้าอีก ข้าเบื่อ ๆ ก็เลยมาหาท่านที่นี่”
อู๋หยาเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางกล่าว “อีกไม่นานแล้ว! ผู้พิทักษ์นิรันดร์ ดอกบัวหงส์เก้ากลีบก็จะฟื้นฟูแล้ว”
จื่อโยวกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “จริงเหรอ?”
ภายในคุกโลหิต จิ่วเยี่ยกำลังเก็บตัวอยู่ในห้องห้องหนึ่ง ดอกบัวหงส์เก้ากลีบสีฟ้าอ่อนกลีบหนึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศ แสงสว่างอันอ่อนโยนนั้นส่องสว่างในพื้นที่ที่ไร้ชีวิตชีวานี้
ร่องรอยแห่งความปรารถนาส่องประกายผ่านดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้น “อีกไม่นานแล้ว!”
“ซี! รอข้านะ!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทันทีที่มู่เฉียนซีย่างเท้าเข้าสู่ชั้นที่เก้านี้ เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้นมาจากตรงกลาง
อัสนีสีม่วงฟาดฟันลงมาทั่วทุกพื้นที่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถึงใจกลางแห่งสายฟ้าแล้ว ที่แห่งนี้รวบรวมสายฟ้าเอาไว้นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสายฟ้าที่ฟาดฟันลงมารวดเร็วเพียงใดก็ไม่อาจหลบหลีกได้ ถูกกำหนดให้โจมตีแล้ว
อัสนีสีม่วงโจมตีลงมาจนมืดฟ้ามัวดิน แม้ว่าฉื้อลั่วอวี่กับคนอีกผู้หนึ่งจะมาถึงก่อนมู่เฉียนซี แต่กลับไม่ได้เดินนำไปไกลมากนัก
ที่แห่งนี้ยากที่จะเดินหน้าไปได้!
“เจ้า…มู่เฉียนซี นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเอาชนะฮุยจี้ได้!”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมา ฉื้อลั่วอวี่ก็รู้สึกประหลาดใจมาก จากนั้นสายฟ้าก็โจมตีลงมา
ครืน! เปรี้ยง เปรี้ยง!
เปลวไฟสีแดงฉานห่อหุ้มร่างของนางไว้ นางมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพของเผ่าหงส์เพลิงปกป้องร่างกาย ต่อให้อันตรายมากเพียงก็รับมือได้
ส่วนคนอีกคนหนึ่งก็เหมือนกัน!
ตูม!
อัสนีสีม่วงห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้ ฉื้อลั่วอวี่ที่เมื่อครู่ถูกสายฟ้าฟาดจนตกใจกลัวได้เห็นมู่เฉียนซีอยู่ท่ามกลางสายฟ้าเช่นนี้ นางก็กล่าวว่า “ต่อให้ขึ้นมาได้ แต่เจ้าก็ไม่มีทางอดทนได้นานหรอก!”
“ฉื้อลั่วอวี่ เจ้าอย่าได้มีความสุขในความทุกข์ของคนอื่นเลย! เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพของพวกเจ้าจะอดทนได้นาน!”
ฉื้อลั่วอวี่เห็นป้ายโล่ของฝ่ายตรงข้ามปรากฏรอยร้าวขึ้นแล้ว “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพของเผ่าหงส์เพลิงของข้า ไม่ใช่สิ่งที่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพของเผ่าอื่นจะมาเปรียบเทียบได้ คนที่ไปถึงเส้นชัยได้ ต้องเป็นข้า ฉื้อลั่วอวี่เท่านั้น”
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!
สายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดฟันลงมา เสียง แกร่ก! ดังขึ้น ป้ายโล่ของชายผู้นั้นแตกลงแล้ว
อ๊า! อัสนีสีม่วงรุนแรงกว่าสายห้าอื่นมาก ด้วยการโจมตีนี้ ต่อให้เป็นร่างอันแข็งแกร่งของสัตว์เทพเขาก็ไม่อาจต้านทานไหว จึงส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมา