ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1656 ราชาโม่ตื่นตกใจ
คนที่ให้การสนับสนุนขวงจวิ้นอ๋องได้นำเรื่องนี้มาอธิบายกันอย่างสมจริงสมจัง
“เดิมทีแล้วพวกเราอยากที่จะไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับใช้อิทธิพลเพื่อครอบครองหงส์น้อยตัวนั้น และไม่ยอมให้มันได้พบเจอบรรพบุรุษของตนเอง ขวงจวิ้นอ๋องจึงได้ตัดสินใจไปที่ตำหนักเทพหงส์นิล เพื่อไปตรวจสอบสายเลือดอย่างไรล่ะ!”
“มนุษย์ผู้นี้อาศัยว่ามีความสามารถเล็กน้อย นี่จะไม่เรียกว่าทำตัวเผด็จการเกินไปหน่อยหรือ!”
“..….”
ในเวลานี้ มู่เฉียนซียังคงอยู่ในตำหนักเทพหงส์นิลกับขวงจวิ้นอ๋อง ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมกล่าวว่า “ท่านขวงจวิ้นอ๋อง สามารถเริ่มได้เลยหรือไม่?”
“นายท่าน…” เสี่ยวโม่โม่รู้สึกกลัวเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวปลอบโยนว่า “เสี่ยวโม่โม่ ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร? ก็ไม่มีผู้ใดที่จะให้เจ้าทำเรื่องที่เจ้าไม่ยินยอมได้ ยังมีพวกเราอยู่นะ!”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “อื้ม! นายท่านเยี่ยมยอดที่สุดแล้ว”
วิธีการตรวจสอบสายเลือดนั้นง่ายดายมาก เพียงแค่หยดเลือดของทั้งสองลงไปบนศิลาหงส์นิลชิ้นหนึ่ง และทันใดนั้นลำแสงสีดำที่บริสุทธิ์ก็พวยพุ่งออกมา
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมกล่าวว่า “ลำแสงที่บริสุทธิ์เช่นนี้ เป็นญาติในสายโลหิตจริง ๆ ท่านขวงจวิ้นอ๋องยินดีด้วย ในที่สุดก็หาลูกสาวที่หายไปหลายปีของท่านกลับมาได้แล้ว”
คนอื่น ๆ รีบเข้ามาประสมโรงร่วมแสดงความยินดี
“ยินดีด้วยท่านขวงจวิ้นอ๋อง!”
“ยินดีด้วย!”
รอยยิ้มที่มีความสุขของขวงจวิ้นอ๋องมองไปที่เสี่ยวโม่โม่ด้วยความรักใคร่แล้วกล่าวว่า “ข้าละอายใจต่อเด็กคนนี้นัก”
“รอเดี๋ยวก่อน!” ในเวลานี้เอง มู่เฉียนซีเปิดปากกล่าว
“ข้ารู้สึกสงสัยถึงความถูกต้องของการตรวจสอบสายเลือดในครั้งนี้ ว่ามันถูกต้องหมดจดจริง ๆ หรือไม่?”
ถึงแม้ในตอนแรกที่ได้เจอท่านแม่ของเสี่ยวโม่โม่ จะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ และไม่ได้เข้าใจนางมากเท่าไรนัก แต่ทว่าหญิงสาวที่เด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งเช่นนั้น น่าจะไม่ตาบอดเช่นนี้หรอก
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมกล่าวว่า “นี่คือสมบัติของพวกเราเผ่าหงส์นิล ไม่สามารถที่จะปลอมแปลงได้อย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าตรวจสอบสายเลือดกับเสี่ยวโม่โม่ ได้หรือไม่?”
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “มู่เฉียนซี นี่เจ้าจะก่อกวนอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมกล่าวว่า “ศิลาสายเลือดนี้เมื่อเปิดใช้งานครั้งหนึ่ง มันก็จะต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก จะมาตบตาได้อย่างไร! เจ้าเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง จะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใด ๆ กับหงส์น้อยกันเล่า?”
“การใช้พลังหรือ แล้วหากต้องชดเชยสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เท่าไรล่ะ? ข้ามีความสนใจที่จะทดสอบสักหน่อยเท่านั้นเอง” มู่เฉียนซีหยิบยาออกมาขวดหนึ่ง จากนั้นก็ยัดเข้าไปในมือของผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมของเผ่าหงส์นิล
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างตกตะลึง “ยาลูกกลอน ยาพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต!”
“นะ…นี่ก็ไม่ได้…”
“เช่นนั้น เพิ่มให้อีกขวดหนึ่ง!”
“ไม่…”
“เพิ่มไปอีกขวด!”
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมจ้องมองสิ่งของในมือด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ของสิ่งนี้ทำให้คนหวั่นไหวมากเกินไปแล้ว
ส่วนคนอื่นต่างก็พากันส่งเสียงอื้ออึงไม่ขาดสาย นี่เป็นการติดสินบนอย่างตรงไปตรงมาจริง ๆ เอายาพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตมาเป็นสินบน นี่เป็นคนที่แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
แต่นี่เป็นถึงยาพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตเชียวนะ! ใครจะไปอดใจได้ไหวกัน?
“ตกลง! จะลองก็ลอง! ยาลูกกลอนเหล่านี้เพียงพอที่จะชดเชยแล้ว”
ใบหน้าของขวงจวิ้นอ๋องตอนนี้ แทบจะแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำอยู่แล้ว สถานการณ์ของเขาตอนนี้ ชักจะท่าไม่ดีแล้ว
“ในเมื่อมู่เฉียนซีเจ้ายืนยันว่าจะลองแล้วละก็ เช่นนั้นก็ลองดูเถอะ!”
เลือดของมู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่หยดลงบนศิลาหงส์นิลชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้น แสงสีดำทะมึนที่ดูบริสุทธิ์ก็สว่างวาบขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขวงจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้จะพูดว่าอย่างไรดี? ข้าว่าศิลาหงส์นิลนี้ น่าจะมีปัญหาเสียแล้วล่ะ”
สีหน้าของผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีกรรมเผยให้เห็นถึงความเหลือเชื่อออกมา “นะ…นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? หรือว่าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้น”
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “มู่เฉียนซี ไม่คาดคิดเลยว่าเพื่อที่จะไม่ให้เสี่ยวโม่โม่ได้มีครอบครัวบรรพบุรุษ เจ้าจะต้องทำถึงขั้นนี้ที่นี่ ปกติแล้วข้าเป็นคนที่อารมณ์ดีมาก แต่ทว่าครั้งนี้ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่”
“เด็ก ๆ! ไปจับตัวนางลงมาให้ข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จับข้าลงไป ก็ต้องลองดูว่าพวกเจ้ามีฝีมือหรือไม่?”
“ห้ามทำร้ายนายท่านนะ”
หลังจากตกตะกอนมาได้ระยะเวลาหนึ่ง เสี่ยวโม่โม่ก็รู้สึกว่าการใช้แรงกดดันของตนเองนั้นคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
แรงกดดันของนาง เห็นได้ชัดว่าลูกน้องที่เย่อหยิ่งทั้งหมดเหล่านั้นของขวงจวิ้นอ๋องต่างก็พากันชะงักงัน แรงกดดันของสายเลือดนั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ
สิ่งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาอ่อนแอลงครู่หนึ่งเท่านั้น ขวงจวิ้นอ๋องจึงรู้สึกว่าการจัดการมู่เฉียนซีนั้นเพียงแค่ตนเองผู้เดียวก็เหลือเฟือแล้ว
“ลงมือ!”
ตูม!
มู่เฉียนซีและขวงจวิ้นอ๋องประมือกัน
ร่างสีม่วงสว่างวาบขึ้น มู่เฉียนซีเหาะออกไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
“เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปกันเถอะ!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าคิดจะพาลูกสาวของข้า หนีออกไปจากแคว้นหงส์นิลสินะ” ขวงจวิ้นอ๋องแผดเสียงดังก้อง
“ไล่ตามไป!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ขวงจวิ้นอ๋องก็ยังคงประเมินมู่เฉียนซีต่ำเกินไปอยู่ดี คิดว่าเขาเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการมนุษย์ได้อย่างเหลือเฟือแล้ว
แต่ไม่คิดว่าความเร็วในการหนีของมู่เฉียนซีนั้นจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งความสามารถในการป้องกันก็ยังรวดเร็วอีกด้วย
เพื่อที่จะกักสายเลือดราชันย์ของเผ่าหงส์นิลที่หายากนี้ไว้ให้ได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะปล่อยไปได้ และนี่เอง จึงเป็นสาเหตุที่ขวงจวิ้นอ๋องละทิ้งสถานะของตน และลงมือกับมู่เฉียนซีด้วยตนเอง จากนั้นก็ตรงไปไล่ตามเสี่ยวโม่โม่ไป
ครืน!
ผลก็คือพวกเขาได้ต่อสู้กันตั้งแต่ตำหนักเทพหงส์นิลจนมาถึงบนถนนด้านนอก และเรื่องนี้ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“สถานการณ์นี้ของขวงจวิ้นอ๋อง เป็นการหาลูกสาวหรือว่าไล่จับคนกันแน่น่ะ!”
“รังแกสาวน้อยคนหนึ่ง ขวงจวิ้นอ๋องไม่ได้ทำเกินไปหน่อยหรอกหรือ?”
“แต่ว่าเหตุผลมันก็มาจากการที่มู่เฉียนซีดื้อดึงไม่ยอมรับ เช่นนั้นก็คงจะโทษขวงจวิ้นอ๋องไม่ได้หรอก”
ถึงแม้ว่านางอยากจะออกไปจากแคว้นหงส์นิล แต่มู่เฉียนซีก็ต้องไปรับค่าตอบแทนกับราชาโม่ก่อนถึงจะถูก
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงพุ่งตรงไปทางวังจักรพรรดิหงส์นิล ทำให้สีหน้าของขวงจวิ้นอ๋องเคร่งขรึมขึ้นในทันที “บัดซบเอ๊ย! ไม่คาดคิดเลยว่ามู่เฉียนซีจะหนีเข้าไปถึงวังจักรพรรดิหงส์นิล ที่จริงแล้วนางต้องการอะไรกันแน่?”
“คิดจะไปขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ? รีบไปขัดขวางพวกนางไว้!”
ขวงจวิ้นอ๋องส่งคนออกไปขวางมู่เฉียนซีจำนวนไม่น้อยเลย และในที่สุดก็ปิดล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้ได้แล้ว
พรวด!
เสี่ยวโม่โม่บินขึ้นไปกลางอากาศ และได้ระเบิดไอร้อนของหงส์นิลออกมา
“ห้ามรังแกนายท่าน ห้ามเด็ดขาด!”
“เจ้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้าเลยแม้แต่น้อย คนโกหก! โกหก!”
เสี่ยวโม่โม่จ้องไปที่ขวงจวิ้นอ๋องด้วยความเดือดดาล แม้ว่ามันจะยังเด็ก แต่กลับอ่อนไหวเป็นอย่างมาก
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “มู่เฉียนซี ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า แล้วก็ไม่อยากทำร้ายเสี่ยวโม่โม่ เจ้ามาร่วมมือแต่โดยดีเถิด อย่าดื้อดึงเช่นนั้นเลย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ยอมบาดเจ็บเสียยังดีกว่าให้เสี่ยวโม่โม่ยอมรับขโมยเช่นท่านมาเป็นพ่อ หากท่านลงมือ ข้าก็จะรับมือเอง!”
นางหยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณ และเตรียมตัวต่อสู้อย่างเต็มที่
เสี่ยวโม่โม่ก็ใช้สายเลือดราชันย์จนถึงขีดสุดเช่นกัน “เสี่ยวโม่โม่ก็จะต่อสู้กับพวกเจ้าด้วย”
ตูม!
มู่เฉียนซีที่ตกอยู่กลางวงล้อม หากไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ได้ลงมือสังหารนางหรือการป้องกันของนางไม่แข็งแกร่งพอ เดิมก็คงจะขวางไว้ได้ไม่ถึงสามอึดใจ
นับตั้งแต่ตอนที่มู่เฉียนซีถอนคำสาปให้กับราชาโม่ และหลังจากที่นางให้ยาถอนพิษมาแล้ว ราชาโม่ก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายสบายไปหมด สุดท้ายแล้วจึงได้เดินออกมาจากห้องลับเพื่อเตรียมออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก แต่ทว่า…
ทันทีที่ออกมาจากห้องลับที่ถูกปิดตายเอาไว้ เขาก็รู้สึกว่าสายเลือดราชันย์ของตนเองนั้นกำลังเดือดพล่าน
สายเลือดราชันย์ ไม่คาดคิดเลยว่าจะรู้สึกได้ถึงสายเลือดราชันย์ของเขาในเผ่าหงส์นิลนี้ ที่จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่?
ราชาโม่ตื่นเต้นจนแทบที่จะกระโดดขึ้นมา และพุ่งตรงออกไปจากกลางห้องทรงหนังสือทันที
“ฝ่าบาท! พระองค์จะเสด็จไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”
ราชาโม่ตรัสว่า “ข้ารู้สึกได้ถึงสายเลือดราชันย์ของเผ่าหงส์นิล ข้าจะต้องหามันให้เจอ!”
“ผ่าบาท พระวรกายของพระองค์ไม่สู้ดีนัก! เรื่องนี้มอบให้ขวงจวิ้นอ๋องจัดการเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ! ผ่าบาท!” ผู้แข็งแกร่งหลายคนจากเผ่าหงส์นิลไม่ยอมคล้อยตาม แล้วขวางหน้าราชาโม่เอาไว้