ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1657 ตบหน้าอย่างรุนแรง
นี่ไม่ใช่ความเป็นห่วง แต่มันคือการบังคับให้ราชาโม่ต้องอยู่ที่นี่
สีหน้าของราชาโม่เคร่งขรึมขึ้น “อันที่จริงแล้วพวกเจ้าหมายความเช่นไรกันแน่?”
“พวกกระหม่อมเป็นห่วงพระวรกายของฝ่าบาท!”
“เปิดประตูให้ข้า!”
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ตูม!
สำหรับคนที่ไม่เชื่อฟังตนเอง ราชาโม่ลงมืออย่างไม่ยั้งมือใด ๆ ทั้งสิ้น
คนเหล่านี้รู้ว่าร่างกายของราชาโม่ผอมแห้งและอ่อนแอ หากจะลงมือก็ไม่ได้มีความหวาดกลัว เช่นนั้นการหยุดเขาไว้จึงไม่ใช่ปัญหา
ในเวลานี้ขวงจวิ้นอ๋องกำลังทำเรื่องที่เร่งด่วนมาก ดังนั้นจึงไม่อาจจะปล่อยให้ราชาโม่เข้าไปรบกวนได้
ปัง ปัง ปัง!
แต่ทว่าพวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลย ว่าราชาโม่จะสามารถหลบหนีจากการกักขังของพวกเขาได้
“บังอาจนัก!” ราชาโม่โบกมือหนึ่งครั้ง และพวกเขาก็ถูกพัดลอยออกไป
“ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!”
พลังของราชาโม่ในตอนนี้เต็มเปี่ยมมาก ด้วยท่าทางที่ดูแข็งแรง และพลังที่แข็งแกร่งนี้ทำให้ราชาโม่ดูไม่เหมือนคนป่วยหนักเลยสักนิด พวกเขาต่างก็ตะลึงงันกันไปพักใหญ่
นี่ราชาโม่ดูสดใสขึ้นก่อนที่จะตายเช่นนั้นหรือ?
ราชาโม่พุ่งออกไปยังสถานที่ที่พลังแห่งสายเลือดไหลออกมา และแน่นอนว่าคนของขวงจวิ้นอ๋องที่อยู่ในวังเหล่านั้นเข้ามาขวางไว้
แม้ว่าความแข็งแกร่งของราชาโม่จะยังไม่ได้ฟื้นฟูมาจนถึงระดับที่สูงสุด แต่การจัดการคนเหล่านี้เพียงเท่านี้ก็เหลือเฟือแล้ว
“หลีกทางให้ข้า!”
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีกำลังถูกล้อมโจมตี จิ่วเยี่ยทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และเตรียมที่จะลงมือ
พลังแห่งความมืดที่น่าสะพรึงกลัวได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้ง เมืองโม่หวงอย่างเงียบ ๆ และมู่เฉียนซีก็เตรียมที่จะนำอู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมา เพื่อทำการต่อสู้ครั้งใหญ่แล้ว!
ในเวลาขณะนั้นเอง ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน
และเสียงที่น่าเกรงขามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”
“โม่หลิ่วขวง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ใครให้เจ้าก่อเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง
“ฝ่าบาท…”
“ฝ่าบาทเสด็จแล้ว!”
“ไม่คาดคิดเลยว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา”
โม่หลิ่วขวงกำหมัดแน่น พยายามขบคิดว่าจะต้องทำเช่นไรเพื่อให้ราชาโม่ออกไปให้ได้
เขากล่าวว่า “ฝ่าบาท ข้าเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับเช่นกัน เรื่องนี้หากพูดแล้วคงยาวมาก รอให้ข้าจับมู่เฉียนซีได้แล้ว ข้าจะไปอธิบายให้ท่านฟังเอง!”
“ท่านตา พวกเขารังแกเสี่ยวโม่โม่! ฮือ ๆ ๆ!”
เมื่อราชาโม่ปรากฏตัวขึ้น เสี่ยวโม่โม่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่สนิทสนม
ตอนนี้นางพุ่งมาถึงตรงหน้าของราชาโม่อย่างรวดเร็ว และกำลังฟ้องด้วยท่าทางออดอ้อนน่ารัก
“ฮือ ๆ ๆ! แล้วพวกเขายังทำร้ายนายท่านด้วย ท่านตาท่านจะต้องสั่งสอนพวกเขาให้ได้นะ”
เจ้าตัวน้อยตัวนิดนี้ ด้วยเสียงที่ไร้เดียงสานั้น และความผูกพันที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด ทำให้ราชาโม่ที่เมื่อได้เห็นเสี่ยวโม่โม่ในตอนนี้ ก็เกือบที่จะถูกทำให้ละลายไปทั้งหัวใจอยู่แล้ว
ผู้ชมที่อยู่โดยรอบต่างพากันตะลึงงัน นะ…นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่?
เจ้าตัวน้อยที่ครอบครองสายเลือดราชันย์นี้ ไม่ใช่ว่าเป็นลูกสาวที่หายสาบสูญไปหลายปีแล้วของขวงจวิ้นอ๋องหรอกหรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงได้กลายเป็นหลานสาวของฝ่าบาทของพวกเขาไปเสียแล้วล่ะ?
เมื่อราชาโม่มองไปเห็นมู่เฉียนซี ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย! ไม่คาดคิดเลยว่าสาวน้อยคนนี้! นางจะเป็นนายท่านของเจ้าตัวน้อยนี่
ราชาโม่กล่าวว่า “ในเมื่อค้นพบสายเลือดราชันย์แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะไม่รายงานกับข้า แล้วยังก่อเรื่องราวใหญ่โตในเมืองโม่หวงอีก โม่หลิ่วขวง บอกข้ามา ที่จริงแล้วเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ขวงจวิ้นอ๋องถูกบังคับให้โดนจับไว้ เขาก้มหน้ากล่าวว่า “ฝ่าบาท มนุษย์ผู้นี้บังคับให้หงส์นิลที่มีสายเลือดราชันย์ของตระกูลกระหม่อมผูกพันธสัญญา กระหม่อมได้เคยตรวจสอบสายเลือดกับนางแล้ว เสี่ยวโม่โม่คือลูกสาวกระหม่อม แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับดึงดันที่จะพาเสี่ยวโม่โม่จากไป กระหม่อมร้อนใจไปชั่วขณะหนึ่ง เช่นนั้น…”
“เขาเป็นลูกสาวของเจ้าหรือ?” ราชาโม่เดือดดาล
เขารู้สึกถึงความใกล้ชิดกับเจ้าตัวน้อยนี้ตามสัญชาตญาณ และไม่คาดคิดเลยว่าโม่หลิ่วขวงจะกล้าบอกว่าเป็นลูกสาวของเขา นี่มันคือการปั้นน้ำเป็นตัวชัด ๆ
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! ข้าได้ตรวจสอบสายเลือดที่ตำหนักเทพหงส์นิลแล้ว ต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “ข้าก็ผ่านการตรวจสอบแล้ว หรือจะบอกว่าเสี่ยวโม่โม่ก็เป็นลูกสาวข้าเช่นนั้นหรือ”
ราชาโม่กล่าวว่า “ตอนนี้ที่ข้ามีศิลาหงส์นิลอยู่ชิ้นหนึ่ง ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าตัวน้อยนี้เป็นลูกสาวของเจ้า เช่นนั้นก็ตรวจสอบมันต่อหน้าข้าอีกครั้ง”
“หากนางคือลูกสาวของเจ้าจริง ๆ เช่นนั้นเรื่องนี้ข้าจะต้องจัดการอย่างยุติธรรมแน่นอน”
“ราชาโม่!” แววตาของมู่เฉียนซีมืดครึ้มลงทันที ราชาโม่คงจะไม่ได้คิดที่จะสมรู้ร่วมคิดกับขวงจวิ้นอ๋องหรอกใช่หรือไม่!
ขวงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “ครั้งนั้นอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ไม่จำเป็นต้องมีครั้งที่สอง!”
“ข้าว่าเจ้าจะไม่ทำแล้วสินะ!”
ราชาโม่พูดว่าต้องลงมือก็ต้องยอมรับ พลันนั้นขนหงส์สีดำเส้นหนึ่งก็พุ่งออกไป!
เมื่อขวงจวิ้นอ๋องกำลังจะมีการตอบสนอง แต่มันก็ช้าเกินไปเสียแล้ว ขนหงส์เส้นนั้นวาดลงบนแขนของเขา จากนั้นเลือดสด ๆ ก็รินไหลออกมา
“ท่าน...”
การที่ราชาโม่ดำเนินการอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดถึงเพียงนี้ ทำให้ขวงจวิ้นอ๋องค่อนข้างประหลาดใจ
พลังของเขา!
ติ๋ง! เลือดทั้งสองหยดติ๋งลงไปบนศิลาหงส์นิลพร้อมกัน และมันก็ไม่ส่องแสงอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย
ราชาโม่กล่าวว่า “ศิลาหงส์นิลของข้านั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ดูท่าศิลาหงส์นิลของตำหนักเทพหงส์นิลชิ้นนั้นควรเปลี่ยนได้แล้ว! ขวงจวิ้นอ๋องจะดีเสียกว่าหากเจ้าไม่ระบุตัวลูกสาวส่งเดช”
สีหน้าของขวงจวิ้นอ๋องเปลี่ยนเป็นซีดเผือด!
“ก่อนหน้านี้ศิลาหงส์นิลของตำหนักเทพหงส์นิลไม่เคยพังมาก่อนเลย เหตุใดวันนี้ดันมาพังเสียแล้วล่ะ!”
“หรือว่าเพื่อที่จะมีลูกสาวสายเลือดราชันย์สักคนหนึ่ง ขวงจวิ้นอ๋องจึงได้จงใจที่จะปลอมแปลง”
“……”
ขวงจวิ้นอ๋องที่อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย รู้สึกราวกับว่าใบหน้าของตนเองนั้นถูกตบอย่างรุนแรงหลายครั้ง
ราชาโม่หันไปมองทางเสี่ยวโม่โม่ด้วยความรักใคร่ “เจ้าตัวน้อย เจ้ายินยอม ที่จะตรวจสอบสายเลือดกับข้าสักหน่อยหรือไม่?”
ความจริงแล้ว ภายในใจของราชาโม่มีคำตอบอยู่แล้ว
มันดูไม่จริงราวกับเป็นเพียงความฝัน เขาจึงอยากที่จะยืนยันอย่างละเอียด
เสี่ยวโม่โม่ไม่ได้ตอบกลับ แต่หันไปมองทางมู่เฉียนซีแล้วตะโกนว่า “นายท่าน ได้หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ได้สิ!”
ราชาโม่ต่อต้านการผูกพันธสัญญาระหว่างมนุษย์กับเผ่าหงส์นิลมาโดยตลอด ตอนแรกที่ขวงจวิ้นอ๋องผูกพันธสัญญากับมนุษย์ ราชาโม่ก็เกือบที่จะขับไล่เขาออกไปจากเผ่าหงส์นิลอยู่แล้ว
เนื่องจากนางกลัวว่าราชาโม่จะต่อต้านการผูกพันธสัญญาของนางกับเสี่ยวโม่โม่ นางจึงเงียบไว้มาตลอด!
แต่ทว่า นางไม่อาจขัดขวางเสี่ยวโม่โม่ในการตามหาญาติพี่น้องได้
ราชาโม่และเสี่ยวโม่โม่หยดเลือดลงบนศิลาหงส์นิลพร้อมกัน รากเหง้าและต้นกำเนิดของสายเลือดทั้งสองชนิดผสมผสานเข้าด้วยกัน และลำแสงสีดำทะมึนที่ดูบริสุทธิ์เป็นอย่างมากก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องนภา
ผู้คนต่างส่งเสียงร้องอย่างตื่นตกใจ “พวกเจ้าดูสิ!”
“แรงกดดันของสายเลือดราชันย์ที่แข็งแกร่ง”
“……”
และเมื่อเทียบกับลำแสงของขวงจวิ้นอ๋องที่เล็กน้อยในตอนแรกนั้น ก็ทำให้ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงอีกเลย!
ลำแสงนี้ ดูราวกับว่าเป็นสัญลักษณ์ของการผงาดขึ้นไปแห่งราชวงศ์หงส์นิล ราชาโม่มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
เขามองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “สาวน้อย กลับไปที่พระราชวังของข้าแล้วพูดคุยกันหน่อยได้หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา!”
ราชาโม่เหลือบมองไปที่ขวงจวิ้นอ๋องอย่างเย็นยะเยือก แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทางที่ดีเจ้าคิดให้ดีว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับข้าอย่างไร!”
เพียะ! ทันทีที่พูดจบ ราชาโม่ก็ตบลงไปที่ใบหน้าของขวงจวิ้นอ๋องอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
ราชาโม่ตบขวงจวิ้นอ๋องบนถนน และทั่วทั้งใบหน้าของเขาก็พลันบวมแดงขึ้นมา ทั้งยังมีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของเขาด้วย
สีหน้าของขวงจวิ้นอ๋องหม่นหมองลงอย่างที่สุด ไม่คิดเลยว่าราชาโม่จะไม่ให้เกียรติเขาถึงเพียงนี้
เมื่อมู่เฉียนซีมาถึงพระราชวังกับราชาโม่ จากนั้นราชาโม่ก็เอ่ยถามว่า “แม่ของเด็กน้อยนี่ อยู่ที่ไหนกัน?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว”
ภายในแววตาของราชาโม่เผยความโศกเศร้าออกมาอย่างชัดเจน “เผ่าสัตว์เทพหงส์อย่างพวกเรา ยิ่งมีสายเลือดที่บริสุทธิ์มากเท่าไร การให้กำเนิดก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ข้ามีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว เมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยนี้ก็เหมือนกับว่าเห็นลูกสาวตัวเองอย่างไรอย่างนั้น”
“ในตอนแรกที่ยังไม่เริ่มสงครามใหญ่ เผ่าหงส์ของพวกเราก็ยังไม่ได้ถูกกักขัง นางเพียงแค่อยากจะออกไปเที่ยวเล่นเท่านั้น แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าการพรากจากกันในครั้งนั้น จะกลายเป็นการพรากจากกันไปตลอดกาล”
“ข้าขอบใจเจ้ามาก ที่พาเจ้าตัวน้อยนี้กลับมาถึงแคว้นหงส์นิล”