ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1660 คืนแห่งความเมตตา
การยั่วยวนจิ่วเยี่ยได้สิ้นสุดลงแล้ว มู่เฉียนซีได้รับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ทว่าผลที่ได้ต้องดีมากแน่นอนอยู่แล้ว
จิ่วเยี่ยยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว แต่กลับทำให้มู่เฉียนซีต้องร้องขอความเมตตาตลอดทั้งคืน ใครให้เขาเป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบกันล่ะ
หลังจากที่รอให้ช่างกวานซูเยว่มาแล้ว ราชาโม่ก็ได้ให้คำตอบ
เผ่าหงส์นิลของพวกเขา ยอมที่จะเข้าร่วมในค่ายฝึกนี้ และได้แนะนำมู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่ไป
ช่างกวานซูเยว่กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี! ทางด้านของเผ่าหงส์นิลมีทั้งหมดสองสิทธิ์ ในส่วนของอีกสิทธิ์หนึ่งนั้น ก็ให้กับลูกสาวบุญธรรมของขวง โม่ชิงอู่ก็ได้ พรสวรรค์ของนางก็ถือว่าไม่เลวเลย”
ราชาโม่ตอบกลับว่า “ตกลง! เช่นนั้นก็กำหนดไว้เช่นนี้ ต้องรบกวนนายหญิงช่างกวานแล้ว”
ช่างกวานซูเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ราชาโม่เกรงใจเกินไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้แม่นางมู่เตรียมตัวด้วย จะต้องรีบออกเดินทางในเร็ววันนี้ เพื่อที่จะได้ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม”
มู่เฉียนซีได้เตรียมตัวไปไม่น้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้เตรียมยาลูกกลอนไว้ฟื้นฟูพลังวิญญาณของราชาโม่ไม่น้อยเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ราชาโม่ ท่านต้องปกป้องเผ่าหงส์นิลเอาไว้ให้ดีนะ”
ราชาโม่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือบ้านของเจ้าตัวน้อย ข้าไม่มีทางจะปล่อยให้เผ่าเทพมาทำให้มีบรรยากาศที่เลวร้ายแน่นอน หลังจากหลักฐานการกระทำผิดของโม่หลิ่วขวงได้รับการยืนยันแล้ว ข้าจะต้องขับไล่เขาออกไปจากแผ่นดินของเผ่าหงส์นิลให้ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ดีแล้ว!”
“และสุดท้ายนี้ ข้าอยากจะบอกท่าน! ข้าอยากจะให้ท่านเตรียมใจไว้ให้ดี น้ำหนักความน่าจะเป็นของคัมภีร์หมื่นคำสาปราชาโม่ท่านย่อมรู้ดีแน่นอนอยู่แล้ว หากคัมภีร์หมื่นคำสาปปรากฏออกมา พวกเราอาจจะต้องเปิดสงครามใหญ่กับเผ่าเทพก็ได้”
แววตาของราชาโม่ฉายแววแห่งความกังวลใจออกมา มู่เฉียนซีจึงกล่าวต่อว่า “เพียงแต่ ตราบใดที่ข้ามู่เฉียนซียังคงมีชีวิตอยู่ จะไม่มีวันปล่อยให้เสี่ยวโม่โม่มีอันตรายอย่างแน่นอน”
เสี่ยวโม่โม่กล่าว “เสี่ยวโม่โม่ก็เก่งมากเหมือนกัน”
สมบัติที่รีดนาทาเร้นมาจากจักรพรรดิเฟิงเหลย เสี่ยวโม่โม่สามารถใช้ได้ทั้งหมดแล้ว ความสามารถของเสี่ยวโม่โม่นั้นพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนตอนนี้ความแข็งแกร่งถึงขั้นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่แล้ว
แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัจฉริยะของราชวงศ์หงส์ต่าง ๆ แล้ว ก็ยังคงมีความต่างชั้นกันอยู่อีกมาก
ในวันที่ออกเดินทาง มู่เฉียนซีออกเดินทางไปด้วยกันกับโม่ชิงอู่ และตอนนี้ไป๋ฉางก็ไม่กล้าที่จะหาเรื่องมู่เฉียนซีอีกแล้ว สุดท้ายเมื่อเขาได้รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉียนซีเป็นคนที่แม้แต่ช่างกวานซูเยว่ก็ยังไม่กล้าที่จะหาเรื่องด้วย แล้วหากเขาไปหาเรื่องไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ?
โม่ชิงอู่เปลี่ยนไปเงียบขรึมมากขึ้น เรื่องที่พ่อบุญธรรมของนางต้องตกต่ำลงมาถึงจุดนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วต่างก็มีเหตุผลมาจากมู่เฉียนซีทั้งนั้น
แต่ทว่า สิ่งที่พ่อบุญธรรมได้ทำลงไปก็ผิดมากเช่นกัน
ช่างกวานซูเยว่กล่าวว่า “ข้าจะเริ่มแนะนำค่ายฝึกในครั้งนี้ให้พวกเจ้าได้ฟัง ค่ายฝึกหงส์ศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้มีค่ายสำหรับฝึกฝนตั้งอยู่ที่แคว้นจื่อเฟิ้ง ในบรรดาผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมก็คือคนที่มาจากราชวงศ์ทั้งเก้า ส่วนเผ่าอื่นจะไม่ได้รับการพิจารณา”
“เนื่องจากเผ่าหงส์นิลตกต่ำจึงมีสิทธิ์ที่จำกัด แต่ทว่าคนของราชวงศ์อื่น ๆ มีคนเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นพวกเจ้าจำเป็นที่จะต้องแสดงความโดดเด่นออกมา และเมื่อถึงเวลานั้นถึงจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์”
โม่ชิงอู่กล่าวว่า “ขอบคุณนายหญิงช่างกวานมาก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อัจฉริยะคนอื่นอีกแปดเผ่า ที่จริงแล้วความสามารถแข็งแกร่งมากเพียงใด? แล้วมีระดับสัตว์เทพอยู่หรือไม่?”
ช่างกวานซูเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางมู่ให้ความสนใจมากเกินไปแล้ว ตอนนั้นเด็ก ๆ ของเผ่าหงส์ที่สามารถกลายเป็นสัตว์เทพได้แต่อายุยังน้อย ข้าก็ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย”
หลังจากที่บินด้วยความเร็วมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึงแคว้นจื่อเฟิ้งแล้ว
แคว้นจื่อเฟิ้งอยู่ชั้นบนสุดของต้นอู๋ถง อีกทั้งมีพลังวิญญาณที่เข้มข้นมากขึ้นไม่น้อยเลย ซึ่งมันทำให้เสี่ยวโม่โม่ชอบเป็นอย่างมาก
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงเมืองหลวงจื่อเฟิ้งแล้ว
ช่างกวานซูเยว่ได้พาพวกเขามายังสถานที่ที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ และนางก็กล่าวว่า “ข้าพาพวกเจ้ามาถึงที่แล้ว คงจะต้องไปรายงานเสียหน่อย พวกเจ้าสามารถพักผ่อนอยู่ที่เมืองหลวงจื่อเฟิ้งได้ตามสบาย เพียงแต่อย่าหายตัวไปจากข้าก็พอ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง!”
หลังจากช่างกวานซูเยว่ได้จากไปแล้ว มู่เฉียนซีก็เตรียมพร้อมที่จะไปเดินเล่นในเมืองหลวงของเผ่าหงส์ม่วงผู้เป็นผู้นำของราชวงศ์ใหญ่ทั้งเก้า
โม่ชิงอู่ต้องการที่จะฝึกฝน แน่นอนว่าจึงไม่ได้ไปด้วย!
หากต้องการที่จะโดดเด่นกว่าคนอื่นในค่ายฝึกฝน จำเป็นที่จะต้องพยายามให้มากถึงจะได้
เมื่อออกมาเดินเล่น เสี่ยวโม่โม่ก็มีความสนใจเป็นอย่างมาก มู่เฉียนซีก็เลยให้นางออกมาข้างนอก
“ช่างคึกคักเสียจริง!”
“นายท่าน ข้าอยากกินอันนี้”
“แล้วก็อันนี้…”
ยาลูกกลอนที่มู่เฉียนซีทิ้งไว้ให้ที่โรงประมูลหวางเฉิงเหล่านั้นแลกเป็นเงินมาได้ไม่น้อย ฉะนั้นการซื้อของกระจุกกระจิกเหล่านี้ให้กับเสี่ยวโม่โม่เดิมก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
บวกกับความน่าจะเป็นในการถือกำเนิดของเด็กในเผ่าหงส์ตอนนี้ไม่สูงมากนัก เมื่อได้เห็นหงส์น้อยแสนน่ารักเช่นนี้แล้ว ร้านค้าเหล่านั้นจึงขายให้ในราคาที่ถูกลง
“เจ้าเด็กน้อย! ข้าให้!”
“เด็กน้อยน่ารักออกมาจากบ้านจะต้องระมัดระวังสักหน่อย อย่าให้เดินหายไปล่ะ”
“……”
โดยทั่วไปแล้วเด็กน้อยที่น่ารักเช่นนี้ จะถูกเลี้ยงดูอยู่ในบ้านอย่างดี การจะพาออกมาเดินเล่นนั้นน้อยมาก อีกทั้งยังออกมากับมนุษย์คนหนึ่งอีกด้วย
นอกจากจะพาเสี่ยวโม่โม่ออกมาเที่ยวเล่นแล้ว ยังมีภารกิจในการกวาดสมุนไพรวิญญาณจากร้านค้าต่าง ๆ ให้หมดก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกด้วย
ดังนั้น ร้านขายยาในเมืองหลวงจื่อเฟิ้ง จึงได้ให้ต้อนรับลูกค้ารายใหญ่ที่ฟุ่มเฟือยหรูหรามากคนหนึ่ง
มู่เฉียนซีที่อยู่มุมหนึ่ง มองเห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งเข้าแล้ว
ท่อนไม้นั้นมีสีเทา ที่ด้านบนของมันเต็มไปด้วยรูหนอน นี่ไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณ แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยบางอย่าง
เมื่อสัมผัสถูกปลายนิ้ว นางก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งชีวิตที่อยู่บนนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เถ้าแก่! อันนี้ขายอย่างไร?”
เถ้าแก่คนนี้ก็ไม่ใช่คนที่ขี้เหนียว เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางน้อย หากเจ้าซื้อสมุนไพรวิญญาณของข้าที่อยู่ในนี้สักไม่กี่สิบล้าน ท่อนไม้ไม่มีชื่อท่อนนี้ ถือว่าข้าแถมให้เจ้าก็แล้วกัน”
“ท่านแน่ใจหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
มู่เฉียนซีหยิบท่อนไม้สีเทาท่อนนั้นขึ้นมา และก็หยิบถ้วยใสออกมาแล้วใส่เข้าไป จากนั้นก็หยดยาลงไป
พรวด!
ทันทีที่เปลือกนอกสีเทานั้นได้หายไป หลังจากถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์แล้ว ก็ปรากฏให้เห็นเป็นท่อนไม้สีฟ้าครามท่อนหนึ่ง
พลังแห่งชีวิตที่เข้มข้นได้แผ่กระจายออกมา จนทำให้เถ้าแก่คนนั้นถึงกับเบิกตากว้าง
“ช่างเป็นพลังชีวิตที่เข้มข้นอะไรอย่างนี้ นะ…นี่ไม่สามารถที่จะเป็นไม้แห่งชีวิตในตำนานได้! แม่นางน้อยช่างตาถึงเสียจริง ๆ!”
แม้ว่าเขาจะสรรเสริญ แต่เขาก็ไม่ได้โลภมาก
ถึงแม้จะรู้ว่านี่คือท่อนไม้แห่งชีวิต แต่เขาก็ไม่มีฝีมือที่จะทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้อยู่ดี
การรั่วไหลของพลังวิญญาณนี้ ดึงดูดผู้คนที่สนใจในด้านนี้อยู่ไม่น้อยเลย
ทันใดนั้นก็มีร่างสีฟ้าร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา “ข้าต้องการท่อนไม้ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตท่อนนี้ เถ้าแก่ โปรดเสนอราคามาเถอะ!”
คนที่เข้ามาคือชายหนุ่มรูปงามที่สวมชุดคลุมสีฟ้าผู้หนึ่ง สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ท่อนไม้แห่งชีวิตนั่น
พลังแห่งชีวิตนั้นยิ่งดึงดูดเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่ทันรอให้เถ้าแก่ตอบกลับเขาก็จะคว้ามันไปเสียแล้ว
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่ได้ไม่ป้องกันเอาไว้ ในตอนที่เขาจะลงมือนางก็หลบออกมาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว
“เจ้า…”
ชิงเสี้ยวเทียนจ้องมองไปยังหญิงสาวชุดม่วงคนหนึ่ง และเขาก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้น
“เถ้าแก่ ราคาเท่าไร!”
เถ้าแก่กล่าวว่า “ของชิ้นนี้ ข้าได้ขายให้กับแม่นางน้อยท่านหนึ่งไปแล้ว หากคุณชายต้องการแล้วละก็ ก็สามารถไปปรึกษากับแม่นางน้อยได้เลย”
ชิงเสี้ยวเทียนกล่าวอย่างสูงส่งว่า “มนุษย์ เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใดถึงจะมอบของชิ้นนั้นให้ข้า”
สิ่งของที่มีพลังแห่งชีวิตที่เป็นดั่งพรหมลิขิตนี้ เป็นของสิ่งที่สามารถช่วยให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ และไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาไม่อาจปล่อยมันไปได้
แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับพ่นคำเย็นชาออกมาว่า “ไม่ขาย!”
ของดีที่มีพลังแห่งชีวิตนี้ เหตุใดนางจะต้องขายด้วย?
ถึงแม้ว่าร่างในชุดคลุมสีฟ้าจะไม่ได้พูดออกมา แต่นางรู้ดีว่าสมบัติที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตนี้มีประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมาก
“ข้าเสนอราคาหนึ่งร้อยล้าน เจ้าจะขายหรือไม่?” ชิงเสี้ยวเทียนกล่าว