ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1661 ภาพลวงตาของเจ้า
“เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปกันเถอะ!” มู่เฉียนซีไม่อยากที่จะรับฟังชายที่โผล่ออกมาจากที่ไหนคนไม่รู้ผู้นี้
“รอเดี๋ยวก่อน!” ชิงเสี้ยวเทียนยืนขวางหน้าพวกเขาไว้อย่างไม่ลดละ
“ร้อยล้านเจ้าไม่ยอมขาย เช่นนั้นเจ้าต้องการแบบใดกันแน่!”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองอย่างเฉยชาแล้วกล่าวว่า “ข้อแรก ร้อยล้านเจ้ารู้สึกว่ามากแล้วเช่นนั้นหรือ?”
“ข้อสอง เจ้าคิดว่าจะใช้เงินร้อยล้านซื้อของที่เป็นดั่งพรหมลิขิตเช่นนี้ เจ้านี่ไร้เดียงสาเกินไปแล้วจริง ๆ!”
“ไม่ได้ ข้าต้องการสิ่งของชิ้นนี้! ข้าคือชิงเสี้ยวเทียนแห่งเผ่าหงส์หยกนะ”
“มันมีชื่อเสียงมากหรือไง?”
“ข้าคือคนของเผ่าหงส์หยก ดูเหมือนว่าข้างกายของเจ้าจะมีเพียงแค่หงส์นิลตัวเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังตัวเล็กนิดเดียวอีก! มันช่างน่าเวทนาเสียจริง หากเจ้าเอาสิ่งนั้นให้กับข้า ข้าจะให้หงส์หยกที่มีความสามารถพิเศษในเผ่าของข้าเป็นผู้ผูกพันธสัญญากับเจ้าคนหนึ่ง เป็นเช่นไร?”
ภายในราชวงศ์ต่าง ๆ ก็จะมีคนของเผ่าหงส์ที่จะมีการเปรียบเทียบกันว่ามนุษย์ผู้ผูกพันธสัญญาของผู้ใดมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่ากัน
และแน่นอนว่ามนุษย์ก็มีการเปรียบเทียบเช่นเดียวกันว่า หงส์ที่ผูกพันธสัญญาของผู้ใดเก่งกว่ากัน
ความแข็งแกร่งของเผ่าหงส์หยกนั้นทิ้งห่างจากเผ่าหงส์นิลไปไกลมาก มนุษย์ทั่วไปเลยมักจะเพ่งเล็งไปที่เผ่าหงส์หยก ไม่ใช่เผ่าหงส์นิล
เสี่ยวโม่โม่ถูกเขาทำให้โกรธเสียแล้ว เจ้าคนเลวนี่!
พรึ่บ! โม่เหยียนพุ่งไปทางหงส์หยก
“เจ้าคนเลว! นายท่านไม่มีทางไม่ต้องการเสี่ยวโม่โม่ ข้าจะเผาเจ้า!”
ชิงเสี้ยวเทียนก็เป็นคนเจ้าอารมณ์มากคนหนึ่งเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าเจ้าหงส์น้อยตัวนี้จะกล้าลงมือกับเขา และจากนั้นลมพายุที่รุนแรงก็พุ่งเข้าใส่เสี่ยวโม่โม่
ร่างของมู่เฉียนซีสว่างวาบขึ้น และตรงเข้าไปขวางการจู่โจมของเขาเอาไว้
นางยังไม่แม้แต่จะใช้พลังวิญญาณเลย แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพนั้นมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเผ่าหงส์อย่างพวกเขาเสียอีก มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ชิงเสี้ยวเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง “เจ้าจะไม่เห็นแก่หน้าของข้าก็ช่าง แต่ยังให้เจ้าตัวน้อยนี้โจมตีข้าอีก เจ้าไม่เห็นเผ่าหงส์หยกอยู่ในสายตาเลยสินะ?”
“ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าก็จะให้โอกาสสุดท้ายนี้แก่เจ้า รีบหายไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
“ดูท่าแล้ว คงจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าสักหน่อยแล้วล่ะ” ชิงเสี้ยวเทียนเป็นคนที่จะลงมือด้วยไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม พลันนั้นพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ม้วนตัวแล้วพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีทันที!
มู่เฉียนซียืนตระหง่านอยู่กับที่โดยไม่ขยับไปไหน และเมื่อการโจมตีใกล้เข้ามา นางก็เพียงแค่ยกมือขึ้นโบกอย่างแผ่วเบาเท่านั้น!
“ทักษะโยวจั๋ว!”
“ตูม!” การโจมตีของเชิงเสี้ยวเทียนถูกทำให้สลายหายไปในทันที
ชิงเสี้ยวเทียนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบร้อนสร้างเกาะป้องกัน
แต่ถึงอย่างไร เขาก็ถูกกระแทกจนปลิวลอยออกไปอยู่ดี
การประมือในครั้งนี้ เขาพ่ายแพ้เสียแล้ว!
ชิงเสี้ยวเทียนพึมพำอยู่ในใจว่า ความแข็งแกร่งของมนุษย์ผู้นี้ไม่เลวเลยจริง ๆ
อย่ามองเพียงแค่ว่าระดับของนางต่ำ แต่ทว่านอกจากระดับของนางแล้วยังมีความสามารถอื่นที่ไม่อาจดูถูกได้อีกมากมาย
อัจฉริยะเช่นนี้ คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดถึงได้มาผูกพันธสัญญากับหงส์นิลตัวหนึ่ง!
ชิงเสี้ยวเทียนกล่าวว่า “มีฝีมือเพียงแค่เล็กน้อย ก็ไม่แปลกใจเลยที่จะกล้าเข้ามาท้าทายข้า! แต่ของที่ข้าต้องการ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้!”
ชิงเสี้ยวเทียนรีบแปลงกายเป็นร่างเดิมในทันที จากนั้นก็พุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
ในที่สุดเสี่ยวโม่โม่ก็ได้แสดงการโจมตีที่ถนัดที่สุดของตนเองออกมา นั่นก็คือแรงกดดันทางสายเลือดนั่นเอง
“โอ้! ที่แท้ก็เป็นสายเลือดราชันย์ของเผ่าหงส์นิลนี่เอง แต่ก็ไม่มีประโยชน์! ข้าก็ครอบครองสายเลือดราชันย์เช่นกัน”
เสี่ยวโม่โม่จ้องมองไปที่เขาด้วยความเดือดดาล มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ ให้ข้าจัดการเขาก็พอแล้ว”
“ผนึกมังกรวารี!”
ครืน!
ประกายไฟระหว่างหินเพลิงและสายฟ้า เกิดจากการที่พวกเขาประมือกันไปมาหลายรอบ
ปัง!
และชิงเสี้ยวเทียนก็ถูกโจมตีจนล่าถอยไปทุกครั้ง ให้ตายเถอะ ถึงจะเปลี่ยนเป็นร่างเดิมแล้ว ความแข็งแกร่งก็ยังสู้นางไม่ได้!
ในเวลานี้ มีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นมา
“น้องรอง เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่กัน? ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าที่นี่คือเมืองจื่อเฟิ้ง เจ้าอย่าได้ทำตัวเป็นจุดสนใจมากเกินไป”
คนที่มาก็คือชายที่สวมชุดสวมชุดสีเขียวคนหนึ่ง รูปร่างของทั้งสองคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก แต่ทว่าคนหนึ่งในนั้นมีความสูงใหญ่กว่ามาก
ชิงเสี้ยวเทียนกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านมาก็ดีแล้ว! ข้าต้องการของที่อยู่ในมือของผู้หญิงคนนั้น ทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมให้ข้า ท่าน…”
ชิงอ้าวเทียนกล่าวว่า “เสี้ยวเทียน นับวันเจ้านี่ยิ่งจะใจกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ ถึงกลับจะมาขโมยของของผู้อื่นในเมืองหลวงจื่อเฟิ้งหรือ”
“นั่นไม่ใช่สิ่งของธรรมดา แต่ของสิ่งนั้นมีพลังแห่งชีวิตที่แข็งแกร่งมากเลยนะ! พี่ใหญ่” ชิงเสี้ยวเทียนกล่าว
อย่างที่คาดไว้ เมื่อได้ยินว่าพลังแห่งชีวิต สีหน้าของชิงอ้าวเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขากล่าวว่า “พลังแห่งชีวิตนี้มีความสำคัญต่อน้องชายของข้าเป็นอย่างมาก หรือว่าแม่นางท่านนี้จะผ่อนผันให้หน่อยไม่ได้เชียวหรือ? พวกเราสามารถเอาสมบัติมาแลกเปลี่ยนกับท่านได้นะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สมบัติที่ข้าต้องการ คาดว่าพวกเจ้าคงจะให้ข้าไม่ได้หรอก ข้าคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าลืมมันไปเสีย! หากพวกเจ้าคิดที่จะแย่งชิง เช่นนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะชี้แนะบทเรียนให้แก่พวกเจ้าสองพี่น้องสักคนละนิดคนละหน่อย”
“เช่นนั้น โปรดชี้แนะความแข็งแกร่งของแม่นางให้กับข้าสักหน่อยเถอะ!”
ตูม!
เขาโจมตีเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ คนเหล่านี้ยังไม่ถึงระดับสัตว์เทพ ไม่ว่าจะโจมตีอย่างไร สำหรับมู่เฉียนซีแล้วมันก็ไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด
เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ถึงการโจมตีของเขาได้ปิดล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้ ทว่าแม้แต่ขนคิ้วของนางก็ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
เมื่อปลายเท้าของนางเตะพื้นเบา ๆ แล้วกระโดดขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นก็ฟาดลงมาในครั้งเดียว
“ทักษะโยวจั๋ว!”
“พี่ใหญ่ ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าชิงอ้าวเทียนหลบหลีกการโจมตีครั้งนี้ไม่ดีเท่าไรนัก ทำให้แน่นอนว่าชิงเสี้ยวเทียนต้องลงมือช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ครืน!
เมื่อเป็นการต่อสู้กันในเมืองจื่อเฟิ้ง จึงทำให้ดึงดูดผู้คนมาไม่น้อย
มีเงาร่างสีแดงพุ่งผ่านไป และเปลวเพลิงสีแดงที่ร้อนระอุก็ม้วนตัวเข้ามา ทำให้ชิงเสี้ยวเทียนและชิงอ้าวเทียนสองพี่น้องหลบเลี่ยงออกไปด้วยความรวดเร็ว
คนที่มานั้นเป็นชายที่สวมชุดคลุมสีแดงที่ลุกโชนราวกับเปลวไฟอย่างไรอย่างนั้น
“ฉื้อเหยียนเซียว ไม่คิดเลยว่าเข้าจะออกมาเกะกะเช่นนี้!” ชิงเสี้ยวเทียนกล่าว
ฉื้อเหยียนเซียวกล่าวว่า “เจ้าทั้งสองคนร่วมมือกันรังแกผู้หญิงคนหนึ่งในที่สาธารณะเช่นนี้ กลับทำให้ข้าได้ตระหนักว่าเผ่าหงส์หยกของพวกเจ้านั้นหน้าหนาเพียงใด”
ชิงเสี้ยวเทียนกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นแก่หน้าข้า ข้าจะลงมือกับนางแล้วมันจะทำไม?”
“เจ้าให้ความสำคัญต่อตนเองมากเกินไปแล้ว ที่นี่คือแคว้นจื่อเฟิ้ง ไม่ใช่แคว้นชิงเฟิ้ง!”
“ดูท่าแล้ว เจ้าต้องการที่จะปกป้องนางสินะ!”
“หากต้องการการชี้แน่ะ ข้าก็พร้อมเสมอ ดีกว่าให้พวกเจ้ามาสู้แบบสองต่อหนึ่งเช่นนี้”
ชิงเสี้ยวเทียนเตรียมที่จะลงมือ แต่ทว่าชิงอ้าวเทียนกลับกล่าวว่า “เสี้ยวเทียน พอเถอะ! หากเป็นเช่นนี้ก็ช่างมันเถอะ!”
ความแข็งแกร่งของการป้องกันทางกายภาพที่วิปริตของหญิงสาวผู้นี้ เขากับเสี้ยวเทียนสองคนก็ยังไม่อาจที่จะรับมือได้ไหว และในตอนนี้ยังจะมีฉื้อเหยียนเซียวเข้ามาอีกด้วย มันก็ยิ่งทำให้ความเป็นไปได้ที่จะลงจากตำแหน่งนั้นยิ่งยุ่งยากมากขึ้นไปอีก
ชิงอ้าวเทียนดึงมือของเขาเอาไว้ แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพี่ฉื้อยื่นมือออกมาช่วย เช่นนั้นเรื่องนี้ถือว่าช่างมันไปก็แล้วกัน”
เมื่อทั้งสองคนนั้นเดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ฉื้อเหยียนเซียวจึงกล่าวว่า “แม่นางมู่!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่คาดคิดเลยว่าคนของเผ่าหงส์เพลิงจะออกหน้าช่วยเหลือข้า มันช่างทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนัก”
หากกล่าวว่าการที่เขาจะร่วมมือกับทั้งสองคนนั้นจัดการนาง นางก็จะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย เพราะอย่างไรเสียเผ่าหงส์เพลิงก็ได้ถูกนางกับจิ่วเยี่ยเล่นงานไปค่อนข้างที่จะโหดร้ายเลยทีเดียว
ฉื้อเหยียนเซียวกล่าวว่า “ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ท่านพ่อเคยกำชับมาเป็นพิเศษ! ไม่อาจทำให้ท่านขุ่นเคืองใจเป็นอันขาด และในตอนที่ท่านต้องการความช่วยเหลือ หากช่วยได้ก็ให้ช่วยขอรับ”
“และข้ายังสงสัยมาตลอดว่า ผู้ใดที่ทำให้น้องสาวของข้า ซึ่งยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบ แต่ขี้อิจฉาและใจแคบ กลายเป็นคนแข็งกร้าวและหยิ่งยโสเช่นนี้ได้ ทว่าข้าไม่คาดคิดเลยว่าแม่นางมู่จะไม่เหมือนกับที่ข้าจินตนาการไว้เลยสักนิด”
“นั่นอาจจะเป็นภาพลวงตาของเจ้าก็ได้!” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
ฉื้อเหยียนเซียวกล่าวว่า “แม่นางมู่ต้องการที่จะกลับแล้วใช่หรือไม่? พวกเรากลับไปด้วยกันได้พอดีเลย ข้าคิดว่าท่านคงจะไม่คุ้นเคยกับอัจฉริยะของราชวงศ์ใหญ่ต่าง ๆ และข้าสามารถที่จะช่วยแนะนำท่านได้ ให้ท่านได้คุ้นเคยกับสถานการณ์สักหน่อย เมื่อต้องพบกับพวกสายตาสั้นเหล่านั้น ก็จะได้จัดการได้เลย ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงใจ!”