ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1666 ไม่มีทางยอมแพ้
“ที่สามารถนอนเป็นตายได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าคิดอยู่ตลอดหรอกหรือ?” อู๋ตี้กับเสี่ยวหงเริ่มโต้เถียงกัน
“ที่ให้พวกเจ้าออกมาในครั้งนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือให้มาเก็บสมุนไพรส่วนเรื่องทะเลาะกันนั้น ให้เป็นเรื่องรอง!”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่สมุนไพรวิญญาณที่อยู่โดยรอบนี้ แล้วกล่าวขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
อู๋ตี้แล้วเสี่ยวหงกล่าวอย่างไร้หนทางมากว่า “ขอรับ!”
ที่แท้แล้วนายท่านต้องการให้พวกเขามาเป็นคนเก็บสมุนไพร ซึ่งมันทำให้สัตว์อสูรทั้งสองเสียใจเป็นอย่างยิ่
ครืน! เสี่ยวโม่โม่กำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่อยู่ในสภาพกำลังอาละวาดเหล่านั้นอยู่ ส่วนมู่เฉียนซีก็ช่วยเสริมการโจมตีอยู่ด้านข้าง
“เพลิงมังกรพิฆาต!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ครืน!
“มังกรวารีสะท้านสวรรค์”
เสี่ยวโม่โม่เริ่มคุ้นเคยกับการต่อร่วมกับมู่เฉียนซีมากขึ้นเรื่อย ๆ มันกล่าวว่า “นายท่าน ขึ้นมา!”
“ตกลง!”
หลังจากที่เลื่อนขั้นแล้ว ร่างเดิมของเสี่ยวโม่โม่ก็ใหญ่ขึ้นไม่น้อยเลย มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นไปบนร่างของมัน
มันสยายปีกออก แล้วโบยบินออกไปทันที
“ทางนั้น!” มู่เฉียนซีเห็นพื้นที่ที่มีสมุนไพรวิญญาณขนาดใหญ่อีกครั้ง
ในส่วนของคนอื่นนั้นกำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์ร้ายอย่างดุเดือด แต่ส่วนมู่เฉียนซีนั้นเก็บสมุนไพรไปด้วย ต่อสู้ไปด้วย
คู่ต่อสู้ที่มู่เฉียนซีเจอนั้นอยู่ในระดับที่ธรรมดามาก เช่นนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่ได้พบกับความยากลำบากเลย
ปัง ปัง ปัง!
เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากเบื้องหน้า และมีใครบางคนอยู่ใกล้ ๆ ด้วย
มู่เฉียนซีรีบพุ่งเข้าไป ก็พบว่ามีคนกำลังต่อสู้อยู่ และสมุนไพรวิญญาณก็เสียหายไปไม่น้อยเลย
สัตว์ร้ายเหล่านี้มีความแข็งแกร่งมาก และความแข็งแกร่งของพวกมันก็เทียบเท่ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดซึ่งอยู่ในระดับกลาง และคู่ต่อสู้ของพวกมันในตอนนี้ก็คือ พวกของชิงเสี้ยวเทียน
มู่เฉียนซีไม่อยากที่จะต้องสนใจกับเรื่องยุ่งยากมากนัก แต่ทว่าสมุนไพรวิญญาณคุณภาพสูงเหล่านี้ก็ไม่อาจปล่อยไปได้เช่นกัน
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงได้หลบหลีกพวกเขาไปอย่างรวดเร็วที่สุด แล้วตรงเข้าไปเก็บสมุนไพร
สีหน้าของชิงเสี้ยวเทียนแข็งค้าง แล้วกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “มู่เฉียนซี พวกเราอยู่ค่ายฝึกฝนพิเศษเดียวกันนะ! ไม่คิดเลยว่าเห็นคนจะตายแล้วยังไม่ช่วย ทั้งยังมัวแต่ไปเก็บหญ้าพวกนั้นอีก”
มู่เฉียนซีมองข้ามชายผู้นี้ไปโดยตรง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนจากค่ายฝึกพิเศษเดียวกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ถือว่าเป็นเพื่อน แต่กลับเป็นศัตรูกันเสียด้วยซ้ำ
นังผู้หญิงบ้าคนนี้ไม่นึกว่าจะกล้ามองข้ามเขา ในสายตาของนางเขายังสู้ต้นหญ้าพวกนั้นไม่ได้เลยจริง ๆ สิ่งนี้มันก็ทำให้เขาโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
ในเมื่อมู่เฉียนซีไม่ช่วยเหลือ เช่นนั้นเขาก็จะดึงดูดภัยพิบัติมาให้นางแทนแล้วกัน
ตูม! ขณะที่สัตว์ร้ายกระโจนเข้าใส่ชิงเสี้ยวเทียน แต่ไม่คิดว่าในตอนนั้นชิงเสี้ยวเทียนจะพุ่งตรงไปยังมู่เฉียนซี
สีหน้าของมู่เฉียนซีบูดบึ้งในทันที จากนั้นก็เหวี่ยงกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกไป
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวสีแดงเพลิงระเบิดตูมเข้ามาโดยไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ ชิงเสี้ยวเทียนร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ “มู่เฉียนซี ไม่นึกเลยว่าเจ้ากล้าแม้แต่จะทำให้ข้าบาดเจ็บไปด้วย”
โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก!
สัตว์ร้ายเหล่านั้นรับการโจมตีของมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ ความสามารถของพวกมันทรงพลังมาก อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับโกรธเคืองมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
มันร้องคำรามด้วยความโกรธ แล้วร้องเรียกพวกพ้องของมันให้ออกมาปิดล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์” ธาตุวารีไหลเวียนเร็วขึ้น และมู่เฉียนซีก็โจมตีเข้าไปอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันพวกของชิงเสี้ยวเทียนก็หลบหลีกออกไป
ชิงเสี้ยวเทียนหัวเราะขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจว่า “คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้า! เช่นนั้นเจ้าก็รอถูกคัดออกไปเสียเถอะ!”
“พวกเราถอย!”
หลังจากที่พวกของชิงเสี้ยวเทียนถอยออกไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ถูกปิดล้อมเอาไว้ตรงกลาง
เสี่ยวโม่โม่โมโหจนขบฟันแน่น มันกล่าวว่า “นายท่าน ข้ามาช่วยท่านแล้ว”
ครืน!
โม่เหยียนปะทุออกมา แต่ทว่าพละกำลังของเสี่ยวโม่โม่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้สัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้รับความเสียหายมากมายเท่าใดนัก
“เจ้าพวกนี้วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือเลย มาจากที่ใดกัน ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาล้อมโจมตีนายท่านของข้า”
“หายแล้ว หายไปแล้ว!”
ในตอนที่อู๋ตี้และเสี่ยวหงวิ่งเข้ามา พวกเขาก็ได้เริ่มแสดงความสามารถออกมาด้วย!
ตูม!
ทันใดนั้นอู๋ตี้ก็ได้กลายร่างเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มหึมาเทียบเท่ากับเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง และพุ่งเข้าไปท่ามกลางสัตว์ร้ายเหล่านั้นทันที
“เพลิงเผาสวรรค์!”
เปลวเพลิงของเสี่ยวหงเผาไหม้ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ใช้กลยุทธ์สายฟ้าแลบ อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้กล่าวว่า “ขอรับ!”
ครืน!
พวกเขาร่วมมือกัน เข้าจัดการกับพวกนั้นอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด
เสี่ยวโม่โม่โผบินขึ้นไปกลางอากาศแล้วกล่าวว่า “นายท่าน พวกเขาอยู่ตรงนั้น”
“ไล่ตามไป!”
“เจ้าค่ะ!”
มู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่ไล่ตามพวกของชิงเสี้ยวเทียนไปอย่างรวดเร็ว
“บัวแดงพิฆาต!” มู่เฉียนซีเหวี่ยงดาบลงไป เปลวเพลิงของดอกบัวแดงฟาดลงไปที่พวกของชิงเสี้ยวเทียน
โครม!
สีหน้าของชิงเสี้ยวเทียนนิ่งอึ้งไป “นึกไม่ถึงเลยว่านางจะหนีออกมาได้แล้ว? เป็นไปได้อย่างไร?”
เงาสีม่วงสว่างวาบ มู่เฉียนซีโฉบลงมาจากกลางอากาศ และลงมือด้วยความรวดเร็ว
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีที่รุนแรงของมู่เฉียนซี พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“มู่เฉียนซี เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ที่นี่คือดินแดนโกลาหล คู่ต่อสู้คือสัตว์ร้าย ไม่ใช่คนกันเองเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นยะเยือกว่า “คนกันเอง ผู้ใดไปเป็นคนกันเองกับเจ้ากัน”
ชิงอ้าวเทียนกล่าวว่า “เสี้ยวเทียน อย่าพูดจาไร้สาระกับนาง! ผู้หญิงคนนี้โจมตีพวกเรา หรือว่าพวกเราจะต้องกลัวนางด้วยเช่นนั้นหรือ? โจมตีซะ”
นอกจากนี้ พวกเขามีตั้งหลายคน จัดการมู่เฉียนซีเพียงแค่คนเดียว เท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว
“เข้ามาเลย!”
เสี่ยวโม่โม่ตะคอกอย่างเย็นชาว่า “ข้าและนายท่าน ไม่กลัวพวกเจ้าหรอก!”
ปัง ปัง ปัง!
ทั้งสองทีมเข้าต่อสู้กัน พวกของชิงเสี้ยวเทียนคิดว่าตนเองครองความได้เปรียบ แต่ไม่นึกมาก่อนเลยว่า จะมีสัตว์ร้ายจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางที่ดุดันอย่างไม่คาดคิด
มู่เฉียนซียกมุมปากยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วกล่าวกับเสี่ยวโม่โม่ว่า “เสี่ยวโม่โม่ พวกเราถอยกันเถอะ!”
“เผ่าหงส์หยกทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินไปกับของขวัญชิ้นใหญ่นี้ของข้าเถิด! หวังว่าพวกเจ้าจะชอบนะ”
ชิงเสี้ยวเทียนจ้องมองไปที่ฝูงสัตว์ร้ายที่กำลังพุ่งเข้ามาราวกับจะห่อพวกเขาเหมือนห่อเกี๊ยวอย่างไรอย่างนั้น ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก “รีบไปเร็ว!”
“บัดซบเอ๊ย! ที่จริงแล้วมู่เฉียนซีไปดึงดูดสัตว์วิญญาณเหล่านี้มาได้อย่างไรกัน”
“รีบไปเร็วเขา”
ในตอนนี้ มู่เฉียนซีก็ได้มาเก็บสมุนไพรอยู่ในที่เงียบสงบอีกทีหนึ่งแล้ว อีกทั้งอู๋ตี้และเสี่ยวหงก็กลับมาแล้วเช่นกัน
“นายท่าน พวกข้าขับไล่สัตว์ร้ายเหล่านั้นไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ถูกคัดออก แต่คาดว่าคงจะน่าเวทนามากเลยทีเดียว”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทำได้ดีมาก”
คนของเผ่าหงส์หยกเหล่านั้น ถูกคัดออกไปไม่น้อยเลย และชิงเสี้ยวเทียนกับชิงอ้าวเทียนที่เหลืออยู่ต่างก็ตกอยู่ในความอับอายเป็นอย่างมากเช่นกัน
ชิงเสี้ยวเทียนส่งเสียงคำรามร้องว่า “มู่เฉียนซี หากว่าครั้งนี้ทำให้เจ้าถูกคัดออกไปจากดินแดนโกลาหลไม่ได้ ข้าก็จะไม่มีทางยอมแพ้แน่”
“ไป!”
ในขณะที่พวกของชิงเสี้ยวเทียนและชิงอ้าวเทียนกำลังจะจากไป ผลก็คือพวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะแปลกประหลาดเสียงหนึ่งดังอยู่ในความมืดอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่า ๆ ๆ…”
พวกของชิงเสี้ยวเทียนมีความรู้สึกเหมือนขนพองสยองเกล้าขึ้นมา จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ผู้ใดกัน?”
ทันใดนั้นก็มีเงาร่างสีดำปรากฏตัวขึ้น ทั่วทั้งร่างของเขาถูกเก็บซ่อนไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ อีกทั้งยังมีบรรยากาศแห่งความมืดมนปกคลุมไปทั่วร่างของเขาอีกด้วย
ชิงอ้าวเทียนกล่าวว่า “เจ้าคือคนของเผ่าคำสาป! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
ถึงแม้ว่าคนของเผ่าคำสาปจะพบเห็นไม่ได้โดยทั่วไปเหมือนอย่างเผ่าเทพ แต่ทว่าออร่าของพวกเขานั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก จนทำให้ถูกคนรับรู้ได้โดยง่าย
“เมื่อเห็นผู้ชายของคนจากเผ่าหงส์หยกอย่างพวกเจ้ากำลังรู้สึกคับข้องใจเล็กน้อย ข้าจึงอยากจะช่วยเหลือพวกเจ้า ทำให้หญิงสาวคนนั้นถูกคัดออกมันดูจะน่าเบื่อเกินไป หรือว่าพวกเจ้าไม่คิดอยากจะให้นางตายอยู่ที่นี่เช่นนั้นหรือ?”
ชิงเสี้ยวเทียนกล่าวว่า “นี่คือการฝึกฝนพิเศษหากว่าทุกคนพบอันตรายต่างก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ จะทำให้นางตายนั้นเดิมทีแล้วเป็นไปไม่ได้เลย”
“เพียงแต่ว่า หากข้าช่วยเจ้าแล้วละก็ พวกเจ้าก็สามารถทำมันได้? อยากจะลองหรือไม่!” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม