ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1677 ห่างออกไปก้าวหนึ่ง
“อ๊ากกก อ๊ากกก! ช่วยด้วย!”
ฉื้อเหยียนเซียวกรีดร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือดอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิที่เผ่าหงส์คัดเลือกออกมา เมื่อผ่านด่านนี้ไปได้แล้ว ก็ต้องเข้าสู่ด่านถัดไปทันที
แต่ทว่าในเวลานี้ มู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่ยังคงอยู่ที่เดิม
ด่านนี้ สำหรับเสี่ยวโม่โม่แล้วมันค่อนข้างที่จะลำบากยากเข็ญเสียเหลือเกิน
เพียงแต่ว่ายังมีมู่เฉียนซีที่คอยรักษาอยู่ข้างกาย และคอยปลอบโยนอยู่ไม่ห่าง จึงทำให้เสี่ยวโม่โม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้
ด่านแรกนั้นคือทะเลเพลิง ด่านที่สองคือสระน้ำแข็งที่ใช้ฝึกร่างกาย
ในขณะที่ทุกคนทะลวงผ่านไปได้แล้ว เสี่ยวโม่โม่กลับยังคงติดอยู่ที่ด่านที่สอง
เสี่ยวโม่โม่นั้นยังเล็กนัก เพื่อให้นางได้สร้างรากฐานอยู่ที่นี่ มู่เฉียนซีจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร
นางกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ เจ้าต้องทนให้ได้!”
“อื้ม!”
ด่านที่สาม นั้นก็คือบันไดแห่งเปลวเพลิงที่สูงตระหง่าน
ที่ด้านบนสุดของบันไดเปลวเพลิงนี้ พวกเขาได้มองเห็นม้วนหนังสือโบราณอันเก่าแก่ยิ่งเล่มหนึ่ง และพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็ดูเหมือนกับว่ากำลังพยายามดึงดูดให้พวกเขาปีนป่ายขึ้นไป
หลานเนี้ยนหลี่มาถึงเป็นคนแรก เมื่อมองเห็นม้วนหนังสือโบราณก็พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่พูดไม่จา
ทันทีหลังจากนั้นสมาชิกทั้งสี่คนของเผ่าหงส์ม่วงก็พุ่งตรงออกไปเช่นกัน
ฉื้อเหยียนเซียวที่รีบเร่งมาถึง เมื่อมองไปทางพวกเขาจึงกล่าวว่า “ไม่คิดเลยว่าแม่นางมู่จะยังไม่มา”
“ข้าขึ้นไปก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน”
เมื่อฉื้อเหยียนเซียวพุ่งไปถึงชั้นระดับกลาง เขาก็เดินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
แรงกดดันจากพลังจิตวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว จนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว
ปัง!
ฉื้อเหยียนเซียวร่วงลงมาจากชั้นบนของบันไดแห่งเปลวเพลิง
พรวด!
เลือดสีสดสาดพ่นออกมาจากปากของฉื้อเหยียนเซียวทันที ไม่ได้! เขาขึ้นไปไม่ได้
ปัง ปัง ปัง!
จากนั้นก็มีอีกสองคนร่วงลงมาจากบันได นั่นก็คือคนเผ่าหงส์ม่วงสองคน
ในเวลานี้ชั้นบนของบันไดแห่งเปลวเพลิง ก็เหลือเพียงแค่หลานเนี้ยนหลี่ จื่อเหยา และก็จื่อเยว่ซาง
“ไม่คิดเลยว่าหลานเนี้ยนหลี่จะเก่งกาจถึงเพียงนี้!” หลานเนี้ยนหลี่ค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ จื่อเหยาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
จื่อเยว่ซางเดินไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
จื่อเหยาไม่อาจไปข้างหน้าต่อได้อีกแล้ว ระยะห่างจากจุดบนสุดยังมีอีกราวยี่สิบหน้าขั้นบันได
นางไม่พอใจ และยังพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง และต่อมาก็ได้ถูกความแข็งแกร่งนั้นผลักลงไปอย่างแรง
ปัง!
“ข้าไม่เชื่อ ว่าข้าจะไม่มีทางไปจนถึงด้านบนได้!”
จื่อเหยาคิดอยากที่จะปีนป่ายขึ้นไปต่อ แต่ทว่ากลับถูกกำแพงขวางกั้นเอาไว้
มีเพียงแค่โอกาสเดียวเท่านั้น หากล้มเหลวก็ไม่สามารถที่จะปีนป่ายขึ้นไปได้อีกแล้ว!
เมื่อตอนที่จื่อเยว่ซางอยู่ห่างจากจุดสูงสุดราวสิบขั้นบันได เขาก็ได้หยุดลง
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่า ข้าจะมาถึงขีดจำกัดเสียแล้ว!”
จื่อเหยากล่าวว่า “หรือว่าเจ้าคิดที่จะยอมแพ้เช่นนี้หรือ? อย่าลืมภารกิจของพวกเราสิ”
“เพียงแต่ว่า มันไม่ได้นี่นา! ข้าไม่ดึงดันแล้ว” จื่อเยว่ซางไม่ได้เดินไปข้างหน้าต่อ แต่กลับเดินลงมาจากด้านบนอย่างผ่อนคลาย
จื่อเหยาเดือดดาลเป็นอย่างมาก “เมื่อพลาดโอกาสนี้ไปก็จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว จื่อเยว่ซาง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
จื่อเยว่ซางตอบกลับมาว่า “เรียกว่าข้าทำเท่าที่ทำได้จะดีกว่า อย่างไรก็ตามหนุ่มน้อยผู้นั้น…”
เขามองไปทางหลานเนี้ยนหลี่แล้วกล่าวว่า “พลังจิตของเขา ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างธรรมดาเลยจริง ๆ!”
ใกล้แล้ว ใกล้มากขึ้นแล้ว หลานเนี้ยนหลี่ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เหลือบันไดอีกเพียงเจ็ดขั้น หกขั้น ห้าขั้น…
เมื่อไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ครึ่งก้าว สีหน้าของหลานเนี้ยนหลี่ก็ซีดเซียวในทันที ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเขากัดเข้าที่ปลายลิ้นของเขา พลังจิตวิญญาณและพลังวิญญาณของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในทันที เดินขึ้นไปอีกก้าวที่หนึ่ง และก้าวที่สอง…
เหลือบันไดอีกเพียงสามขั้นแล้ว ม้วนหนังสือโบราณเล่มนั้น ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น!
ทันใดนั้น การระเบิดพลังที่แข็งแกร่งของเขาก็เริ่มที่จะแตกพ่ายและสลายพลังลง บันไดสามขั้นสุดท้ายนี้ ในที่สุดเขาก็ไม่อาจขึ้นไปได้
ปัง!
หลานเนี้ยนหลี่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ในเมื่อหล่นลงมาจากที่สูงถึงเพียงนั้นจะต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่ ในขณะที่ฉื้อเหยียนเซียวเตรียมที่จะไปช่วยคน แต่ก็ไม่ทันเวลาเอาเสียแล้ว!
และต่อมาก็มีร่างสีม่วงร่างหนึ่ง โผล่ออกมาจากกลางอากาศอย่างกะทันหัน นางคว้าหลานเนี้ยนหลี่เอาไว้ได้ และจากนั้นก็นำเข็มยาปักลงไปบนผิวหนังของเขา เพียงแค่อึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว
ปึก!
ทั้งสองคนลงมาที่พื้นได้อย่างปลอดภัย
ฉื้อเหยียนเซียวกล่าวว่า “ลูกพี่มู่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ามาช้าเกินไปหน่อยแล้ว”
นางจ้องมองไปยังม้วนหนังสือโบราณที่อยู่ชั้นบนสุดนั้น พลางถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือ ว่านั่นคือสมบัติเผ่าหงส์ของพวกเจ้า?”
หลานเนี้ยนหลี่กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้มากว่าจะใช่!”
คนจากเผ่าหงส์ม่วงเหล่านั้นมองไปยังมู่เฉียนซี และมองว่าตนเองขาดคุณสมบัติอะไร ในเวลานี้มีผู้ที่จะสามารถพึ่งขึ้นไปข้างบนได้ นั้นมีเพียงแค่มู่เฉียนซีเพียงผู้เดียว
จื่อเหยากล่าวว่า “แม่นางมู่ ต่อไปก็ต้องดูที่ท่านแล้ว หากครั้งนี้พวกเรานำสมบัติออกไปด้วยไม่ได้ พวกเราก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานเป็นแน่!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “รอข้าอยู่ข้างล่างนี่ เดี๋ยวข้าจะขึ้นไป!”
“เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีพาเสี่ยวโม่โม่พุ่งขึ้นไปด้านบน นางกล่าวกับเสี่ยวโม่โม่ว่า “หากว่ายืนหยัดเอาไว้ไม่ไหว ก็อย่าได้อวดเก่ง ให้บอกข้า”
“เจ้าค่ะ!”
สิ่งที่อยู่บนบันไดเหล่านั้นก็คือก็คือพลังวิญญาณของการฝึกฝน แต่มู่เฉียนซีกลับไม่รู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว ในครั้งแรกเสี่ยวโม่โม่ก็เป็นเช่นนี้ และพอถึงจุดสุดท้ายก็ไม่สามารถทนไหวอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าจะผูกสัญญากับมู่เฉียนซีและได้รับพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่สุดท้ายแล้วตอนนี้นางยังเล็กเกินไปนัก
“เสี่ยวโม่โม่ เข้าไปในห้วงมิติเถิด! ต่อจากนี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“นายท่าน! ท่านระวังด้วย”
มู่เฉียนซีเดินขึ้นบันไดไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งดูเหมือนว่าบันไดนี้ไม่ได้มีแรงกดดันทางจิตวิญญาณอะไรเลย และเป็นเพียงแค่บันไดธรรมดาเท่านั้น
จื่อเหยากล่าวว่า “หรือว่ามันไม่มีปัญหาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
นางคิดอยากที่จะลองอีกครั้งหนึ่ง ผลลัพธ์ก็ยังคงถูกขวางเอาไว้อยู่ดี
เมื่อยังเหลืออยู่อีกยี่สิบขั้นสุดท้าย มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของจิตวิญญาณ
พลังวิญญาณของนางได้ไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง และเดินตรงไปข้างหน้าอีกครั้งหนึ่ง
คนที่อยู่ด้านล่างต่างก็รับรู้ได้ถึงพลังแห่งจิตวิญญาณที่กว้างใหญ่และมหาศาลราวกับท้องทะเลก็มิปานของมู่เฉียนซี ทันใดนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้น
นะ…นี่มันผิดปกติมากเกินไปแล้ว!
สีหน้าของจื่อเหยาบูดบึ้งเล็กน้อย มีความเป็นไปได้มากว่ามู่เฉียนซีจะทำได้สำเร็จ
นางส่งสัญญาณมือให้กับคนอื่นพลางกล่าวว่า “ไปควบคุมอีกสองคนนั้นเอาไว้ก่อน ฉวยโอกาสตอนที่มู่เฉียนซีกำลังขึ้นไปข้างบน”
“ขอรับ!”
ปัง!
คนของเผ่าหงส์ม่วงเริ่มลงมือ ฉื้อเหยียนเซียวกล่าวว่า “พวกเจ้ากำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่?”
จื่อเหยากล่าวว่า “พวกเจ้าไปอยู่อย่างสงบเสงี่ยมที่ด้านข้างนั้นเถอะ ข้าไม่อยากจะสังหารคนจากเผ่าเดียวกัน”
เมื่อพูดจบ จื่อเหยาก็ลงมืออย่างรุนแรง
เป็นไปได้มากกว่ามู่เฉียนซีจะสามารถหยิบเอาสมบัติของพวกเขาเผ่าหงส์ออกมาได้ แต่ทว่าเกียรติยศจะต้องเป็นของพวกเขาเผ่าหงส์ม่วงจะให้ผู้อื่นแย่งชิงเอาไปได้เช่นไร
จัดการพวกเขาให้ได้ก่อน เมื่อถึงเวลานั้นค่อยร่วมมือกันจัดการกับมู่เฉียนซี เห็นได้ชัดว่าง่ายดายเพียงใด
ฉื้อเหยียนเซียวกล่าวว่า “พวกเจ้านี่ช่างไร้ยางอายกันเสียจริง!”
ความแข็งแกร่งของฉื้อเหยียนเซียวถือได้ว่าอยู่ในระดับต่ำสุดในหมู่พวกเขา ซึ่งความแข็งแกร่งสู้พวกเขาไม่ได้เลย!
และแม้ว่าความสามารถของหลานเนี้ยนหลี่จะแข็งแกร่ง แต่ก่อนหน้านี้เนื่องจากว่าตกลงมาจากการปีนป่ายบันไดแห่งเปลวเพลิง ทำให้เสียแรงไปไม่น้อยเลย
เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของเผ่าหงส์ม่วง จึงไม่อาจทานทนได้
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาทั้งสี่คนถูกทำให้หมดสติล้มลงไปด้านข้าง
เมื่อมู่เฉียนซีสังเกตเห็นสถานการณ์ที่อยู่ด้านล่าง สีหน้าก็เคร่งขรึมไปทันที!
จื่อเยว่ซางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าน้องจื่อเหยาจะมีช่วงเวลาที่ทำทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการเช่นนี้ด้วย! มันช่างทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเสียจริง”
จื่อเหยากล่าวว่า “ท่านอย่ามาทำหน้าทะเล้น รีบฟื้นตัวให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุดเถอะ! มู่เฉียนซีใกล้ที่จะปีนขึ้นไปถึงแล้ว”
มู่เฉียนซีขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่สาม ต่อไปก็เป็นบันไดขั้นที่สอง! และระยะห่างจากจุดสูงสุดเหลือเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!