ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1682 ท่านเหมยปกป้อง
มู่เฉียนซียิ้มอย่างเรียบเฉยพลางกล่าวว่า “ข้าไม่ชอบวิธีการเชื้อเชิญแขกของหัวหน้าเผ่าหงส์หยกเอาเสียเลย เช่นนั้นข้าจึงไม่อยากที่จะไปเป็นแขกของเผ่าหงส์หยกหรอก!”
“ไม่ยอมไปแต่โดยดี อยากจะให้ใช้กำลังหรือ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าคนแก่อย่างข้ารังแกเด็กก็แล้วกัน”
เด็กสาวคนนี้มีเพียงความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเผ่าหงส์นิลเท่านั้น คิดว่าเขาจะกลัวเผ่าหงส์นิลอย่างนั้นหรือ?
“คุ้มครองแม่นางมู่!” หลานเนี้ยนหลี่สั่งการกับลูกน้องของตนเอง
ฉื้อเหยียนเซียวยืดอกออกไปเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ “ราชาชิง หากท่านคิดจะพาแม่นางมู่ไป ข้าเผ่าหงส์เพลิง เป็นคนแรกที่จะไม่ยินยอม!”
“เจ้าคิดว่าพวกเจ้าเพียงเท่านี้ จะขัดขวางพวกข้าได้อย่างนั้นหรือ?” หัวหน้าเผ่าหงส์หยกยิ้มอย่างเย็นชา
ตูม!
พวกเขาเริ่มทำการต่อสู้กันในทันที และเผ่าอื่นอีกหลายเผ่าก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่ง
สุดท้ายแล้วมู่เฉียนซีก็โกงพวกเขา และพวกเขาก็ยินดีอย่างมากที่จะได้เห็นมู่เฉียนซีถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้
พวกเขาคิดอยากที่จะจับมู่เฉียนซีเอาไว้ให้ได้ แต่ทว่าความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ปัง!
ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกาย ทำให้พวกเขายากที่จะทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บได้
“ดูถูกแม่สาวน้อยคนนี้ไปแล้วจริง ๆ มีเพียงแต่ต้องรบกวนเหล่าท่านอาวุโสลงมือแล้วล่ะ”
ตูม!
แรงกดดันของสัตว์เทพถูกกวาดเข้ามา เผ่าหงส์หยกมีจิตใจที่แน่วแน่ที่จะจับมู่เฉียนซีไปให้ได้
ปัง ปัง ปัง!
คนของเผ่าหงส์เพลิงและเผ่าหงส์ครามเดิมทีก็ขวางพวกเขาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว หลานเนี้ยนหลี่จึงกล่าวว่า “แม่นางมู่ ระวังด้วย!”
พลังของมู่เฉียนซีปะทุออกมาอย่างสมบูรณ์ “เพลิงสังหารซิวหลัว!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ตูม!
การโจมตีของมู่เฉียนซีเหล่านี้ ได้ต่อต้านพวกเขาจนไม่คุ้มค่าที่กล่าวถึง
เพียงไม่นาน พวกเขาก็เกือบที่จะบีบบังคับให้มู่เฉียนซีไปถึงทางตัน หากต้องการจะพามู่เฉียนซีไป สำหรับพวกเขาแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายที่สุดแล้ว
ทันใดนั้น ก็มีกลิ่นหอมเย็นยะเยือกลอยออกมา เป็นเหมือนกับกลีบดอกไม้แห่งเลือดที่ร่วงหล่น
อ๊ากก!
กลีบดอกไม้นั้นปลิวว่อน ทันใดนั้นผู้ที่อยู่ใกล้กับมู่เฉียนซีทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผล และทั่วทั้งร่างก็โชกไปด้วยเลือด
ทุกคนต่างก็หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ พลันนั้นหัวหน้าเผ่าหงส์หยกก็ล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่ชายที่สวมชุดสีขาวที่อยู่บนท้องฟ้าคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นให้บรรยากาศคล้ายกับดอกเหมย ที่เย็นยะเยือกอย่างที่สุด
ชุดคลุมสีขาวราวกับหิมะถูกแต่งแต้มด้วยดอกเหมยสีแดงสด เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความงดงาม
พวกเขามองไปยังคนผู้นั้นที่อยู่กลางท้องนภาด้วยความเคารพพลางกล่าวอย่างพร้อมเพรียงว่า “ท่านเหมย!”
“ท่านเหมย ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
ท่านจวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่แท้ท่านเหมยก็มาแล้วนี่เอง”
ดวงตาทั้งคู่ที่มีสีแดงเลือดราวกับดอกเหมยนั้นจ้องมองมาที่ร่างของมู่เฉียนซี จากนั้นเขาก็เอ่ยปากกล่าวว่า “ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะทำเรื่องใดก็ตาม ทั้งหมดนั้นข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง! หากเผ่าหงส์หยกต้องการที่จะให้นางไปเป็นแขกที่เผ่าหงส์หยก เช่นนั้นก็เชิญข้าไปเป็นแขกก็เพียงพอแล้ว”
บรรยากาศที่เย็นยะเยือกเข้าปกคลุมหัวหน้าเผ่าหงส์หยกเอาไว้ ทำให้เหงื่อเย็นของเขาไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง
ต้องรู้ว่าท่านเหมยเป็นหนึ่งในผู้ที่ดำรงตำแหน่งเทพราชาที่ใกล้ชิดกับมนุษย์น้อยที่สุด เป็นผู้หนึ่งที่สังหารคนได้โดยไม่กะพริบตา แล้วเขาจะกล้าเชิญไปเป็นแขกได้อย่างไรกันล่ะ?
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกกล่าวว่า “มิกล้า! มิกล้า! แต่ทว่า…”
ท่านเหมยกล่าวว่า “ไม่มีอะไรน่าเสียดายเลย! พวกเจ้าลองกล้าที่จะหาเรื่องมู่เฉียนซีดูซิ!”
มู่เฉียนซีมองไปยังหัวหน้าเผ่าหงส์หยกพลางกล่าวว่า “ข้าไม่สนใจว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ แต่ตอนที่อยู่ในสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์ข้าต้องการที่จะสังหารชิงอ้าวเทียนแต่ก็ถูกจื่อเหยาขัดขวางไว้ และหลังจากที่ปล่อยให้พวกเขาจากไปแล้ว ข้าก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอีกเลย”
“หากท่านสงสัยว่าข้าได้สังหารลูกชายของท่าน แล้วเหตุใดท่านถึงไม่สงสัยว่าจื่อเหยาอาจจะใส่ร้ายข้าเพราะทำความผิดเสียเองบ้างล่ะ! ข้าสาบานได้ ว่าข้าไม่ได้สังหารลูกชายของท่านอย่างแน่นอน”
สิ่งที่สังหารชิงอ้าวเทียนก็คือวิญญาณปีศาจ นางเพียงแค่ใส่ของเล็กน้อยไว้บนร่างของพวกเขาเท่านั้นเอง
สีหน้าของจื่อเหยาเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที “เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับข้า! ข้ากับชิงอ้าวเทียนไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรต่อกัน มู่เฉียนซี เหตุใดเจ้าจะต้องมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ด้วย!”
“หรือว่ามีเพียงแค่เจ้าที่ใส่ร้ายข้าได้! แล้วข้าจะใส่ร้ายเจ้าไม่ได้บ้างอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้คนต่างชะงักงัน ที่แท้แล้วคนที่ทำให้ตาพร่ามัวก็คือจื่อเหยา
จื่อเหยากล่าวว่า “ข้าไม่ได้ทำ!”
จื่อเยว่ซางจงใจที่จะหักหน้าของนาง “ไม่ใช่เจ้า ข้าก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะเป็นผู้ใดได้อีก?”
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกกล่าวว่า “พอแล้ว! เห็นแก่ที่ว่าเจ้าเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง เจ้าก็ดูเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ไม่คิดเลยว่าจะกล้ายุให้รำตำให้รั่ว จนเกือบทำให้ข้าทำให้ท่านเหมยไม่พอใจเอาเสียได้”
หัวหน้าเผ่าหงส์ก็หงุดหงิดเป็นอย่างมากเช่นกัน ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กสาวที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่งนี้จะมีท่านเหมยเป็นผู้หนุนหลังอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้!
หากมีเขาเป็นคนหนุนหลังก็คงต้องช่างมันแล้ว นึกไม่ถึงว่าท่านเหมยจะปกป้องนางโดยขาดหลักการอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้ หรือว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะเป็นลูกสาวของท่านเหมยกันแน่?
คำพูดของหัวหน้าเผ่าหงส์หยกนี้ เป็นการยืนยันว่าจื่อเหยาเป็นผู้ที่แจ้งเบาะแส!
หัวหน้าเผ่าหงส์ม่วงกล่าวขึ้นมาอย่างเข้มงวดว่า “ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าจะนินทาว่าร้ายอย่างส่งเดชเช่นนี้ กลับไปสำนึกผิดให้ดีเดี๋ยวนี้เลย!”
จื่อเหยาโกรธเคืองจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จากนั้นนางก็หันหน้าวิ่งหนีไป
“เข้าใจผิด! จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกเรีบกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะสังหารลูกชายของเขาจริงหรือไม่ ในเมื่อไม่มีหลักฐานเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับมู่เฉียนซีอย่างสะเพร่าอีกแล้ว เพราะมันจะทำให้ท่านเหมยต้องขุ่นเคืองใจได้
ท่านเหมยแสดงท่าทีต่อหัวหน้าเผ่าหงส์หยกอย่างเย็นชา และเขาก็ได้มอบตราสัญลักษณ์ของดอกเหมยให้กับมู่เฉียนซีชิ้นหนึ่ง “หากครั้งหน้ามีพวกคนมีตาหามีแววไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าอีก! ก็ให้หยิบตราสัญลักษณ์นี้ออกมา”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านเหมยมาก”
ทุกคนต่างก็ต้องตาเบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน เด็กสาวคนนี้ที่จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่?
ถึงแม้จะเป็นลูกหลานของเทพราชา ก็ไม่เคยเห็นท่านเหมยปกป้องผู้ใดเช่นนี้มาก่อน!
หลังจากที่มอบตราสัญลักษณ์แสดงอำนาจให้กับมู่เฉียนซีแล้ว ท่านเหมยก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว
ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตำแหน่งทั้งเจ็ดของเทพราชา ในแง่ของความสามารถและความแข็งแกร่งท่านเหมยถือว่าเป็นอันดับแรก อย่าว่าแต่คนของราชวงศ์เผ่าหงส์จะไม่มีผู้ใดกล้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจแล้ว แม้แต่ท่านจวี๋ที่อยู่ในระดับเดียวกันยังไม่กล้าผลีผลามทำให้เขาขุ่นเคืองเลย
ทันทีที่ท่านเหมยมา ทุกคนต่างก็มองไปที่มู่เฉียนซีด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
อย่าพูดถึงเรื่องที่มู่เฉียนซีโกงเอาของดี ๆ จากพวกเขาไปไม่น้อยเลย ถึงแม้จะโกงไปมากกว่าอีกสักหน่อย พวกเขาก็ไม่กล้าคัดค้านอะไรอีกแล้ว
เมื่อเรื่องได้รับการแก้ไขไปแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเข้ามาหาเรื่องมู่เฉียนซีอีก
มู่เฉียนซีกล่าวกับหลานเนี้ยนหลี่ว่า “ออกเดินทางไปที่เผ่าหงส์ครามกันเถอะ!”
“แม่นางมู่ หากท่านต้องการไปที่เผ่าหงส์คราม ข้าก็จะไปด้วย!” ฉื้อเหยียนเซียวกล่าว
“เจ้าจะต้องกลับไปที่เผ่าหงส์เพลิงก่อน เพื่อไปรักษาหัวหน้าเผ่าหงส์เพลิงให้ปลอดภัยก่อนเถอะ!”
“ก็ได้ขอรับ!” ฉื้อเหยียนเซียวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
“เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปกันเถอะ!”
หลานเนี้ยนหลี่นำทางไปด้านหน้า ส่วนมู่เฉียนซีก็นั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวโม่โม่และไล่ตามไป
ความแข็งแกร่งของเสี่ยวโม่โม่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้หลานเนี้ยนหลี่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
หลานเนี้ยนหลี่กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “แม่นางมู่ เดิมทีคิดว่าจะสัมผัสถึงความลึกล้ำของท่านได้แล้ว แต่ผลสุดท้ายท่านกลับยิ่งลึกเกินกว่าที่ผู้ใดจะหยั่งถึงเสียอีก”
หลังจากที่เพิ่มความเร็วในการบิน พวกเขาก็ได้มาถึงแคว้นหวงหลานแล้ว
หลานเนี้ยนหลี่ได้บินตรงมาในพระราชวังของราชวงศ์หงส์ครามแห่งแคว้นหวงหลานทันที “นายน้อยกลับมาแล้ว! ดีมากเลยจริง ๆ!”
“รีบไปแจ้งราชินีเร็ว!”
“นายน้อยยังพาแม่นางมนุษย์น้อยผู้หนึ่งกลับมาด้วย”
หลังจากที่ถึงจุดหมายแล้ว หลานเนี้ยนหลี่ก็กล่าวว่า “ท่านกับเสี่ยวโม่โม่เหนื่อยมาตลอดทางแล้ว ข้าให้คนนำทางท่านไปพักผ่อนเอง! ส่วนข้าของตัวไปพบท่านแม่ก่อน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง!”
หลานเนี้ยนหลี่กำชับเป็นพิเศษ และคนในพระราชวังก็ไม่ได้ละเลยต่อมู่เฉียนซีแม้แต่น้อย
หลังจากที่ให้ทุกคนไปจนหมดแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้นำตราสัญลักษณ์ของท่านเหมยออกมาเล่นพลางกล่าวว่า “ท่านเหมยผู้นั้น ท่านสั่งให้เขามาอย่างนั้นหรือ”
“อื้ม!” ร่างสีดำร่างหนึ่ง ปรากฏอยู่ด้านหลังของมู่เฉียนซี
“เรื่องของเผ่าหงส์คราม จิ่วเยี่ยท่านได้ส่งคนมาตรวจสอบแล้วหรือไม่?”
“อื้ม! จื่อโยวให้ส่งคนมาแล้ว” จิ่วเยี่ยนำข้อมูลที่อยู่ในมือส่งมอบให้กับมู่เฉียนซี