ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1692 ไม่รักข้า
ราชาโม่กอดเสี่ยวโม่โม่ตัวปลอมนั้นไว้ จากนั้นมุมปากของโม่หลิ่วขวงก็กระตุกรอยยิ้มที่พึงพอใจขึ้นมา!
ในเวลานั้นเอง ก็มีมังกรเพลิงสีแดงฉานร่อนลงมาจากกลางท้องฟ้า
ตูม! เสียงกึกก้องดังขึ้น และมังกรเพลิงตัวนั้นกลืนกินเสี่ยวโม่โม่ตัวปลอมนั้นเข้าไปจนไม่เหลือซาก
“เสี่ยวโม่โม่!” ราชาโม่ร้องตะโกนอย่างตกใจ
แต่ทันทีที่มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในเปลวไฟนั้นเดิมทีแล้วไม่ใช่เสี่ยวโม่โม่ของเขา แต่มันกลับกลายเป็นพลังแห่งความมืดที่ชั่วร้ายแทน
“ร่ายคำสาป!”
สำหรับพลังนี้ ราชาโม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก และเขาก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วหลายก้าว
“โม่หลิ่วขวง เจ้านี่มันต่ำช้าจริง ๆ!”
โม่หลิ่วขวงกราดเกรี้ยว “ผู้ใดกัน? ผู้ใดกล้ามาแส่เรื่องของข้า!”
มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมากลางอากาศ จากนั้นก็มีน้ำเสียงที่หยิ่งผยองเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ก็ต้องเป็นโคตรเหง้าของเจ้าแน่นอนอยู่แล้วน่ะสิ!”
“โม่ชิงอู่ มู่เฉียนซี!” โม่หลิ่วขวงระเบิดความเดือดดาลออกมา เส้นเลือดดำบนมือของเข้ากระตุกอย่างบ้าคลั่ง
“พวกเจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง!”
โม่หลิ่วขวงเหาะขึ้นไปกลางอากาศในชั่วพริบตาเพื่อเข้าต่อสู้กับมู่เฉียนซีและโม่ชิงอู่อย่างสุดกำลัง แต่ทว่าร่างของราชาโม่ก็ยืนขวางหน้าของเขาเอาไว้
“โม่หลิ่วขวง หากมีข้าอยู่ เจ้าก็ลองทำร้ายแม่สาวน้อยทั้งสองดูสิ?”
สีหน้าของโม่หลิ่วขวงเคร่งขรึมขึ้น เขากล่าวว่า “ราชาโม่ หากเจ้าต้องการจะช่วยหลานสาว ก็ฆ่าเด็กทั้งสองนั่นซะ”
ราชาโม่กล่าวว่า “โม่หลิ่วขวง เจ้าคิดว่าข้าแก่แล้วจริง ๆ หรือ! โง่เง่ามากนักหรืออย่างไร? ถึงแม้ว่าข้าสังหารพวกเขา เจ้าก็คงจะไม่ปล่อยเสี่ยวโม่โม่ไปแน่! ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก”
“ท่านไม่เชื่อข้าได้อย่างไร? ชีวิตหลานสาวของท่านอยู่ในกำมือของเขา”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “โม่หลิ่วขวง เจ้าแน่ใจหรือว่าเสี่ยวโม่โม่ยังอยู่ในกำมือของเจ้า?”
“นี่เจ้ากำลังหมายความว่าอย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ราชาโม่ จัดการได้เลย ข้าไปช่วยเสี่ยวโม่โม่มาได้แล้ว คนเหล่านี้ อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซีแล้ว ความปีติยินดีก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของราชาโม่
“เยี่ยมยอดมาก!”
โม่หลิ่วขวงกล่าวขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ “นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน”
“เจ้าจะต้องโกหกข้าเป็นแน่”
สุดท้ายแล้วสถานการณ์เช่นนั้น ผู้ใดก็ไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าตัวน้อยนั่นออกมาได้ เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายก็มีนักเล่นคาถาอาคมค่อยช่วยเหลือเช่นกัน
แต่ทว่าพวกของราชาโม่จะความสามารถที่ไหนไปเชิญนักเล่นคาถาอาคมมาได้กัน!
ถึงแม้ว่าโม่หลิ่วขวงจะไม่เชื่อก็ตาม ขอเพียงแค่ราชาโม่เชื่อก็พอแล้ว
ตูม!
ในที่สุดแล้วยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเผ่าหงส์นิลก็ได้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา มู่เฉียนซีกระโดดลงมาจากหลังของโม่ชิงอู่
“หาสถานที่ที่ปลอดภัยหลบไปก่อน!”
“อู๋ตี้! ออกมา!”
ตูม!
เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กัน โม่หลิ่วขวงก็ค้นพบว่าราชาโม่มาคนเดียวอย่างโง่เขลาจริง ๆ
เขากล่าวว่า “ถึงแม้จะช่วยเสี่ยวโม่โม่ออกไปได้แล้ว แต่พวกข้ามีคนมากมายเช่นนี้ ขอเพียงแค่จัดการพวกเจ้าได้ เสี่ยวโม่โม่ตัวนั้นจะต้องตกอยู่ในมือของพวกข้าอีกครั้งอย่างแน่นอน”
“ลงมือได้!”
ตูม!
หงส์นิลขนาดมหึมาปรากฏขึ้นมากลางอากาศ และทั่วทั้งท้องฟ้าก็พลันมืดมิดลง
ราชาโม่ไม่ได้ระเบิดพลังอย่างสมบูรณ์มานานแล้ว แต่ครั้งนี้ เขาจะต้องต่อสู้เพื่อหลานสาวสักครั้ง
โม่หลิ่วขวงรู้ว่า ตนเองนั้นได้ดูถูกความสามารถของราชาโม่มากเกินไปแล้ว
“จับมู่เฉียนซีให้ได้ก่อน มู่เฉียนซีเป็นผู้ผูกพันธสัญญาสัญญาของเจ้าตัวน้อยนั่น และคาดว่าเจ้าตัวน้อยนั่นน่าจะอยู่ที่นาง จับนางไว้ได้ก็สามารถบีบบังคับราชาโม่ได้แล้ว”
“พวกเจ้าอย่าได้คิดเลย”
ตูม!
ราชาโม่สบายปีกออก และบังพวกนางเอาไว้เองโดยตรง
แต่ทว่ากลับมีนักเล่นคาถาอาคมคนหนึ่งหลุดรอดออกไปได้ แล้วพุ่งตรงเข้าไปหามู่เฉียนซี
คนเผ่าคำสาปจู่โจมเข้าใส่มู่เฉียนซี และในเวลานี้จิ่วเยี่ยก็เริ่มทำว่าตนเองเป็นเกราะมนุษย์
ความรุนแรงที่พวกเขาทำร้ายจิ่วเยี่ยเช่นนั้น กลับทำให้ตอนนี้ร่างกายของจิ่วเยี่ยกลายเป็นไม้ตายในการต่อสู้กับเผ่าคำสาปไปเสียแล้ว
คำสาปแห่งความมืดนั้นพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี เงาดำก็สว่างวาบขึ้นมาทันที นักเล่นคาถาอาคมคนนั้นยังไม่ทันที่จะมองรูปร่างของจิ่วเยี่ยได้อย่างชัดเจนเท่าไรนัก ก็ต้องรับการโต้กลับในทันที
พรวด!
เขาล้มลงไปลงพื้น จากนั้นก็กระอักเลือดสีดำออกมา
การถูกโต้กลับที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ด้วยระดับความแข็งแกร่งแบบนี้ของพวกเขา เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงที่จะถอนคำสาประดับนั้นของจิ่วเยี่ยได้
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ตูม โครม!
อีกฝ่ายก็มียอดฝีมือเช่นกัน ฉะนั้นแน่นอนว่าราชาโม่ไม่อาจปกป้องทุกคนได้
และมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดสองสามคนพุ่งไปหามู่เฉียนซี หากเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำมู่เฉียนซีสามารถต่อสู้แบบหนึ่งต่อสองได้ แต่ทว่าระดับสูง แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว!
และแน่นอนว่าจิ่วเยี่ยไม่อาจปล่อยให้คนที่อยู่ตรงหน้ามาทำร้ายเฉียนซีได้แม้แต่น้อย และกำลังเตรียมที่จะโจมตี แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้นมา
“เยี่ย เหตุใดเจ้าถึงคุมสติไม่ได้ถึงเพียงนี้นะ! ไม่กลัวคนงามจะโกรธเอาเลยหรืออย่างไร ไม่ว่าจะสิบวันหรือครึ่งเดือนเจ้าอย่าคิดที่จะได้นอนกับนางเลย”
ร่างสีเขียวสั่นไหวเล็กน้อย และในทันใดนั้นคนที่ต้องการจะลงมือกับมู่เฉียนซีก็ถูกโจมตีจนลอยละลิ่วออกไป
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
จื่อโยวผู้นี้ไม่ได้มาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เขาได้นำคนจำนวนมากมาด้วย
แววตาที่เย็นชาและชั่วร้ายคู่นั้นเปล่งประกายความเย็นยะเยือกออกมา “ลงมือ!”
การปรากฏตัวขึ้นของพวกเขา สำหรับพวกของโม่หลิ่วขวงแล้ว ถือได้ว่าเป็นมหันตภัยครั้งใหญ่อย่างสมบูรณ์
โม่หลิ่วขวงกล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “ที่จริงแล้วพวกเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? พวกเจ้า…”
ตูม โครมม!
นี่เป็นการถูกบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียวโดยสิ้นเชิง แถมยังน่าอนาถเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จื่อโยว เจ้ามาได้ทันเวลาพอดีเลย”
“ใช่ไหมล่ะ? คนงามเจ้ารักเยี่ยสุดหัวใจ! แต่ว่าเยี่ยไม่เคยที่จะรักข้าบ้างเลย และนี่ยังให้ข้ารีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุดอีก เดิมทีช่วงนี้ข้าก็เหน็ดเหนื่อยจนไม่มีเวลาที่จะไปสนิทสนมกับเหล่าสาวงามของเผ่าหงส์อยู่แล้ว แล้วยังทำเช่นนี้กับข้าอีก ฮือ ฮือออ!” สายตาของจื่อโยวจ้องมองไปทางหวงจิ่วเยี่ยอย่างเศร้าสร้อย
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาใจสลายยิ่งกว่าก็คือ สายตาที่เย็นยะเยือกที่หวงจิ่วเยี่ยมองมา
“หุบปากซะ!”
“คนงาม เจ้าไม่ควบคุมเขาเลย!” จื่อโยวกล่าว
“เจ้าเสียงดังเกินไปหน่อยแล้วนะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในตอนที่จื่อโยวกำลังจะสังหารคน ทั้งสองคนไม่ได้มีท่าทางที่จะรังแกคนเช่นนี้
ปัง ปัง ปัง!
“ที่จริงแล้วพวกเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? ไม่คิดเลยว่าจะกล้ามาฆ่าพวกข้า ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ พวกเราคือคนของตระกูลไป๋” หนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ฉางกล่าวด้วยความโกรธ
จื่อโยวเดินปรี่มาเผชิญหน้ากับเขาแล้วกล่าวว่า “ตระกูลไป๋หรือ? ข้าลืมบอกเจ้าไปแล้วสินะ ว่าก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าได้ให้คนไปจัดการทำความสะอาดคนของตระกูลไป๋ในดินแดนหงส์แห่งนี้จนหมดสิ้นไปแล้ว”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้…” นี่ทำให้เขามองไปยังชายที่ชั่วร้ายโหดเหี้ยมที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
“บอกมาสิ ว่าอยากให้ข้ากำจัดตระกูลไป๋ออกไปดินแดนเทพด้วยเลยหรือไม่”
“เจ้า…”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจหรือว่าหวาดกลัว ถึงอย่างไรทั่วทั้งตัวของเขาก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“บังอาจมาจับสัตว์ผูกพันธสัญญาของแม่นางคนงาม กล้ามาทำให้แม่นางคนงามต้องเป็นกังวล แล้วยังมีความคิดเพ้อเจ้อที่อยากจะสูบเลือดที่อยู่ในร่างกายของเจ้าตัวน้อยนั้นจนหมดอีกด้วย เจ้ารู้สึกว่าการแก้แค้นของข้ามันหนักไปอย่างนั้นหรือ? ข้ารู้สึกว่ามันเบาไปเสียด้วยซ้ำ”
ในเวลานี้ มีร่างปรากฏขึ้นมาอีกสองสามคน
หนึ่งในหญิงสาวที่สวยหยาดเยิ้มคนหนึ่งกล่าวว่า “ที่ท่านจื่อกล่าวเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ? คงต้องบอกว่าพวกเจ้าช่างกล้าหาญเสียจริง ท่านเหมยให้การดูแลแม่นางมู่ถึงเพียงนี้ ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะกล้าจับสัตว์พันธสัญญาของนางมาเช่นนี้”
“โม่หลิ่วขวง ไม่คาดคิดเลยว่าจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังข้าได้ ข้าอยากจะฆ่าเจ้าจะตายอยู่แล้ว”
คนผู้นี้ก็คือช่างกวานซูเยว่ ที่เป็นผู้ผูกพันธสัญญาของโม่หลิ่วขวง
ทั้งหมดนี้นางไม่ได้มีเหตุผลที่ต้องโกหกพวกเขา สีหน้าคนผู้นั้นซีดเผือด!
พรวด!
เขากระอักเลือดออกมา ตระกูลไป๋ของพวกเขาจบเห่แล้ว แม้แต่ตระกูลไป๋ในดินแดนเทพอาจจะเกี่ยวข้องไปด้วยก็ได้
ไม่น่าเลย! มันไม่ควรเลย! พวกเขาไม่ควรทำเช่นนี้เพราะความเกลียดชังของนายน้อยที่มีต่อมู่เฉียนซี การตามใจเพียงชั่วครู่ ไม่คาดคิดว่าเขาจะรับปากจนทำเรื่องเช่นนี้ได้