ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1694 ข้าไม่ดีเอง
เพื่อที่จะทำให้มู่เฉียนซีไม่ต่อต้านเขาอีกต่อไป หวงจิ่วเยี่ยจึงหว่านเสน่ห์ยั่วยวนมู่เฉียนซีมากยิ่งขึ้นไปอีก
และบางทีนี่อาจจะเป็นผลกระทบจากคำสาป ที่ทำให้มู่เฉียนซีถูกผู้ชายคนนี้กัดจนเกือบตายอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากนั้นจิ่วเยี่ยจึงบอกมู่เฉียนซีว่าต้องออกไปชั่วขณะหนึ่ง และในช่วงเวลาที่ผนึกได้เริ่มคลายออก เขาก็ได้ไปตามหาสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั่วทุกหนแห่ง
จำเป็นที่จะต้องหาให้เจอโดยเร็วที่สุด ด้วยวิธีการที่รวดเร็วฉับไว!
ในที่สุดสติของมู่เฉียนซีก็กลับคืนมา สุ่ยจิงอิ๋งจึงกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปหรอก จิ่วเยี่ยจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ถึงจะสามารถหามันเจอได้ มิฉะนั้นบางทีหากรอให้คำสาปกำเริบก็อาจจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้วก็ได้ และคงจะไม่มีทางหาสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เจอได้แน่”
“เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก คนที่สามารถทำให้พวกเรามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์กล่าวชื่นชมออกมาได้ว่าเขามีความสามารถที่แข็งแกร่ง นับตั้งแต่ที่ถูกสร้างขึ้นมา ก็ยังมีไม่เกินสามคนเลยด้วยซ้ำ เจ้าต้องเชื่อใจเขานะ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อื้ม!”
โม่หลิ่วขวงถูกขังอยู่ที่คุกใต้ดิน เนื่องจากไม่ได้กินข้าวหรือดื่มน้ำเลยทำให้เขาทรุดโทรมลงไปมาก
ไม่มีผู้ใดมาลงโทษเขา และก็ยังไม่มีผู้ใดที่มาตัดสินโทษเขาด้วย!
ในที่สุดก็รอจนด้านนอกมีความเคลื่อนไหว และเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “มู่เฉียนซี เจ้ามาฆ่าข้าใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อย่าฝันไปเลย เจ้าไม่อาจตายอย่างมีความสุขได้หรอก”
มู่เฉียนซีได้สั่งให้คนเฝ้าอยู่บริเวณโดยรอบเป็นอย่างดี ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้
นางเดินเข้าไปข้างในพลางกล่าวว่า “โม่หลิ่วขวง เจ้าให้คนอื่นร่ายคำสาปเพื่อจัดการกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าเคยลิ้มลองรสชาติของการถูกสาปมาก่อนหรือไม่ เจ้าอยากจะลองดูสักหน่อยไหม?”
คิดอยากจะลองโดนคำสาปแล้วก็จะลองได้เลยอย่างนั้นหรือ? แคว้นหงส์นิลของพวกเขาไม่มีนักเล่นคาถาอาคมเสียหน่อย
ในเวลานี้ มู่เฉียนซีก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ตอนนี้จะมาคอยกังวลเรื่องของจิ่วเยี่ยไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเวลานี้สิ่งที่นางทำได้ทั้งหมดก็คือเรื่องที่นางสามารถทำได้และทำให้มันดียิ่งขึ้นไปอีก
ตัวอย่างเช่นการควบคุมพลังคำสาป
นางได้ฝึกมือเรื่องการแก้คำสาปมาหลายครั้งหลายคราแล้ว แต่ว่าหากเป็นการสาปแช่งแล้วละก็นางเคยลองเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
หากต้องการที่จะเข้าใจคัมภีร์หมื่นคำสาปให้ลึกซึ้ง เช่นนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องรู้จักพวกมันทั้งหมด
และในตอนนี้ โม่หลิ่วขวงก็ได้ถูกส่งมาให้นางได้ฝึกฝีมือจนถึงที่พอดิบพอดี
เพียงไม่นาน โม่หลิ่วขวงก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งคำสาปที่คุ้นเคย และกล่าวออกมาอย่างตื่นตะลึงว่า “จะ…เจ้า เจ้าเป็นคนของเผ่าคำสาป”
มู่เฉียนซีไม่ได้ตอบเขากลับไป แต่ทว่าได้ร่ายคำสาปของคัมภีร์หมื่นคำสาปเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นคำสาปง่าย ๆ ที่อยู่ในการครอบครองของเผ่ามังกรเล่มนั้นนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “โม่หลิ่วขวง ความจริงแล้วข้าไม่คิดอยากที่จะแสดงการร่ายคำสาปเลย และก็ไม่ต้องการที่จะใช้การร่ายคำสาปนี้ทำร้ายผู้อื่นด้วย!”
เมื่อเปรียบเทียบกับคำสาปนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเหมือนยาน้ำที่นางใช้ได้อย่างคล่องมือมากที่สุด และนางก็มีความคุ้นเคยทั้งในชีวิตที่แล้วและชีวิตนี้อีกด้วย
“แต่ว่านะ! ด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้าจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจคำสาปให้ได้อย่างถ่องแท้ เช่นนั้นจึงได้มาฝึกมือกับเจ้า”
“อ๊าก! อย่านะ!”
“ปล่อยข้าไปเถอะ! เจ้ามันไม่ใช่คน”
“……”
ร่ายคำสาป ถอนคำสาป วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จบ
โม่หลิ่วขวงถูกทรมานจนอยากจะร้องขอความตาย แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้เห็นการเพิ่มระดับของนักเล่นคาถาอาคมที่จิตวิปริตผู้นี้ขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
หลังจากที่ยากลำบากมาตลอดทั้งวัน ก็ทำให้ระดับเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ด้วยความสามารถเช่นนี้หากอยู่ที่เผ่าคำสาป ภายในหนึ่งร้อยปี คงจะไม่มีผู้ใดในเผ่าคำสาปที่เป็นคู่ต่อสู้ของนางได้อย่างแน่นอน
ที่จริงแล้วเขาได้ไปล่วงเกินคนที่วิปริตอย่างนี้ได้เช่นไรกันนะ?
จากนั้นโม่หลิ่วขวงก็หมดสติไปอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ลองคัมภีร์จากเผ่ามังกรเล่มนั้นเสร็จแล้ว นางก็ได้ลองคัมภีร์จากเผ่ากิเลนเป็นลำดับต่อไป และใช้เวลาเพียงไม่นานก็ศึกษาจนเสร็จสิ้น
สุดท้ายแล้ว ก็เหลือเพียงคัมภีร์ของเผ่าหงส์แล้ว
หลังจากที่รอให้สิ้นสุด โม่หลิ่วขวงก็เป็นบ้าไปแล้ว ทั้งบ้าทั้งโง่เขลา
มู่เฉียนซีออกไปจากคุกใต้ดิน และกล่าวว่า “ไปรายงานราชาโม่ แล้วให้ราชาโม่มาจัดการลงโทษเสียเถอะ!”
“ขอรับ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้ทำการศึกษาคำสาปเสร็จเรียบร้อย จิ่วเยี่ยก็กลับมาถึงแล้วเช่นกัน
เขามองเห็นความเหนื่อยล้าบนร่างกายของมู่เฉียนซี และถึงแม้ว่าจะได้รับความรักของวิญญาณลิขิตสวรรค์จากพระเจ้ามาเป็นพิเศษ แต่หากต้องใช้พลังจิตวิญญาณไปอย่างต่อเนื่องก็ไม่อาจรับไหวเช่นกัน
ทันใดนั้นจิ่วเยี่ยก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ต่อมาจากความโกรธแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นปวดใจ สุดท้ายแล้ว…
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้พลางกล่าวว่า “ซี ข้าไม่ดีเอง!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หลานเนี้ยนหลี่ส่งข่าวมา ว่าทางด้านนั้นมีเรื่องที่ล่าช้าอยู่ไม่น้อยเลย”
“ห้ามไป! ต้องพักผ่อนก่อน!”
“ไปพักผ่อนที่นั่นได้ก็เหมือนกัน!”
“ไม่ได้!”
“หากข้าบอกว่าต้องไปล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างดื้อดึง
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “หากซียืนยันว่าจะไป ข้าก็จะมัดเจ้าเอาไว้ และให้เจ้าได้พักผ่อน! จากนั้นข้าก็จะไปทำอาหารด้วยตัวเอง แล้วก็ค่อย ๆ ป้อนเจ้า… ”
มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด นางกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “หวงจิ่วเยี่ย นับวันท่านจะใจร้ายใจดำมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ! ข้ายอมแพ้! ยังไม่รีบมาคอยปรนนิบัติให้ท่านเจ้าบ้านอย่างข้าได้พักผ่อนอีก!”
“น้อมรับคำสั่งขอรับ!” มุมปากของจิ่วเยี่ยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ราชาจิ่วเยี่ยดูแลคนอย่างพิถีพิถัน นอกจากเรื่องอาหารการกินที่ดูแลไม่ได้แล้ว ก็สามารถที่จะดูแลได้ครอบคลุมไปทั่วทุกด้าน
อีกทั้งที่ตัวของมู่เฉียนซีนั้นมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ไม่น้อย เนื่องจากมีสมุนไพรวิญญาณที่เพียงพอในการปรุงยาน้ำออกมาทำให้มู่เฉียนซีฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนี้สามารถไปได้แล้วใช่หรือไม่!”
“อื้ม!”
“ทางด้านสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีข่าวมาบ้างหรือยัง?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ตอนนี้มีข่าวมาบ้างแล้ว ทางเผ่าเทพและผ่านคำสาปก็ค้นพบแล้วเช่นกัน ตอนนี้กำลังค้นหากันอยู่ คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกไม่มากเท่าไรแล้ว”
“เช่นนั้นข้าก็คงต้องเร่งเวลาในการฝึกฝนแล้วล่ะ!”
มู่เฉียนซีกลับมาถึงแคว้นหวงหลาน หลานเนี้ยนหลี่ก็กล่าวว่า “แม่นางมู่ ทันทีที่ท่านไปก็มีคนต้องการให้รักษามากยิ่งขึ้น! และไม่คาดคิดเลยว่าเผ่าคำสาปจะแอบวางแผนสังหารอันเหี้ยมโหดกับผู้แข็งแกร่งของเผ่าหงส์ของข้ามากมายถึงเพียงนี้ หรือว่าเผ่าหงส์ของพวกเราอาจจะนับวันยิ่งแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าจะรับหน้าที่ต่อไป วันหนึ่งให้มาสามคนเลยก็ได้”
หลังจากที่ได้วิเคราะห์คัมภีร์หมื่นคำสาปทั้งสองเล่มอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ความสามารถของมู่เฉียนซีก็เพิ่มระดับมากขึ้นมาไม่น้อย
คาบเรียนของมู่เฉียนซีที่โรงเรียนชิงอี้ก็ไม่ได้ตกหล่นเช่นกัน เผ่าสัตว์เทพมีความจำที่เป็นเลิศเป็นอย่างมาก ขอเพียงแค่มีความตั้งใจ คัมภีร์สมุนไพรวิญญาณเล่มใหญ่ถึงเพียงนั้นก็ได้เพิ่มเป็นสองเท่าอย่างรวดเร็วขึ้นมาจริง ๆ
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้สอนการหลอมยาอายุวัฒนะไปแล้วนั้น ก็ทำให้เกิดผลบางอย่างขึ้นแล้ว…
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่ได้เริ่มการทดสอบกันทีละคนสองคนไปแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “มาอีกครั้ง!”
ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ทำให้นักเรียนเหล่านี้ผิดหวังเป็นอย่างมาก
“อาจารย์! ดูท่าว่าเผ่าหงส์อย่างพวกเรา จะไม่มีพรสวรรค์ที่จะได้กลายเป็นนักปรุงยาจริง ๆ”
มู่เฉียนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หลานเหยา เจ้ามานี่หน่อย!”
“เปิดพลังแห่งจิตวิญญาณของเจ้า จากนั้นก็ปล่อยพลังวิญญาณ อย่าต่อต้านข้า…”
“อื้ม!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีตรวจสอบ ก็ต้องหน้าบึ้งตึงไปทันที
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!
พลังจิตวิญญาณและพลังวิญญาณของพวกเขามาพร้อมกับพลังที่มีผลทำให้เกิดการปฏิเสธฤทธิ์ยา พลังชนิดนี้ทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะกลั่นยาอายุวัฒนะให้สำเร็จได้
เสียงของสุ่ยจิงอิ๋งดังขึ้นมาว่า “นี่คือการสร้างสมดุลตามวิถีแห่งสวรรค์!”
“เดิมทีเผ่าสัตว์เทพก็ได้จากไปแล้ว เช่นนั้นความสามารถอื่นจึงได้ถูกจำกัดไปทั้งหมด”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “การจำกัดเช่นนี้ ไม่มีทางทำลายได้เลยเช่นนั้นหรือ?”
“สามารถทำลายได้ ไม่ใช่ว่าซีเอ๋อร์คิดออกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ดัดแปลงร่างกาย และเปลี่ยนร่างกายของพวกเขา เผ่าพันธ์ุของพวกเขา กระบวนการมันใหญ่เกินไป ข้าไม่อาจทำเพียงคนเดียวได้ นอกเสียจากว่าจะมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง! แต่ทว่าถึงจะสามารถทำได้ พวกเขาก็คงจะไม่ยอมที่จะทิ้งรากเหง้าของตนเองไปหรอก!”
“เช่นนั้น นี่คือปัญหาที่แก้ไขไม่ได้!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ว่า ข้าไม่อาจที่จะยอมแพ้ไปอย่างง่ายดายเช่นนั้นหรอก”
มู่เฉียนซีมองไปทางพวกเขาพลางกล่าวว่า “ถูกต้องแล้วล่ะ เผ่าหงส์ไม่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยาอายุวัฒนะ”
แววตาของพวกเขามืดมนลงทันที มันถูกกำหนดไว้เช่นนี้สินะ?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แต่ว่าในเมื่อไม่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยาอายุวัฒนะ มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทางกลายเป็นนักปรุงยาได้! สิ่งที่นักปรุงยาสามารถทำได้ ไม่ได้มีเพียงแค่การปรุงยาอย่างเดียวหรอกนะ”