ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1699 มหาจักรพรรดิเหลยแห่งดินแดนแห่งทวยเทพ
- Home
- ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
- ตอนที่ 1699 มหาจักรพรรดิเหลยแห่งดินแดนแห่งทวยเทพ
ภายในร่างกายของสัตว์ปีศาจอัสนี มีสายฟ้าอยู่ภายในตัวเอง
ครืนน! พลังสายฟ้าที่อยู่ภายในนี้ มีความแข็งแกร่งมากกว่าข้างนอกเสียอีก
เปรี๊ยะ! รู้สึกว่าร่างกายปรับตัวใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นก็ประกอบเข้าด้วยกันใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกเช่นนี้ ไม่ใช่ความรู้สึกที่มนุษย์จะสามารถรับไหวได้
มู่เฉียนซีกำลังหาแหล่งกำเนิดพลังอัสนีที่แข็งแกร่งมากที่สุดภายในนี้ มีเพียงแค่จัดการสิ่งนี้เท่านั้น พลังของสัตว์ปีศาจอัสนีถึงจะหายไป เป็นเช่นนั้นนางถึงจะสามารถหนีไปได้
“คงจะไม่ถูกกินไปจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่!” เหลยหมิงยังคงรออยู่ด้านนอก และกำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
เขาอยากที่จะพุ่งเข้าไปภายในร่างกายของสัตว์ปีศาจอัสนี เพื่อไปดูว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แต่ทว่าเขาไม่สามารถที่จะทำได้นี่สิ!
หากหาเช่นนี้ต่อไปคงไม่มีทางเจอเป็นแน่ รอร่างกายปรับให้เข้ากับพลังสายฟ้าภายในนี้สักเล็กน้อยก่อน ว่าแล้วมู่เฉียนซีจึงเริ่มที่จะโจมตีภายในร่างกายของสัตว์ตัวนี้
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะซิวหลัว!”
ครืนน! จากนั้นเสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังออกมาจากภายในร่างกายของสัตว์ปีศาจอัสนี
ถึงแม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้มันได้มากเท่าไรนัก แต่กลับสามารถทำให้มันรู้สึกรำคาญได้เล็กน้อย
ปัง ปัง ปัง!
สัตว์ปีศาจอัสนีโมโหที่ถูกมนุษย์เข้ามาก่อความวุ่นวายภายในร่างกายของมัน ทำให้เหลยหมิงที่กำลังถูกไล่โจมตีอย่างน่าหวาดเสียวหลบหลีกการโจมตีไปได้อีกครั้งหนึ่ง
เหลยหมิงตื่นตกใจเป็นอย่างมาก “มีการเคลื่อนไหว เยี่ยมมาก! นาง…นางไม่เป็นอะไร”
เหลยหมิงตื่นเต้นอย่างที่สุด และมองดูสัตว์ปีศาจอัสนีที่กำลังจะบ้าดีเดือดอยู่ในตอนนี้
ครืนน!
สัตว์ปีศาจอัสนีกำลังโมโหมู่เฉียนซีที่อยู่ภายในร่างกายของมันมาก ทั้งมันยังไม่อาจที่จะโจมตีนางได้อีกด้วย
ไม่มีทางโจมตีได้ แต่ทว่าสามารถให้สายฟ้าที่อยู่ภายในร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เข้ามาภายในร่างกายของสัตว์ปีศาจอัสนีจะถูกผ่าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับมู่เฉียนซีผู้ที่มีวิธีการฝึกฝนร่างกายแบบพิเศษเช่นนี้
ยิ่งมู่เฉียนซียืนหยัดอยู่ภายในนั้นได้นานมากขึ้นเรื่อย ๆ ความบ้าคลั่งของสัตว์ปีศาจอัสนีก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
เสียงของเหลยหมิงดังขึ้นมา และมู่เฉียนซีสลบไสลอยู่ในร่างกายของสัตว์ปีศาจอัสนีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ต่างก็เป็นเพราะสุ่ยจิงอิ๋งช่วยให้นางรอดชีวิตมาได้
“ซีเอ๋อร์ ไม่ต้องหาแล้ว ข้าจะส่งเจ้าออกไป!” เสียงของสุ่ยจิงอิ๋งดังขึ้นมา
“ไหน ๆ ก็เข้ามาแล้ว ก็จะต้องจัดการเจ้าสิ่งนี้ให้ได้สิ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหนักแน่น
สุ่ยจิงอิ๋งไม่มีทางเลือกอื่น จึงตอบกลับนางไปว่า “ซีเอ๋อร์ พวกข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
เหลยหมิงเป็นกังวลเกี่ยวกับมู่เฉียนซีมาโดยตลอด แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ภายในร่างกายของสัตว์ปีศาจอัสนีออกมาบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้ในที่สุดเขาก็วางใจแล้ว
นางจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!
ในร่างของสัตว์ปีศาจอัสนีที่รกร้างว่างเปล่าเป็นอย่างยิ่งนั้น ทำให้การปรับตัวของมู่เฉียนซีก็ยิ่งดีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ในที่สุดก็สามารถหาแหล่งกำเนิดของพลังสายฟ้านี้เจอเสียที และได้เข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น เข้าใกล้เข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตูม!
เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีเกือบที่จะเข้าไปใกล้แหล่งกำเนิดของพลัง กำแพงสายฟ้าก็กระแทกมู่เฉียนซีให้กระเด็นออกไปโดยตรง
ปัง!
และการโจมตีของสายฟ้าก็ทยอยโจมตีเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จนไม่เปิดโอกาสให้มู่เฉียนซีได้พักหายใจเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีรวบรวมพลังธาตุมิติทั้งหมดมาใช้ในการหลบหนี ส่วนนี้เป็นสถานที่ที่แข็งแรงมากที่สุดและยังเป็นสถานที่ที่อ่อนแอมากที่สุดของสัตว์ปีศาจอัสนีด้วย และไม่คาดคิดว่ามันจะสามารถที่จะปกป้องได้ด้วยตนเองได้
เงาร่างพลิกหลบอย่างรุนแรงกลางอากาศ มู่เฉียนซีพยายามอย่างในการปกปิดกลิ่นอายของตนเอง และเข้าไปใกล้ด้วยวิธีการก้าวเท้าที่ราวกับงูเลื้อยอย่างไรอย่างนั้น
นางมองเห็นหัวใจสีดำทะมึนดวงหนึ่งที่กำลังเต้นอยู่ และยังมีพลังงานสีเงินล้อมอยู่บริเวณโดยรอบราวกับใยแมงมุม
ฟึ่บ!
มู่เฉียนซีสกัดกั้นการโจมตีของสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน และเข้าไปคว้าหัวใจดวงนั้นเอาไว้
พลังวิญญาณของธาตุอัคคีระเบิดออกมา และหัวใจดวงนั้นก็ถูกเผาจนราบคาบ ในที่สุดก็เหลือเพียงผลึกสีดำขนาดเล็กราวกับเล็บมือเท่านั้น
เหลยหมิงรออยู่ที่ด้านนอกเป็นเวลานาน และได้พบว่าภายในไม่มีการเคลื่อนไหวแล้วจริง ๆ
ภายในใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?
โฮก!
สัตว์ปีศาจอัสนีที่น่าสะพรึงกลัวตัวนั้นเปล่งเสียงร้องคำรามอย่างน่าเวทนาออกมาดังสนั่น พลังทั่วทั้งร่างกายอ่อนแอลงไปไม่น้อยในทันที และร่างกายของมันก็เริ่มโปร่งแสงเพิ่มมากขึ้น
เหลยหมิงกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งว่า “สำเร็จแล้วหรือ? นี่คือสำเร็จแล้วใช่หรือไม่?”
ตูม!
เพลิงกองหนึ่ง ได้เผาผลาญสัตว์ปีศาจอัสนีที่เปลี่ยนเป็นใกล้จะโปร่งแสงตัวนั้นขึ้นมา และร่างสีม่วงก็พุ่งออกมาจากร่างกายของมัน
พรึ่บ! ท่ามกลางเปลวเพลิง ร่างเงาสีม่วงก็ได้พุ่งตรงออกมาแล้ว
มู่เฉียนซีมองไปทางเหลยหมิงแล้วกล่าววว่า “รอนานมากเลยใช่หรือไม่?”
เหลยหมิงมองมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง พลางกล่าวว่า “ไม่นาน ๆ เจ้านี่ยอดเยี่ยมมากจริง ที่จริงแล้วเจ้าทำเช่นไรกันแน่? พระเจ้า!”
“ข้าช่างเลื่อมใสเจ้า…”
เพียงแต่ว่ายังตื่นเต้นไม่ทันเพียงพอ สายฟ้าที่หนาแน่นอยู่บนท้องฟ้าก็ฟาดผ่าลงมาอีกครั้ง และในครั้งที่ก็ไม่มีสถานที่ให้หลบซ่อนเลย ฉะนั้นจะต้องยืนหยัดต้านทานไว้อย่างสมบูรณ์ให้ได้มากที่สุด?
เหลยหมิงกรีดร้องออกมา “ตายแน่ ตายแน่แล้ว! นี่คือโทษทัณฑ์ที่ได้ฆ่าเจ้าสัตว์ปีศาจอัสนีตัวนั้นไปหรือไม่? นี่มันโหดเหี้ยมมากเกินไปแล้ว! ช่วยด้วย!”
หลังจากที่ได้สังหารสัตว์ปีศาจอัสนีไปตัวหนึ่ง ผลสุดท้ายก็ต้องมาพบกับวิกฤตกาลที่ไม่เคยมีมาก่อน
ครั้งนี้ คาดว่าคงจะต้องให้สุ่ยจิงอิ๋งออกรบลงสนามแล้วจริง ๆ
ผลก็คือถึงแม้ว่าเจ้าสิ่งเหล่านี้จะมีมากมาย แต่ทว่ากลับไม่ฟาดผ่าลงมาที่ตัวของพวกเขา
ท่ามกลางอัสนีเหล่านี้ ก็มีเสียงหัวเราะหนึ่งดังออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“เจ้าพวกเด็กน้อยทั้งสองนี้ น่าสนุกเป็นอย่างมาก ข้าชอบ!”
เหลยหมิงกล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “ข้างในนี้มีคนด้วยอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกลับกล่าวขึ้นมาว่า “น้ำเสียงนี้ เหตุใดถึงได้คุ้นหูถึงเพียงนี้นะ?”
อย่างที่คาดไว้ คนผู้นั้นกล่าวขึ้นมาอีกว่า “แม่สาวน้อย พวกเราได้มาเจอกันอีกแล้ว เจ้าดีใจมากเลยใช่หรือไม่?”
“ท่านดูตรงไหนว่าข้าดีใจกัน” มู่เฉียนซีกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
“เจ้า…ไม่คิดว่าเจ้าจะไม่ดีใจ หรือว่าเจ้าไม่ได้เฝ้ารอที่จะเลื่อนขั้นการฝึกร่างกายของเคล็ดวิชาสามพันอัสนีอีกครั้งแล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่อย่างนั้นเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่กันล่ะ?”
“ท่านมีวิธีอย่างนั้นหรือ?”
“ต้องมีแน่นอนอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นท่านอาวุโสได้โปรดชี้แนะข้าด้วย”
“ผู้อาวุโสอะไรกัน น่าโมโหเสียจริง เรียกข้าว่าท่านอาจารย์”
“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเป็นผู้ใด แล้วคิดจะให้ข้านับเจ้าเป็นอาจารย์ เป็นไปไม่ได้” มู่เฉียนซีกล่าวปฏิเสธกลับไป
“แม่สาวน้อย ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการที่จะรู้ตัวตนของข้าหรอกหรือ? ข้าเพียงแค่บอกเจ้าเท่านั้นเอง ข้าก็คือมหาจักรพรรดิเหลยตี้ห่าว” คนผู้นั้นตอบกลับมา
คนผู้นี้คือใคร?
มู่เฉียนซีไม่รู้จริง ๆ
เพียงแต่ว่าเหลยหมิงตื่นตะลึงไปแล้ว “มหาจักรพรรดิเหลย ท่านกล่าวว่าท่านคือท่านมหาจักรพรรดิเหลย”
มหาจักรพรรดิเหลยตี้ห่าว ท่านผู้นั้นคือบุคคลที่มีอยู่ในคัมภีร์โบราณของเผ่าหงส์อัสนี
เขาก็คือผู้ที่ครอบครองพลังอัสนีที่แข็งแกร่งมากที่สุด และยังเป็นหนึ่งในเทพจักรพรรดิของดินแดนแห่งทวยเทพอีกด้วย
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าพวกเด็กน้อย พวกเจ้าตื่นเต้นจนตัวสั่นเลยใช่หรือไม่”
เหลยหมิงกำลังตื่นเต้น แต่ทว่ามู่เฉียนซียังคงสงบนิ่งอยู่
“แม่สายน้อยผู้นี้”
“ข้าได้รู้ตัวตนของท่านแล้ว แต่ทว่าข้าก็ยังไม่คิดที่จะนับถือท่านเป็นอาจารย์อยู่ดี! ที่จริงแล้วท่านก็ไม่ได้อยากบอกข้าเท่าไร ถึงไม่บอกข้า ข้าก็สามารถศึกษามันด้วยตนเองได้”
เหลยหมิงกล่าวว่า “แต่นี่คือท่านมหาจักรพรรดิเหลย หนึ่งในเทพจักรพรรดิแห่งดินแดนแห่งทวยเทพ และท่านก็คือผู้ที่ควบคุมธาตุอัสนีที่แข็งแกร่งมากที่สุด เจ้า…ไม่คิดว่าเจ้าจะไม่ยอมนับถือท่านผู้นั้นเป็นอาจารย์”
“ข้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัสนีเสียหน่อย!” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันน่า!” เหลยหมิงกล่าวอย่างกระวนกระวายใจ
“ข้าไม่ใช่คนที่คร่ำครึเช่นนั้น แน่นอนว่าผู้รับจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัสนี ถึงจะเหมาะสมที่จะรับมันได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ายังไม่นับท่านเป็นอาจารย์ในตอนนี้ ท่านไปเล่นอยู่ทางนั้นเถอะไป! อย่าได้มารบกวนพวกเราอีกเลย”
มหาจักรพรรดิเหลยลุกลี้ลุกลนและโกรธเคือง แม่นางเด็กสาวผู้รนหาที่ตายผู้นี้นี่ จริง ๆ เลย
หากว่าได้ส่งมอบเคล็ดวิชาสามพันอัสนีที่ใช้ฝึกฝนร่างกายนี้ก็จะมีผลดีอยู่ไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าเมื่อครั้งที่แล้วก็ได้เจ้าคนที่แปลกประหลาดผู้นี้ลากออกไปแล้วถูกฟ้าผ่าเข้า มู่เฉียนซียังจดจำได้ดี “ตกลง! เจ้ามันเป็นสาวน้อยที่ดื้อดึง และข้าก็ไม่อาจทำอะไรเจ้าได้! เช่นนั้นข้าจะทำเพียงบอกเจ้าว่าต้องทำเช่นไร เจ้าจงนำหัวใจผลึกสีดำที่ได้รับมาจากสัตว์ปีศาจอัสนีนี้ให้กับสุ่ยจิงอิ๋ง ให้นางได้กลืนกินมันเข้าไป เช่นนั้นก็จะสามารถเลื่อนขั้นได้อีกหนึ่งแล้ว ” มหาจักรพรรดิเหลยกล่าว