ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1700 สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
“กะ…กินหัวใจ” เหลยหมิงกล่าวอย่างตื่นตระหนก
“ไม่ใช่หัวใจ!” มู่เฉียนซีหยิบเอาผลึกสีดำขนาดใหญ่เท่าเล็บมือออกมา
“นี่คือสิ่งที่ได้รับมาจากในร่างกายของสัตว์ปีศาจอัสนี หากกินไปแล้วจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หากเจ้ากินมันเข้าไปแล้วละก็ พลังของอัสนีจะไม่สามารถควบคุมจากภายนอกได้อีกต่อไป ซึ่งกระบวนการนี้จะทรมานมาก” มหาจักรพรรดิเหลยกล่าว
คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เมื่อลองคิดดูแล้วคงจะต้องเจ็บเจียนตายเลยทีเดียว เหลยหมิงบ่นพึมพำ
“เมื่อถึงตอนที่เจ้าทนไม่ไหว แล้วมาขอร้องให้ข้าช่วย ข้าก็จะช่วยเจ้า แล้วหลังจากนั้นเจ้าก็มาเป็นศิษย์ที่น่ารักของข้า เป็นอย่างไร?” มหาจักรพรรดิเหลยกล่าว
มู่เฉียนซีได้เอาผนึกที่อยู่ในมือเม็ดนั้นมาเล่น แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าของสิ่งนี้จะมีประโยชน์มากถึงเพียงนี้”
“ข้ารู้สึกว่า ข้าจะไม่ขอร้องท่าน! ท่านตายไปกับหัวใจดวงเดียวนั่นเสียเถอะ!”
มู่เฉียนซีหยิบเอาหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา จากนั้นก็ได้เอาผลึกเม็ดนี้ใส่ลงไปแล้วเริ่มกลั่นยา
แน่นอนว่าเมื่อกลืนของสิ่งนี้ลงไปจะต้องทำให้คนยากที่จะทานทนได้อยู่แล้ว
เพื่อคลายพลังที่บ้าคลั่งนี้ลงและกลั่นให้ออกมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับนางได้ ก็คงมีเพียงนางที่เป็นหมอปีศาจเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้
อากัปกิริยาของมู่เฉียนซีค่อนข้างที่จะแปลกประหลาด ซึ่งดูราวกับว่านางกำลังปรุงยาอยู่
“เจ้าทำลายสิ่งของที่ดีเช่นนี้ไปแล้ว แม่สาวน้อยเจ้านี้ช่างทำลายของดีไปอย่างเปล่าประโยชน์เสียจริง”
“ข้าไม่ได้ทำลายของดี ๆ ไปอย่างเปล่าประโยชน์เสียหน่อย รออีกสักประเดี๋ยวท่านก็จะรู้แล้ว”
“รออีกเดี๋ยวหรือ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะให้ข้าต้องรอ”
ครืนน!
มีเสียงสายฟ้าร้องดังมาจากบนท้องฟ้า
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าคิดว่าคนอย่างท่านมหาจักรพรรดิเหลยคงจะไม่ใช่คนที่ชอบแอบทำอะไรลับหลังผู้อื่นหรอก เช่นนั้นก็อย่าได้ส่งเสียงฟ้าร้องมารบกวนการปรุงยาของข้าเลย!”
“เจ้า…”
มู่เฉียนซีกลั่นยาอย่างรวดเร็ว และน้ำยาตัวแรกก็ถูกนางกลั่นก็ได้สำเร็จออกมาแล้ว
หลังจากที่นางกลืนยาลงไปแล้ว ต่อมานางก็รู้สึกว่าร่างกายของนาง ทั้งเลือดและภายในไขกระดูกต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้า และสายฟ้าเหล่านี้ยังปั่นป่วนอยู่ในร่างกายของนางอย่างไม่หยุดหย่อนอีกด้วย
เหงื่อเย็นไหลอาบไปทั่วทั้งร่างของมู่เฉียนซี และความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
นางได้ทำสิ่งนี้ให้มีความสมดุลแล้ว หากไม่ทำเช่นนี้แล้วละก็ คาดว่าทันทีที่นางกลืนลงไป นางคงจะไม่อาจทนรับเอาไว้ได้เป็นแน่
มหาจักรพรรดิเหลยเองก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง ประสิทธิภาพของสิ่งของชิ้นนั้น ไม่ได้อ่อนแอลงเลย แต่ทว่ามันกลับอยู่ในขอบเขตที่แม่สาวน้อยผู้นี้สามารถทนรับไหวได้
ผิดแผนเสียแล้ว ไม่คิดว่าสาวน้อยผู้นี้จะมีเคล็ดลับเช่นนี้อยู่ด้วย
หลังจากที่ค่อย ๆ ปรับตัว มู่เฉียนซีก็เริ่มใช้ยาขวดที่สอง
ยาขวดที่สองยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังทรมานมากขึ้นอีกด้วย
เพียงแต่ว่าเนื่องจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้สิ่งนี้อยู่ในขอบเขตที่มู่เฉียนซีสามารถรับได้แน่นอนอยู่แล้ว
มหาจักรพรรดิเหลยรู้ว่า จากนี้ไปแม่สาวน้อยผู้นี้คงจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีกแล้ว
และความกดดันจึงได้ตกไปอยู่ที่ตัวของเหลยหมิง “เด็กน้อยเผ่าหงส์อัสนี เจ้ามาหาข้าหน่อย เจ้ายินยอมที่จะนับถือข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
“ข้าหรือ?” เหลยหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง
เขาไม่คาดคิดว่าตนเองจะมีพรสวรรค์เพียงพอที่จะทำให้ท่านมหาจักรพรรดิเหลยในตำนานยอมรับตนเป็นศิษย์เช่นนี้ได้
“แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าอยู่แล้ว! เมื่อกลายมาเป็นศิษย์ของข้าแล้วก็มาเพิ่มความสามารถอย่างรวดเร็ว จนทำให้สาวน้อยผู้นั้นต้องอิจฉากันเถอะ! ฮ่า ๆ ๆ! ถึงเจ้าจะไม่อยากยินยอมก็จงยินยอมไปเสียเถอะ!”
มหาจักรพรรดิเหลยได้ดึงเหลยหมิงออกไปแล้ว ตอนนี้มู่เฉียนซีไม่เป็นกังวลเรื่องของเหลยหมิง เนื่องด้วยความสามารถของมหาจักรพรรดิเหลยหากคิดที่จะทำอันตรายพวกเขา เดิมทีคงไม่จำเป็นที่จะต้องมากเรื่องถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกำลังใช้ยาที่กลั่นออกมาจากผลึกธาตุอัสนีของสัตว์ปีศาจอัสนีตัวนั้นในการฝึกฝนร่างกาย ส่วนเหลยหมิงก็ถูกมหาจักรพรรดิเหลยลากออกไปเพื่อฝึกฝนอย่างลับ ๆ และในเวลาเดียวกันนั้น ดินแดนของหงส์ก็มีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดินเกิดขึ้น
สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์… สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เปิดแล้ว
ผนึกเกิดแตกร้าวเป็นแนวยาว และได้ปรากฏอยู่บนยอดของต้นเทพพฤกษา ในทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าผนึกนี้ของเผ่าเทพนี้สามารถที่จะพังทลายลงได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น
“รีบทำให้ผนึกเสถียร เร็วเข้า!”
“เร็วเข้า!”
“……”
สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ปรากฏออกมา นั่นเป็นไปได้มากว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปวางแผนที่จะปรากฏออกมาแล้ว และแน่นอนว่าไม่อาจจะให้ผู้อื่นเข้าไปในดินแดนหงส์ และมาแย่งเอาความดีความชอบของเขาไปได้อยู่แล้ว
และในทันทีที่มันปรากฏรอยแตกร้าวออกมา แน่นอนว่าจิ่วเยี่ยที่อยู่ในเผ่าหงส์อัสนีก็ต้องสัมผัสได้เช่นกัน
คำสาปที่อยู่ในร่างกายของเขากำลังระส่ำระสาย มันทนรอไม่ไหวที่จะสนองตอบกันและกันต่อคัมภีร์หมื่นคำสาปที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดของมัน และภายในใจก็อยากที่จะกระโจนเข้าไปหลอมรวมกัน
หากมีความช่วยเหลือจากคัมภีร์หมื่นคำสาป ไม่ว่าผู้ชายเหล่านั้นจะทรงพลังมากมายเพียงใด ต่างก็จะต้องยอมศิโรราบให้ และต้องกลายเป็นทาสของมันร่ำไป
พวกของเหลยป้าที่อยู่ในเผ่าหงส์อัสนีต่างก็ชะงักไปเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีพวกของราชาโม่…
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวว่า “ไปเรียกยอดฝีมือจากเผ่าของเราให้มารวมตัวกัน และให้พวกเขามาหาข้าโดยเร็ว”
สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ปรากฏออกมาแล้ว สถานที่แห่งนั้นคือสถานที่ที่ท่านเทพหงส์หลับใหลอยู่ มีสมบัตินับไม่ถ้วน จะให้ไปตกอยู่ในมือของเผ่าเทพได้อย่างไรกัน
ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้มากว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปจะอยู่ที่สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ด้วย
เผ่าเทพกล่าวว่า หากได้รับคัมภีร์หมื่นคำสาปไปแล้วจะปล่อยเผ่าหงส์ของพวกเขาไป แต่ทว่าคำพูดเหล่านี้ จะเชื่อก็บ้าแล้ว
กลัวก็เพียงแต่ว่าเมื่อพวกเขาได้ของที่ต้องการแล้ว สิ่งที่เฝ้ารอเผ่าหงส์ของพวกเขาอยู่จะเหลือเพียงแค่อนาคตที่ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น
“เป็นกังวลก็เพียงแต่พันธมิตรทั้งหมด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราก็ต้องรวมตัวกันได้แล้ว”
“ขอรับ!”
แต่ทางด้านเทพราชาก็เริ่มที่จะสั่งการลงมาแล้วเช่นกัน
จื่อโยวรีบมาหาจิ่วเยี่ย เขาค่อนข้างที่จะเป็นกังวลต่อสถานการณ์ของจิ่วเยี่ยพอสมควร
“เยี่ย! เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
อักขระคำสาปที่อยู่ตรงหลังมือปะทุออกมา อย่างไรก็ตามจิ่วเยี่ยก็สามารถที่จะกดมันเอาไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “คัมภีร์หมื่นคำสาป อยู่ที่สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ จะต้องได้มันมาให้ได้อย่างแน่นอน”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเยี่ย เจ้าต้องการที่จะกลับไปฝึกฝนอยู่ที่แดนนรกก่อนหรือไม่ แบบนี้…”
“ไม่มีปัญหา!” จิ่วเยี่ยกล่าว
“เช่นนั้นลงมือทำกันเถอะ!”
เมื่อสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กำลังจะปรากฏขึ้น ก็ได้ก่อให้เกิดคลื่นพายุทั้วทั่งโลกของหงส์ขึ้นมาแล้ว
เผ่าเทพและเผ่าคำสาปค้นพบว่ากำลังคนของพวกเขานั้นไม่เพียงพอ จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากเผ่าหงส์ด้วย
เทพราชากล่าวว่า “ร่วมมือกับพวกคนจากเผ่าหงส์ ก็มีแต่เจ้าพวกคนที่จะมาเกะกะเปล่า ๆ”
“แต่ว่าท่านเทพราชา หากเป็นการโยกทัพไปช่วยเหลือแล้วละก็ คาดว่าคงจะมีคนที่ลงมือในทันที พวกเขาาจะส่งคนมาสอดแนม เช่นนั้นมันจะยิ่งไม่ลำบากมากกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ”
“ถูกต้อง! พวกคนของเผ่าหงส์นี่ช่างน่าเกลียดชังจริง ๆ ไม่คิดว่าจะกล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่านเทพราชา อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเราต่างก็รู้กันหมดอยู่แล้ว และมันไม่ได้น่าหวาดกลัวมากมายถึงเพียงนั้น ทั้งยังจัดการได้โดยง่าย!”
“……”
หลังจากที่ผ่านการพูดคุยกันแล้ว เทพราชาก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย
“สิ่งที่ทุกท่านพูดนั้นก็ถูกต้อง ปล่อยให้พวกเผ่าหงส์มาช่วยเหลือก็ได้ คนอย่างข้าจำเป็นต้องกลัวพวกเขาด้วยหรือ?”
เนื่องจากว่าช่องว่างของรอยแตกร้าวของสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีความเสถียร จึงจำเป็นต้องใช้ยอดฝีมือจำนวนมากทำให้มันเกิดความเสถียร ถึงจะสามารถส่งคนเข้าไปได้ ดังนั้นทางคนของเผ่าเทพและเผ่าคำสาป จึงร้องขอให้แต่ละเผ่าของเผ่าราชวงศ์ ส่งพลังธาตุเข้าไปในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน
เดิมทีคนของเผ่าหงส์อัสนีอยากจะบุกโจมตีด้วยกำลังเข้าไป แต่ตอนนี้ต้องการให้ร่วมมือ ทำให้พวกเขาสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมายเลยทีเดียว
“ตอบรับคำขอของเผ่าเทพ!” หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าว
ทุกคนได้เตรียมตัวกันพร้อมหมดแล้ว การเข้าไปในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่ยอดฝีมือของแต่ละเผ่าที่ถูกส่งตัวออกไปเท่านั้น พวกเหล่าคนหนุ่มสาวอัจฉริยะของแต่ละเผ่าก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เช่นกัน
นี่คือโอกาสหนึ่ง แต่มันก็มาพร้อมกับอันตรายด้วยเช่นกัน พวกเขาเผ่าหงส์ ไม่เคยกลัวอันตรายกันอยู่แล้ว
“หัวหน้าเผ่า นายน้อยยังไม่ออกมาจากทะเลอัสนีทองเลย เกรงว่าจะต้องพลาดโอกาสในการเข้าไปยังสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้เสียแล้ว”
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวพลางถอนหายใจว่า “ไม่มีทางเลือก ความจริงแล้วภายในใจของข้าทั้งเสียดายทั้งดีใจ สุดท้ายแล้วการเข้าไปยังสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ มีความอันตรายมาก”
ในตอนที่พวกเขามาถึง รอยแตกนั้นก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว อยากจะถามว่าเมื่อไรจะลงมือ ทางด้านของเผ่าเทพก็ตอบมาเพียงคำเดียวเท่านั้น นั่นก็คือรอ!