ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1701 เจ้ารีบไสหัวไปซะ
อันที่จริงแล้วองค์ชายแปดรวมไปถึงผู้ผูกพันธสัญญากำลังอยู่ในช่วงจุดสำคัญในการเลื่อนขั้นอยู่
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น
“เผ่าหงส์ของพวกเรา มีคนเลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพแล้วหรือ”
ด้วยความพยายามเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ชายที่สวมชุดคลุมยาวสีเงินพร้อมด้วยใบหน้าเฉยเมยผู้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาก็เดินมาด้วยกันกับองค์ชายแปด
“สัตว์เทพ! ปิงหมิงของเผ่าหงส์น้ำแข็งเลื่อนขั้นแล้ว”
“องค์ชายแปดก็ได้รับประโยชน์ไปไม่น้อยเช่นกัน! ดูท่าแล้วการรอของพวกเราคงไม่ได้สูญเปล่า”
“……”
ในเมื่อทั้งสองคนนี้มาแล้ว เทพราชาถึงได้ปรากฏตัวขึ้น
รูปลักษณ์ของเทพราชาก็ถือได้ว่าไม่เลวเลย มีความสามารถในการคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งยังเป็นคนที่มีลักษณะอันน่าเกรงขามเป็นอย่างมากอีกด้วย
เทพราชากล่าวว่า “ในเมื่อทุกคนต่างก็มาถึงกันหมดแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็เปิดเส้นทางกันเถอะ!”
“ความจริงแล้ว! ยังมีคนที่ยังมาไม่ถึงอยู่อีก!” ราชินีหลานลุกขึ้นยืนพลางกล่าวออกมา
ราชาเทพจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ดูอ่อนช้อยคนนั้นพลางกล่าวว่า “ยังมาไม่ถึงอย่างนั้นหรือ ยังขาดผู้ใดอีกหรือ?”
ราชาโม่กล่าวว่า “ขาดหลานสาวของข้าและผู้ผูกพันธสัญญาของนาง มู่เฉียนซี! มู่เฉียนซีผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าไม่อาจที่จะพลาดโอกาสไปได้”
ราชินีหลานและราชาโม่ต่างก็ลุกยืนขึ้นมาแล้ว หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีจึงกล่าวว่า “แล้วก็ยังมีลูกชายของข้า เหลยหมิง”
เทพราชากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เรื่องใหญ่ของดินแดนหงส์เริ่มขึ้นแล้ว ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในการรอ”
“ท่านเทพราชากล่าวได้ถูกต้องแล้ว เจ้าตัวน้อยของเผ่าหงส์นิลและเหลยหมิง หรือว่าพวกเขากำลังจะทะลวงผ่านขั้นเป็นสัตว์เทพอย่างนั้นหรือ? คิดว่าพวกเขาเป็นอย่างหงส์น้ำแข็งที่น่าเคารพจริง ๆ หรือ มีสิทธิ์อะไรที่จะให้พวกเราต้องรอ...”
ครืนนน!
เทพราชายังไม่ทันจะจบคำพูดคำจาไร้สาระนั้น จู่ ๆ พลังอัสนีระหว่างโลกของหงส์ก็หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ที่มีธาตุอัสนีที่แข็งแกร่งอย่างบ้าคลั่ง
ดวงตาของทุกคนต่างเบิกกว้างพลางกล่าวอย่างตกตะลึงว่า “สถานที่แห่งนั้น สถานที่แห่งนั้นคือแคว้นเหลยหวง”
สำหรับแคว้นเหลยหวงแล้ว หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีต้องเข้าใจมันมากกว่าผู้อื่นแน่นอนอยู่แล้ว
เขากล่าวว่า “ที่นั่นไม่ได้เป็นเพียงแค่แคว้นเหลยหวง แต่ทว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามของพวกข้าเผ่าหงส์อัสนี นั่นก็คือทะเลอัสนีทอง และตอนนี้ลูกชายของข้าก็อยู่ข้างในนั้น”
ครืนนน!
พลังแห่งสายฟ้านั้น มีความน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นมาหลายส่วน
จะต้องมีคนกำลังจะทะลวงผ่านได้อย่างแน่นอน!
เทพราชากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนี ไม่รู้ว่าลูกชายของเจ้าจะสามารถทะลวงผ่านได้เมื่อไร ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่น่ารอทั้งนั้น เพื่อไม่ให้พลาดงานสำคัญเช่นนี้ พวกเรามาออกเดินทางกันเถอะ!”
“ใช่แล้ว! ออกเดินทางเถอะ!”
และในเวลานั้นเอง ท่านเหมยผู้มีใบหน้าที่เรียบเฉยก็เดินเข้ามา
“ท่านเทพราชา ข้าก็มีคนที่ต้องรออยู่อีกคนหนึ่งเช่นกัน สามารถรออีกสักครู่ได้หรือไม่”
น้อยครั้งมากที่ท่านเหมยจะเอ่ยปากขอร้องผู้อื่น ซึ่งนี่ก็ทำให้เทพราชาประหลาดใจเล็กน้อย
เทพราชากล่าวว่า “คนผู้นั้นใช่สาวน้อยที่มีชื่อว่ามู่เฉียนซีหรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“ตกลง เช่นนั้นก็รอเสียหน่อยแล้วกัน!”
“อ๊ากกก! ข้าไม่อยากมีชีวิตแล้ว ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว…” ภายในทะเลอัสนีทอง มีเสียงของเหลยหมิงกำลังร้องออกมาอย่างโหยหวน
“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ทั้งที่ได้เปรียบเช่นนี้แต่กลับทำเหมือนรับไม่ไหวอยู่ได้ เจ้ามีศักยภาพที่จะบรรลุขั้นสัตว์เทพได้ถือว่าไม่เลวเลย รอให้ข้าส่งคนมารับเจ้าไปยังดินแดนแห่งทวยเทพก่อนเถอะ ข้าไม่อนุญาตให้ปฏิเสธด้วย” มหาจักรพรรดิเหลยกล่าว
“ขอรับ แต่…แต่ว่าเป็นข้าได้จริง ๆ เช่นนั้นหรือขอรับ? นั่นคือดินแดนแห่งทวยเทพเชียวนะ!”
“ลูกศิษย์คนโปรดของข้า ในเมื่อข้าบอกว่าได้ก็คือได้สิ”
และหลังจากที่มู่เฉียนซีย่อยสลายพลังอัสนีอันสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ด้วยเคล็ดลับการฝึกฝนร่างกายนี้ ทำให้นางเลื่อนขั้นได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
“แล้วยังมีแม่สาวน้อย เจ้าก็ด้วย! ถึงเวลาก็ต้องไปด้วยกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านมหาจักรพรรดิเหลย ในดินแดนเดิมของข้ายังมีเรื่องที่ข้าต้องไปทำอยู่อีก เมื่อมีโอกาสข้าจะไปที่ดินแดนแห่งทวยเทพอย่างแน่นอน ท่านจะรีบไปทำไมกัน?”
“น่าโมโหเสียจริง ๆ เลย แม่สาวน้อยผู้นี้ ข้าไม่สนใจพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว ไสหัวออกไปซะ!”
สิ่งที่หลงเหลือทิ้งไว้ในทะเลอัสนีทองนั้นก็คือดวงจิตของมหาจักรพรรดิเหลย เมื่อพวกของมู่เฉียนซีออกจากทะเลอัสนีทองไปแล้ว ดวงจิตของเขาก็ได้หายไปเช่นกัน
ในตอนที่พวกเขาออกมาก็ได้มีคนมารายงานอย่างรีบร้อนว่า “นายน้อย สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้เปิดออกแล้ว ทุกคนในเผ่าต่างก็ไปกันหมดแล้ว ท่านรีบไปเถิด มิเช่นนั้นจะไม่ทันกาลเอาได้”
เหลยหมิงกล่าวว่า “เจ้าจะไปหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าต้องไปแน่นอน ไว้ค่อยเจอกัน!”
เหลยหมิงมาถึงด้วยความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวว่า “ในที่สุดเจ้าเด็กน้อยนี่ก็มาได้เสียที ได้รับมาไม่น้อยเลยสินะ!”
เหลยหมิงไม่มีเวลาแม้แต่จะซ่อนกลิ่นอายระดับขั้นของสัตว์เทพบนร่างกายของเขาได้ทัน
ตั้งแต่หลังจากที่เผ่าหงส์พ่ายแพ้ มีหงส์ที่อยู่ในขั้นสัตว์เทพถือกำเนิดขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนที่น้อยมาก แต่ในตอนนี้เด็กรุ่นหลังต่างก็พากันบรรลุได้ติดต่อกันเช่นนี้ และหนึ่งในนั้นยังเป็นคนของเผ่าหงส์ที่ต่อต้านอีกด้วย ซึ่งมันทำให้เทพราชาไม่พอใจเอาเสียเลย
เขากล่าวว่า “ออกเดินทางกันเถอะ! อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเลย”
ราชาโม่กล่าวว่า “แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เหมย อย่าให้เด็กสาวเพียงคนเดียวทำให้เกิดความล่าช้า…”
สุดท้าย มู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวออกมา
“ข้ามาแล้ว!”
นางจ้องมองไปที่ผู้คนพลางกล่าวว่า “ปล่อยให้ทุกท่านต้องรอเสียนานเลย”
เทพราชาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี แม่สาวน้อยผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างงดงาม แต่ทว่าอายุน้อยเช่นนั้น และไม่รู้เลยว่าเพราะเหตุใดเหมยถึงได้ให้ความสำคัญกับนางเป็นพิเศษถึงเพียงนี้
ในเวลานี้แววตาทั้งคู่ขององค์ชายแปดติดตรึงอยู่ที่มู่เฉียนซีอีกครั้ง เขาพึมพำกับตนเองว่า “ในที่สุดก็มาแล้ว ช่างมาได้ทันเวลาพอดีเลย!”
เทพราชาโบกมือพลางกล่าวว่า “เอาล่ะ! ในเมื่อทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว! ทำให้รอยแตกของเส้นทางสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีความเสถียรเสีย”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะเปิดรอยแยกนั้นออกมา เวลานี้มู่เฉียนซีได้รั้งมือของคนผู้หนึ่งเอาไว้
คนที่อยู่เบื้องหน้านี้สวมหน้ากาก ใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงอารมณ์ใด ๆ ทั้งยังกลบกลิ่นอายไว้ด้วย จนเป็นราวกับคนโปร่งแสง และทำให้คนอื่นต่างก็ไม่ได้สนใจเขา
มู่เฉียนซีส่งกระแสจิตกล่าวกับจิ่วเยี่ยว่า “จิ่วเยี่ย อย่าไป!”
ในตอนที่ดึงมือของจิ่วเยี่ยเอาไว้ มู่เฉียนซีก็รู้สึกถึงความปั่นป่วนของคำสาปได้แล้ว
แน่นอนว่าในตอนนี้จิ่วเยี่ยพยายามที่จะกดมันเอาไว้อย่างสุดชีวิต ไม่อย่างนั้นแล้วหากมันรั่วไหลออกมาแม้เพียงน้อยนิด คงจะต้องถูกคนจากเผ่าคำสาปค้นพบอย่างแน่นอน
“ข้าจำเป็นที่จะต้องไป เมื่อหาคัมภีร์หมื่นคำสาปเจอ ตอนนั้นซีก็จะสามารถถอนคำสาปให้ข้าได้แล้ว”
“เจ้า…”
ครืดด!
เส้นทางถูกเปิดออก ท่านเหมยกล่าวว่า “ควรออกเดินทางได้แล้ว”
เมื่อเข้าไปในมิติสีแดงเข้มแห่งนั้น ท่านเทพราชาได้กล่าวขึ้นมาว่า “การเข้าไปในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ถูกแบ่งออกเป็นสองเส้นทาง! แต่ละกลุ่มยอดฝีมือไปยังใจกลางสุสานศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน เพื่อค้นหาสมบัติของเผ่าหงส์”
“ในส่วนเหล่าเด็กน้อยทั้งหลาย แยกย้ายกันไปหาประสบการณ์ในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ตามใจชอบเถิด! ขอให้พวกเจ้าได้รับของที่ไม่คาดคิดเอาไว้ก็แล้วกัน”
“ไปได้!”
เทพราชาแทบจะทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาทนรอที่จะไปกวาดสมบัติทั้งหมดของเผ่าหงส์ไม่ไหวแล้ว และยังต้องไปเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปมาให้ได้อีกด้วย
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวว่า “พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ ล่ะ? หลังจากนี้คงจะหลีกเลี่ยงสงครามใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวได้ยากยิ่ง หากเหล่าเด็กน้อยรออยู่ที่ประตูนี้ อาจจะทำให้พวกเขาเกิดอันตรายได้ ไม่สู้ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปหาโอกาสโดยตรงเสียดีกว่า
องค์ชายแปดไม่พอใจเล็กน้อย และสีหน้าของปิงหมิงก็บูดบึ้งเช่นกัน
เขากล่าวว่า “ไปเถอะ!”
ผู้อาวุโสได้ประเมินความสามารถของเขาต่ำจนเกินไป เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะพิสูจน์ให้พวกเขาได้เห็น ว่าพวกเขาสามารถทำได้ และปิงหมิงของเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน
องค์ชายแปดกล่าวว่า “ปิงหมิง เจ้ารอข้าครู่หนึ่ง! ข้ายังมีเรื่องที่จะต้องทำเสียหน่อย”
องค์ชายแปดเดินมาเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีอย่างกล้าหาญและหยิ่งผยอง “แม่นาง สุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่ค่อยปลอดภัย ไม่เช่นนั้นมารวมกลุ่มเคลื่อนไหวไปด้วยกันกับข้าเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าขอปฏิเสธ เจ้ารีบไสหัวไปซะ!”
“ข้าทำไปก็เพราะหวังดีต่อเจ้า เหตุใดเจ้าถึงได้กล่าวเช่นนี้! เดิมทีคิดว่าจะมาสั่งสอนเจ้าในภายหลัง ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ อย่างนั้น…” องค์ชายแปดมีท่าทีที่แข็งกร้าว การแสดงออกนั้นดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมแพ้หากยังไม่บรรลุเป้าหมาย