ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1702 ตัวต่อตัวกับปิงหมิง
ขณะที่องค์ชายแปดกำลังจะลงมือ แต่ความเร็วในการลงมือของมู่เฉียนซีนั้นกลับเร็วกว่าเขามากอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแต่เร็วเท่านั้น แต่ยังทำให้ถึงกับเลือดตกยางออกด้วย ทั้งยังเป็นการโจมตีที่หมายเอาถึงชีวิตอีกต่างหาก
สีหน้าขององค์ชายแปดเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก และไม่คิดมาก่อนเลยว่ามู่เฉียนซีจะกล้ามากจนถึงจุดนี้จริง ๆ
องค์ชายแปดหลบไม่พ้นแล้ว แต่ยังโชคดีที่ในตัวมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันอยู่
ปัง!
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพได้ขวางการโจมตีของมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ แต่มู่เฉียนซีกลับไม่ได้ให้โอกาสองค์ชายแปดได้โต้ตอบเลยแม้แต่น้อย
กระบี่มังกรเพลิงฟาดผ่านไปในอากาศ จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงฉานก็พัดโหมกระหน่ำลงมา
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ธาตุอัคคีที่น่าหวาดกลัวพุ่งเข้ามาเบื้องหน้าของเขา จากนั้นไอเย็นที่น่าสะพรึงกลัวก็ตามกันมาแบบติด ๆ
ปัง!
ไอเย็นยะเยือกนี้กวาดผ่านไปนี้รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง จนชั่วพริบตานั้นมู่เฉียนซีต้องล่าถอยออกมา
บริเวณโดยรอบถูกหลอมรวมจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งขาว และบนใบหน้าของคนอื่นก็เผยความตกตะลึงออกมาให้เห็น
ปิงหมิงเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์แข็งแกร่งมากที่สุดของเผ่าหงส์ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ไอเย็นยะเยือกนี้ทำให้ผู้คนต้องตกอกตกใจ และทำให้ทั่วทั้งตัวอดที่จะขนลุกขนพองขึ้นมาไม่ได้
ปิงหมิงกล่าวว่า “อยากให้จัดการเช่นไร พูดออกมาตามตรง? อย่าได้เสียเวลา”
องค์ชายแปดมักจะหยิ่งผยองและเผด็จการอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าปิงหมิงก็ยังถือว่าเชื่อฟังอยู่บ้าง
เขากล่าวว่า “ขับไล่ให้ออกไปก่อน รอให้ข้าออกไปแล้วค่อยจัดการกับนาง แม้ว่า…”
เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของมู่เฉียนซี และยังคงอาลัยอาวรณ์ต่อใบหน้านี้อยู่ เพียงแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก
ปิงหมิงพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง!”
หากไม่ใช่ความต้องการขององค์ชายแปด เขาไม่มีทางที่จะมาเสียเวลาเผชิญหน้ากับคนอ่อนแอเช่นนี้เป็นแน่
เขายกมือขึ้นมาอย่างแผ่วเบา บรรยากาศที่อยู่โดยรอบราวกับจะควบแน่นเข้าด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็มีเสียงแหวกอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้นมา และมีลูกศรอันหนาวเย็นที่แหลมคมพุ่งออกมาราวกับลมที่โหมพัดอย่างรุนแรง
ผู้คนต่างพากันส่ายศีรษะอย่างไม่มีทางเลือก การโจมตีในครั้งนี้มู่เฉียนซีหลบออกไปไม่พ้นเป็นแน่ นี่มันคงจะต้องจบลงแล้ว
เดิมที่แล้วคนที่ท่านเหมยโปรดปรานจะมีอนาคตที่ก้าวไกลไร้ขอบเขต แต่กลับทำให้คนที่ไม่อาจล่วงเกินได้ถึงสองคนต้องขุ่นเคืองใจเข้าจนได้
พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ในขณะที่ลูกศรเหล่านั้นกำลังพุ่งเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี ก็ได้มีสายฟ้าสีเงินจำนวนหนึ่งฟาดผ่าลงมาจากท้องฟ้า
ครืนน!
ลูกศรน้ำแข็งที่แข็งแกร่งจนน่าสยดสยองเหล่านั้น ได้ถูกสายฟ้าระเบิดแตกออกจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยในพริบตาเดียว และหลังจากนั้นมันก็ได้กระจายหายไป
ในเวลาเช่นนี้ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับปิงหมิง
“เป็นเจ้านี่เอง เหลยหมิง!” องค์ชายแปดจ้องมองไปที่เหลยหมิงอย่างชั่วร้าย
“เจ้ายุ่งเรื่องของผู้อื่นให้น้อยลงหน่อยเถิด”
“ข้าอยากที่จะยุ่งวุ่นวายเรื่องของผู้อื่น แล้วเจ้าจะมาจุ้นจ้านเรื่องของข้าได้อย่างนั้นหรือ?” เหลยหมิงตอบกลับ
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ปล่อยนางมาซะ” เหลยหมิงชี้ไปที่ปิงหมิงอย่างแฝงความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
การกระทำของเหลยหมิงมันบ้าระห่ำเกินไปแล้ว
ไม่คาดคิดว่าเขาจะยั่วยุปิงหมิงเช่นนี้
“ได้ยินมาว่าเจ้าก็ทะลวงผ่านจนสำเร็จขั้นสัตว์เทพแล้ว เช่นนั้นกล้าที่จะต่อสู้กับข้าสักรอบหรือไม่!”
ไอเย็นยะเยือกที่อยู่บริเวณโดยรอบน่ากลัวมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เหลยหมิงช่างหาเรื่องตายเสียจริง ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะทำให้ปิงหมิงโกรธเขาเสียแล้ว
ทันใดนั้น พลังอัสนีที่สามารถทลายฟ้าสะเทือนดินก็ปะทุออกมา ทำให้ผู้คนต่างก็หน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตกใจ
เหลยหมิงเองก็ทะลวงผ่านไปได้แล้วเช่นกัน!
ตูม!
พลังของทั้งสองปะทะเข้าหากัน บริเวณโดยรอบต่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
คนที่อยู่ในบริเวณนั้นยากที่จะทนรับไหว จึงทำได้เพียงแค่ถอยร่นไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยเท่านั้น
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าอย่างท่านมหาจักรพรรดิเหลยได้ให้ของที่มีประโยชน์แก่เหลยหมิงไปไม่น้อยเลย และมันก็ทำให้เหลยหมิงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดมากเลยทีเดียว
ต่อมา ทั้งสองก็ได้กลายร่างเป็นร่างเดิม รูปร่างใหญ่โตได้ต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ ซึ่งมันก็เขย่าทั้งสวรรค์และโลกเลยทีเดียว
ครืนน!
หลังจากนั้นก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา และทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ช่างน่าหวาดกลัวจริง ๆ!”
“ความแข็งแกร่งของปิงหมิงนั้นไม่เท่าไร แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเหลยหมิงของเผ่าหงส์อัสนีก็จะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ไม่คิดเลยจริง ๆ!”
“……”
การโจมตีด้วยสายฟ้านั้นแข็งแกร่งมาก ทั้งการป้องกันของร่างกายก็แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าความสามารถของเหลยหมิงแห่งเผ่าหงส์อัสนี จะถูกซ่อนเอาไว้ลึกถึงเพียงนี้
ปิงหมิงใช้แววตาที่เอื่อยเฉื่อยและหยิ่งผยองนั้นกวาดมองไปที่เหลยหมิง หากต่อสู้กับชายผู้นี้ต่อไป แม้จะต่อสู้กันทั้งวันทั้งคืนก็ยากที่จะรู้ผลลัพธ์ได้
จะมีแค่เพียงเสียเวลาไปเปล่า ๆ เท่านั้น แต่ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไรเท่าไรนัก!
ปิงหมิงกล่าวว่า “ทุกคนต่างก็เข้าไปในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาโอกาสกันทั้งนั้น เหตุใดเจ้าถึงจำเป็นต้องมาต่อสู้อยู่ที่นี่กับข้ากันเล่า จะทำให้ตนเองต้องเสียพลังไปอย่างเปล่าประโยชน์ทำไมกัน”
“เหอะ ๆ ๆ! แล้วทีพวกเจ้ามาเฝ้าอยู่ตรงทางเข้านี้เพียงเพื่อที่จะกลั่นแกล้งหญิงสาวที่อ่อนแอคนหนึ่ง พวกเจ้าคงมีเหตุผลอย่างนั้นสินะ!” เหลยหมิงกล่าว
อันที่จริง เมื่อพูดความจริงเรื่องนี้ออกไป เขาก็ละอายเล็กน้อยเช่นกัน
หากเขาคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ แม่นางน้อยผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนที่อ่อนแอแน่นอนอยู่แล้ว
เดิมทีแล้วมู่เฉียนซีไม่ใช่คนที่อ่อนแออยู่แล้ว เป็นคนกล้าหาญเสียมากกว่า เข้าใจ?
มุมปากของทุกคนกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง เพียงแต่เมื่อพิจารณาความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีกับปิงหมิงแล้ว อีกฝ่ายดูจะเป็นคนพาลมากกว่าเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
“เจ้าต้องการที่จะปกป้องมู่เฉียนซีจริง ๆ สินะ” ไอเย็นยะเยือกที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา และมันก็มีเป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายนั่นก็คือมู่เฉียนซี
ปัง! พลังนี้ได้ถูกม่านแสงสีเงินสกัดกั้นเอาไว้ได้
“แน่นอน ช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุดสิ”
ใบหน้าของปิงหมิงเคร่งขรึม เขากล่าวว่า “เห็นแก่สถานะนายน้อยของเผ่าหงส์อัสนี เรื่องในวันนี้ถือว่าช่างมันก็แล้วกัน”
และดูเหมือนว่าองค์ชายแปดจะไม่พอใจมาก!
“ปิงหมิง เป็นเช่นนี้ก็ช่างมันเถอะ!”
“สมบัติของภายในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญกว่า”
“ตกลง! ข้าฟังท่าน”
ปิงหมิงกล่าวว่า “ผู้ใดยอมที่จะติดตามพวกเรา ก็ตามข้ามากันให้หมดเถิด! ภายในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีอันตรายอยู่รอบด้าน หากเคลื่อนไหวเพียงลำพังจะอันตรายมาก”
ไม่คาดคิดเลยว่าอัจฉริยะอย่างปิงหมิงจะเชื้อเชิญพวกเขาให้เคลื่อนไหวไปด้วยกัน ซึ่งทำให้ทุกคนต่างกระโดดขึ้นไปอย่างตื่นเต้น และจากไปพร้อมกับพวกเขา
คนของเผ่าหงส์อัสนีกล่าวขึ้นมาว่า “นายน้อย ท่านหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว!”
เหลยหมิงโบกมือพลางกล่าวว่า “ไปกันอีกทางเถอะ”
เขาเดินไปเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่แท้เจ้าก็มีชื่อว่ามู่เฉียนซีนี่เอง!”
“อื้ม!”
“ผู้ชายอย่างปิงหมิงนั้นลำพองใจเกินไปแล้ว คงคิดว่าตนเองนั้นเก่งกาจมากจริง ๆ จนพวกเราต้องกลัวเขาเช่นนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่กลัวอยู่แล้ว!”
“พวกเราไปกันเถอะ!”
คนของเผ่าหงส์อัสนีประหลาดใจเป็นอย่างมาก นายน้อยของพวกเขาดูจะสนิทสนมราวเจอเพื่อนเก่าเกินไปหน่อย หรือว่าก่อนหน้านี้เขารู้จักกับมู่เฉียนซีอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาไม่มีทางที่จะคาดถึงได้อย่างแน่นอน เพราะไม่เพียงแต่รู้จักเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นเพื่อนตายกันเลยก็ว่าได้
บริเวณโดยรอบล้วนแต่เป็นสีแดงฉานราวกับเปลวเพลิงอย่างไรอย่างนั้น และหมอกสีแดงก็ได้ปรากฏขึ้น เหลยหมิงกล่าวว่า “อย่าหลงทางเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อตายอยู่ที่นี่ ก็คงไม่อาจมีผู้ใดมาเก็บศพของพวกเจ้าได้”
“ขอรับ นายน้อย!”
หลังจากที่หมอกสีแดงนั้นจางหายไปแล้ว เบื้องหน้าก็ปรากฏประตูสองบานขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
หน้าประตูแต่ละบานมีการสลักอีกาทองคำสามขาเอาไว้ และมันก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาว่า
“ท่านเทพหงส์หวงแหนเหล่าชนรุ่นหลังเป็นอย่างมาก เช่นนั้นข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสองทาง! หากเข้าไปในประตูบานแรก ก็อาจจะมีมรดกอยู่มากมาย และไม่อันตรายมากถึงเพียงนั้น ตราบใดที่มีพรสวรรค์ที่ไม่ได้แย่มากจนเกินไป ก็จะสามารถได้รับสิ่งที่พวกเจ้าเองปรารถนาได้”
“ส่วนประตูบานที่สอง อันตรายที่อยู่ข้างในนั้นอยู่เหนือจินตนาการของพวกเจ้าอย่างแน่นอน แต่ทว่ามันกลับสามารถเข้าไปถึงใจกลางของสุสานได้ มันเป็นเสมือนเส้นทางแห่งความตายของยอดฝีมือเผ่าหงส์ที่แข็งแกร่ง และเมื่อพวกเจ้าเข้าไปแล้ส ก็จะต้องพบกับความตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“สิ่งที่ข้าพูดนั้น ไม่ได้มีเจตนาพูดให้ผู้อื่นตกใจแน่นอน! เพียงแต่อยากให้คิดให้ดี!”
พวกของหัวหน้าเผ่าคาดว่าน่าจะไปยังเส้นทางแห่งความตาย และพวกเขาจะเข้าสู่ความตายอย่างสมบูรณ์
สมบัติที่แท้จริงก็จะมีพวกของหัวหน้าเผ่าและเทพราชาที่เป็นผู้ได้ไป พวกเขาต้องการได้รับเพียงแค่ผลประโยชน์เล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว เช่นนั้นสายตาของพวกเขาจึงไปจับจ้องอยู่ที่ประตูบานแรก
แต่ทว่าทางที่มู่เฉียนซีเดินไป กลับเป็นประตูบานที่สอง
ใจกลางของสุสาน คือสถานที่ที่นางจำเป็นต้องไป
ในตอนนี้จิ่วเยี่ยได้อยู่กับพวกของท่านเหมยและจื่อโยว สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าก็คือยอดฝีมือจากเผ่าเทพและเทพราชา แต่สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดนั้นไม่ใช่เทพราชาแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันคือคัมภีร์หมื่นคำสาปเล่มที่สามที่ถูกผนึกไว้อยู่ในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นต่างหาก