ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1703 เร็วกว่าพวกเขา
พวกเขารู้สึกว่ามู่เฉียนซีผู้นี้บ้าไปแล้ว และนางก็คงไม่อยากที่จะมีชีวิตแล้วสินะ
แต่ทว่าในเวลานี้ เหลยหมิงก็เดินไปทางนั้นเช่นเดียวกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหลยหมิง สิ่งที่ข้าต้องการทำไม่ได้มีเพียงแค่รับรางวัลเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น เป้าหมายของข้าก็เหมือนกันกับพวกเขา เช่นนั้นข้าจะต้องหาสมบัติของสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ให้จงได้”
“ก็ไปด้วยกันสิ!”
คนอื่นรู้สึกว่าเหลยหมิงก็บ้าไปแล้วเช่นกัน “นายน้อย นั่นมันเสี่ยงเกินไปแล้ว”
เหลยหมิงกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดให้มากความอีกต่อไปแล้ว พวกเจ้าเข้าไปที่ประตูบานแรกกันเถอะ!”
และเหลยหมิงก็ผลักประตูบานที่สองเข้าไปอย่างไม่พูดไม่จา พลางกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “พวกเราเข้าไปกัน!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “อื้ม!”
พวกเขามองไปที่ประตูบานแรกที่เปิดอยู่ ไม่มีผู้ใดตามเขามาเลย
“พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
หลังจากที่เข้าไปแล้ว ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ภายในพื้นที่แห่งนี้ มีสัตว์ปีศาจอัคคีอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน หากต้องการที่จะหาเส้นทางไปยังใจกลางสุสานให้เจอ จำเป็นที่จะต้องฆ่าสัตว์ปีศาจอัคคีจำนวนหนึ่งร้อยตัวถึงจะทำได้ และพลังของสัตว์ปีศาจอัคคีเหล่านั้น อย่างอ่อนแอที่สุดก็อยู่ในขั้นเทวะขึ้นไปทั้งนั้น พวกเจ้าจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อืม ข้ารู้แล้ว”
“พวกเจ้ายังมีคำถามอื่นที่ต้องการจะสอบถามอีกหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ผู้ที่เข้ามาที่นี่ ยังมีคนอื่นอยู่อีกหรือไม่?”
“มีทั้งหมดสองกลุ่มที่เลือกประตูบานที่สอง และพวกเจ้าก็เป็นกลุ่มที่สอง”
เหลยหมิงกล่าวว่า “ดูท่าแล้ว พวกของปิงหมิงน่าจะเป็นเหมือนอย่างพวกเรา ที่เลือกตัวเลือกเดียวเช่นนี้”
“ข้าก็เดาว่าเป็นพวกเขา!” มู่เฉียนซีกล่าว
ต่อมา มู่เฉียนซีก็ถามคำถามที่สองออกมาว่า “ยังมีกลุ่มที่แข็งแกร่งอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน? และพวกเรามีโอกาสที่จะไปถึงใจกลางของสุสานเร็วกว่าพวกเขาสักก้าวหนึ่งหรือไม่?”
เหลยหมิงมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างเหลือเชื่อ เร็วกว่าพวกของเทพราชาอย่างนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร?
บางทีตอนนี้พวกเขาอาจจะไปถึงใจกลางแล้วก็เป็นได้
“แน่นอนว่าต้องมีโอกาสอยู่แล้ว! คนเหล่านั้นมีความสามารถที่แข็งแกร่งทั้งยังมีอายุที่มากกว่า และบททดสอบที่เจ้านายของพวกเราจะมอบให้แก่พวกเขานั้น จะแข็งแกร่งมากกว่ากี่เท่าก็ไม่อาจที่จะรู้ได้! ตราบใดที่พวกเจ้ามีความเก่งกาจเพียงพอ การที่จะไปถึงที่หมายเร็วกว่าพวกเขานั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใดเลย”
เหลยหมิงกล่าวว่า “เป็นไปได้จริง ๆ หรือ!”
มู่เฉียนซีตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว จะต้องไปให้เร็วกว่าก้าวหนึ่งให้ได้ นางจะต้องเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นมาให้เร็วกว่าจิ่วเยี่ย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหลยหมิง รีบไปเร็วเข้า! เราจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์สายฟ้าแลบกันแล้ว”
“ข้าจะเชื่อฟังเจ้า วันนี้ข้าจะติดตามเจ้าไปทุกหนทุกแห่งเอง”
ในตอนที่พวกเขาย่างกายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ก็ได้ยินถึงเสียงร้องคำรามของสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน
ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นรูปร่างของสัตว์ปีศาจอัคคีแล้ว และพวกมันถูกผนึกสีแดงฉานประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นสัตว์ร้ายที่พิลึกพิลั่น
บนร่างกายของพวกมันไม่เพียงแต่มีพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งเท่านั้น ทั้งยังมีกลิ่นอายมรณะที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย และมันก็ยังมีกลิ่นที่หอมกว่าภายในสุสานเทพหงส์ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
เหลยหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดก็ได้พบเจอกับเจ้าพวกนี้แล้ว ข้าจะลองกับพวกเขาดูเสียหน่อย”
ครืนน!
เหลยหมิงระเบิดพลังสายฟ้าที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวออกมาโจมตีอย่างไม่รีรอ แต่ทว่า…
ร่างกายของสัตว์ปีศาจอัคคีเหล่านี้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็ทำอะไรมันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
“มีอะไรผิดพลาดไปแล้วหรือไม่? ไม่คิดเลยว่าร่างกายของพวกมันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
สีหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววจริงจังออกมาพลางกล่าวว่า “อย่าเหม่อลอย รีบวิ่งเร็วเข้า!”
“วิ่ง?”
“หากไม่วิ่งหรือว่าเจ้าจะรอให้ถูกเจ้าพวกนั้นฆ่าเอาหรืออย่างไรกัน?”
ครืนน!
ในตอนที่มู่เฉียนซีและเหลยหมิงกำลังหลบหนี ร่างกายของพวกเขาก็แยกออกจากกันอย่างกะทันหัน พร้อมกับกวาดผ่านทุกสิ่งทุกอย่างไปราวกับเป็นระเบิดมีพลังทำลายล้างสูงอย่างไรอย่างนั้น
ตูม!
พื้นดินทั่วทั้งบริเวณกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ นี่ช่างเป็นพลังทำลายล้างที่น่าทึ่งเสียจริง ๆ
แน่นอนว่านี่คือการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวจริง ๆ!
เหลยหมิงกล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “น่ากลัว มันน่ากลัวเกินไปแล้ว”
“อีกาทองคำสามหัวนั้นพูดได้ถูกต้องแล้ว ที่นี่น่ากลัวมากเกินไป และเดิมทีแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่พลังของพวกเราจะสามารถจัดการได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “วิ่งหนีไปก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยหาจุดอ่อนของพวกมัน ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มีทางชนะได้แน่นอน”
“เอาตามเจ้าว่า” เหลยหมิงตอบกลับ และเขาก็วิ่งเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เร็วเข้า!”
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งจะไม่ได้น่าหวาดกลัวเท่าสัตว์ปีศาจอัคคีเหล่านี้ แต่ก็โชคดีที่ความเร็วของพวกเขาไม่เลวเท่าไรนัก หลังจากที่หนีอย่างต่อเนื่องในที่สุดก็สามารถจัดการกับการไล่ล่าของสัตว์ปีศาจอัคคีเหล่านั้นได้เสียที
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าคิดง่ายเกินไปแล้วจริง ๆ การที่จะกวาดเรียบไม่ให้เหลือนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง จำเป็นต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป พวกเราทั้งสองคนลงมือด้วยกัน ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะจัดการได้เพียงตัวเดียว ไม่เช่นนั้นคงทำได้เพียงแค่รอความตายเท่านั้น”
“ไปเถอะ ไปหาสัตว์ปีศาจอัคคีที่อยู่เพียงตัวเดียวกัน เพราะดูแล้วพวกมันไม่เหมือนกับพวกที่ชอบอยู่กันเป็นกลุ่มเท่าไร”
“ตกลง!”
มู่เฉียนซีและเหลยหมิงพุ่งออกไป จากนั้นก็เข้าไปยังป่าลึกสีแดงดั่งเปลวเพลิง
ต้นไม้และใบไม้ต่างก็เป็นสีแดงฉานไปทั้งหมด และสัตว์ปีศาจอัคคีที่มีสีที่เหมือนกันก็หลบซ่อนอยู่ที่นี่ซึ่งทำให้ค้นพบได้ยากยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าไปยังสถานที่ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว และมู่เฉียนซีก็ไม่กล้าที่จะประมาทเลินเล่อเลยแม้แต่น้อย
“ไปพร้อมกันข้า ระวังด้วย!”
“อืม!”
เบื้องหน้า ในที่สุดก็พบเข้ากับสัตว์ปีศาจอัคคีที่อยู่เพียงลำพังตัวหนึ่ง
มันแทบที่จะกลืนไปกับสีแดงฉานของต้นไม้แห้งที่อยู่ในที่แห่งนี่ หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซีรั้งเขาเอาไว้ เกรงว่าเหลยหมิงคงจะเดินผ่านเจ้าตัวนั้นไปโดยไม่สังเกตเห็นอย่างแน่นอน และสุดท้ายก็คงจะถูกมันบดขยี้จนตาย
มู่เฉียนซีกล่าว “ลงมือ!”
“ตกลง!” เหลยหมิงพุ่งตรงออกไป แต่ทางมู่เฉียนซีกลับหามุมสูงเพื่อคอยสังเกตการณ์
ครืนนน!
ถึงแม้ว่าเหลยหมิงจะเป็นสัตว์เทพ แต่ทว่าเขาเพิ่งจะเลื่อนขั้นมาเท่านั้น เมื่อคู่ต่อสู้เป็นสัตว์ปีศาจอัคคีเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วมันดูจะแข็งแกร่งมากเกินไปหน่อยจริง ๆ
“อู๋ตี้ เจ้าลงไปช่วยเขาหน่อย!”
“เสี่ยวโม่โม่ ขึ้นไปโจมตีทางอากาศ”
“เจ้าค่ะ!”
พวกเขาที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสงครามที่รบเพียงลำพัง แต่ทว่ากลับมีพันธมิตรอยู่มากมายเลยทีเดียว
“สัตว์พันธสัญญาสองตัว เจ้านี่สมกับเป็นคนวิปริตเสียจริง” เหลยหมิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
อู๋ตี้และเสี่ยวโม่โม่ยังไปไม่ถึงขั้นสัตว์เทพ เช่นนั้นจึงส่งผลกระทบได้ไม่มากเท่าไรนัก และการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายแต่ไม่ยอมถอยให้แก่กัน
มู่เฉียนซีแผ่พลังจิตวิญญาณออกไป และรู้สึกได้ว่าสัตว์ปีศาจอัคคีจำนวนไม่น้อยกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
หากไม่ใช้ไฟศักดิ์สิทธิ์ในการล่าถอยอย่างรวดเร็ว ก็ต้องล่าถอยไปเสียตั้งแต่ตอนนี้
หัวใจของสัตว์ปีศาจอัคคี หัวใจ…
จุดอ่อนของเจ้าพวกนั้น จะอยู่ในส่วนหัวใจของมันด้วยหรือไม่
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีได้ปกคลุมสัตว์ปีศาจอัคคีเอาไว้ พลังในการต่อสู้ของเจ้าตัวนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีพลังจิตวิญญาณเลยแม้แต่น้อย และทั้งหมดนี้ก็คือพลังในการต่อสู้อันแข็งแกร่งของสิ่งที่ตายแล้วมีในครอบครอง
จับทางได้แล้ว!
หัวใจของเจ้าตัวนี้เดิมทีไม่ได้อยู่ตรงตำแหน่งของหัวใจตามปกติทั่วไป เนื่องจากว่ามันอยู่บนหน้าผากนั่นเอง
มู่เฉียนซีรอโอกาสที่จะเคลื่อนไหว และได้หาช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด
นางรวบรวมพลังอยู่กลางอากาศ และทันใดนั้นร่างของนางก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของสัตว์ปีศาจอัคคีตัวนี้
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณสีแดงฉานฟาดไปกลางอากาศ และมันก็ได้พุ่งตรงเข้าไปตรงใจกลางศีรษะของสัตว์ปีศาจอัคคี
เปรี๊ยะ!
กระบี่ได้แทงทะลุเข้าไปถึงของภายในอย่างที่ได้คาดเอาไว้
และจากนั้นนางก็เหยียดแขนข้างหนึ่งเอื้อมเข้าไป
ถึงแม้ว่าตรงตำแหน่งของหัวใจจะได้รับความเสียหาย ก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าสัตว์ปีศาจอัคคีจะยังสามารถต่อสู้ได้อีก มันสะบัดกรงเล็บของตนเอง จากนั้นก็กระแทกเข้าใส่มู่เฉียนซี
“ระวัง!”
ปัง!
ตัวของมู่เฉียนซีถูกกระแทกและกระเด็นลอยออกไปกลางอากาศ แต่ทว่าอาการบาดเจ็บของนางก็ถูกกดเอาไว้ด้วยผนึกสีแดงฉานเม็ดหนึ่งนั้น
นี่ก็คือหัวใจที่ไม่อาจเต้นได้อีกแล้วของสัตว์ปีศาจอัคคี
“นายท่าน!” เสี่ยวโม่โม่บินไป และรีบเข้าไปรับมู่เฉียนซีเอาไว้ได้
ตึง!
มีเสียงดังสนั่น สัตว์ปีศาจอัคคีตัวนั้นล้มลงไปบนพื้น
เหตุใดเจ้าสิ่งที่มีพลังอันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น จะกลายเป็นเพียงแค่เศษหินชิ้นเล็กชิ้นน้อยเช่นนี้ในเวลานี้ได้
สัตว์ปีศาจอัคคีตายแล้ว จัดการไปได้หนึ่งตัวแล้ว! และยังไม่ทันรอให้เหลยหมิงได้มีความสุขและทอดถอนหายใจ มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “รีบไปกันเถอะ! มีสัตว์ปีศาจอัคคีกลุ่มใหญ่กำลังมาทางนี้แล้ว”