ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1707 จิ่วเยี่ยตามทัน
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณนั้นมีวิญญาณกระบี่อยู่ด้วย ถึงแม้ว่าจะหลุดออกไปจากการควบคุมของเจ้านาย แต่มันก็ยังคงสามารถต่อสู้ได้
ปิงหมิงไม่คาดคิดมาก่อนว่า ในเวลานี้มู่เฉียนซีจะทิ้งกระบี่ของตนเองอย่างไม่คาดคิด และอ้อมมาด้านหลังของเขา จากนั้นก็โจมตีเขาภายในพริบตา!
ฉึก!
เข็มขนาดเล็กปักลงไปบนผิวหนังของปิงหมิง หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ปิงหมิง ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีไพ่ตายเหลืออยู่ แต่ว่าข้าไม่คิดที่จะให้เจ้าได้ใช้ เนื่องจากข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้ามากเกินไป เช่นนั้นเจ้าทำตัวเองให้ดีเสียเถอะ”
พรวด!
ปิงหมิงกระอักเลือดสด ๆ ออกมา ใบหน้าของเขาซีดเผือด
“เจ้ามันต่ำช้านัก!”
องค์ชายแปดกล่าว “เจ้าคนน่ารังเกียจ”
กระบี่สีแดงฉานเล่มหนึ่งที่มาพร้อมกับกลื่นอายสังหารพาดอยู่เบื้องหน้าขององค์ชายแปด “ข้าไม่มีเวลาที่จะมาจัดการกับพวกเจ้า ทางที่ดีพวกเจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเสียดีกว่า มิฉะนั้น…”
ไม่ว่าจะเป็นปิงหมิงหรือว่าองค์ชายแปดต่างก็เป็นโอรสแห่งสวรรค์ทั้งนั้น พวกเขามายังสถานที่ที่อันตรายมากถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เอาของป้องกันมาเลย
ถึงแม้ว่าต้องการที่จะฆ่าพวกเขาให้เสร็จสิ้นไปเสีย แต่ในเวลาตอนนี้ ก็ไม่อาจที่จะลงมือจัดการได้อย่างจริงจัง
“มิฉะนั้นอะไร!” ร่างสีดำสว่างวาบ และพลังแห่งอัสนีก็พุ่งไปทางองค์ชายแปด
“อย่างมาขวางทาง และอย่ามาเกะกะ!”
“เจ้า…พรวด…” องค์ชายแปดกระอักเลือดสด ๆ ออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกเหลยหมิงทำให้บาดเจ็บหรือว่าเพราะถูกพวกเขาทำให้โมโหกันแน่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเราเดินหน้ากันต่อเถอะ!”
ปิงหมิงและองค์ชายแปดทำได้แค่เพียงจ้องมองพวกเขาจากไปอย่างไม่เต็มใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” องค์ชายแปดกล่าวอย่างไม่ยินยอม
มู่เฉียนซีและเหลยหมิงก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะพูดคุยกับผู้ชายคนนี้ องค์ชายแปดคิดที่จะพุ่งขึ้นไป แต่กลับถูกปิงหมิงขัดขวางเอาไว้เสียก่อน
“รักษาอาการบาดเจ็บก่อน เอายาแก้พิษออกมา!”
“บัดซบเอ๊ย!” องค์ชายแปดกล่าวอย่างโมโห
บนดินแดนที่รกร้างนี้ไร้ผู้คน ไม่มีมนุษย์คนใดอยู่เลย
มู่เฉียนซีมุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด พลังจิตวิญญาณแผ่กระจายออกไป และพยายามที่จะจับตำแหน่งของคัมภีร์หมื่นคำสาปให้เจอ
คนที่เคยเปิดคัมภีร์หมื่นคำสาปมาสองเล่มแล้วอย่างนาง จะต้องมีความอ่อนไหวต่อคัมภีร์หมื่นคำสาปมากอยู่แล้ว
แต่ทว่าไม่มี มันไม่มี…
มีอนุสาวรีย์หินสีแดงก่ำปรากฏอยู่เบื้องหน้า และเหลยหมิงกล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “ที่นี่คือสุสาน”
“สิ่งที่จารึกอยู่บนอนุสาวรีย์หินเริ่มที่จะมองไม่ชัดเจนแล้ว เช่นนี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่า อันไหนคือหลุมศพของท่านเทพหงส์จักรพรรดิ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่า มันไม่ใช่เลย ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่กลอุบายหลอกลวงเท่านั้น ไปเถอะ!”
“ทำไมล่ะ?”
“ท่านเทพหงส์จักรพรรดิเป็นบรรพบุรุษของพวกเจ้าเผ่าหงส์ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด คนผู้นี้จะหลับใหลอยู่ในสถานที่เดียวกันกับผู้อื่นได้อย่างไรกันล่ะ!”
“ไปเถอะ!”
ในตอนที่คิดว่าจะจากไป มู่เฉียนซีกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน
เหลยหมิงกล่าวว่า “มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ถูกต้อง!”
มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า จากนั้นก็กระชับกระบี่มังกรเพลิงในมือเอาไว้แน่น
“มังกรเพลิง โจมตีเข้าไปอย่างสุดกำลัง!”
“นายท่าน มังกรเพลิงไม่มีปัญหา มังกรเพลิงสามารถทำได้”
“เก้าอัคคีพิฆาต!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
บนท้องฟ้า มีมังกรเพลิงเก้าตัวและยังมีมังกรน้ำแข็งอีกหนึ่งตัวพุ่งออกมา
ตูม โครมมม!
เสียงที่สะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดินได้ดังกึกก้องออกมา และเสียงร้องของพญาหงส์ก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
กลางอากาศมีหงส์เพลิงสีแดงตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น จากนั้นก็มีพระราชวังลอยอยู่กลางอากาศที่เป็นราวกับดอกบัวแดงอย่างไรอย่างนั้น
มุมปากของมู่เฉียนซีเผยรอยยิ้มออกมา อย่างนี้นี่เอง
แน่นอนว่าเทพหงส์จักรพรรดิจะต้องมีความแตกต่างที่โดดเด่นไปจากผู้อื่นอยู่แล้ว บางทีสุสานของเขาอาจจะไม่ได้อยู่บนพื้นดิน แต่ทว่าอยู่กลางอากาศต่างหาก
สุดท้ายแล้วเผ่าหงส์ ก็เป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งที่บินร่อนอยู่กลางอากาศ
มู่เฉียนซีได้เปิดสุสานของเทพหงส์จักรพรรดิ และเหล่าผู้คนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ต่างก็สังเกตได้ถึงกลิ่นอายเหล่านี้แล้ว
“มีคนเปิดสุสานของเทพหงส์จักรพรรดิ เป็นผู้ใดกัน?”
“รีบไปเร็วเข้า!”
“……”
ความเร็วของพวกเขารวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ทว่าก็มีอยู่คนหนึ่งที่มีความเร็วมากกว่าพวกเขา
ในตอนที่มู่เฉียนซีได้เหยียบย่างลงไปบนพื้นดินของสุสานกลางอากาศแห่งนั้น ก็ได้มีร่างสีดำทะมึนปรากฏอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี
“ซี!” จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้แน่น พลางร้องเรียกอย่างแผ่วเบา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ามาถึงก่อน หาเจอได้ก่อน ข้าเก่งหรือไม่?”
“เจ้าเก่งที่สุด!”
“เช่นนั้น การเคลื่อนไหวหลังจากนี้ทั้งหมด ท่านจะต้องเชื่อฟังข้า”
“ตกลง ข้าจะเชื่อเจ้า”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังหวานชื่นกันอยู่นั้น เหลยหมิงก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะมองดูมันต่อไป
“แค่ก แค่ก แค่ก! กำลังมีคนมาแล้ว พวกเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ!” เหลยหมิงกล่างเตือน
จุดจบของคนที่รบกวนช่วงเวลาที่ดีนั้นก็คือ เขาจะต้องเผชิญกับสายตาที่อาฆาตของจิ่วเยี่ย
เหลยหมิงรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขาได้ถูกลบล้างออกไปจนหมดสิ้น ซึ่งทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
คนผู้นี้ทำให้เขามีความรู้สึกว่าน่าสะพรึงกลัวมากกว่าท่านพ่อของเขามากมายนัก สมควรแล้วที่เป็นคนที่คนวิปริตอย่างมู่เฉียนซีชื่นชอบ
รอเมื่อพวกเขาย่างกายเข้าไปในห้องโถง เทพราชาก็ได้พาคนตามไล่ล่าเข้ามา
เทพราชากล่าวด้วยความเคร่งขรึมว่า “มีคนที่เร็วกว่าพวกเราก้าวหนึ่ง ที่จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่? หรือว่าจะเป็นคนของเผ่าหงส์อัสนีเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็จำเป็นที่จะต้องไล่ตามพวกเขาไป และกำจัดพวกเขาออกไปซะ”
ความจริงแล้ว เผ่าหงส์อัสนีตามหลังพวกเขาอยู่ก้าวหนึ่งต่างหาก
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กน้อยเหลยหมิงนั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็คงจะดี”
“ท่านหัวหน้า เรื่องที่สำคัญในตอนนี้ คือหากว่าเทพราชาได้รับสมบัติของเผ่าพวกเรา ผลที่ตามมาจะต้องเป็นหายนะอย่างแน่นอน!”
“นั่นมันใช่สมบัติที่ไหนกัน มันคือความหายนะต่างหาก” หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวอย่างทอดถอนใจ
ที่นี่เป็นสุสานลอยฟ้าที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังใช้ฝีมือในการสร้างสรรค์ที่ดีที่สุด และยังมีโครงสร้างสีสันที่งดงามมากที่สุดอีกด้วย
มู่เฉียนซีถามขึ้นมาว่า “จิ่วเยี่ย ตำแหน่งของคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ที่ใด?”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “กลิ่นอายทั้งหมดนี้ ได้ถูกพลังของเทพหงส์จักรพรรดิปกคลุมไปหมดแล้ว ต้องรอหลังจากที่พลังของเทพหงส์จักรพรรดิอ่อนแอลงไปแล้ว ถึงจะสามารถหาร่องรอยได้”
“เช่นนั้น ก็ค่อย ๆ หาไปเถิด”
ปัง!
มู่เฉียนซีได้ผลักประตูใหญ่เปิดออก จากนั้นก็พบว่ามีบัลลังก์หนึ่งตั้งอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่นี้ บนบัลลังก์นั้นมีชายที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจยิ่งใหญ่นั่งอยู่คนหนึ่ง
“ในเมื่อเข้ามาแล้ว เช่นนั้นก็มาต่อสู้กันเถอะ!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!” ร่างเงาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา พวกเขาเป็นเพียงแค่ร่างวิญญาณเท่านั้น แต่ทว่าพลังในการโจมตีกลับแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
“หากพวกเจ้าสามารถทำลายล้างทหารที่อยู่ใต้คำสั่งของข้าได้ ถึงจะสามารถออกไปทั้งที่มีชีวิตอยู่ได้! มิฉะนั้นแล้วละก็ ข้าจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นเถ้ากระดูกสีขาวโพลนไปเสีย” ร่างเงาที่มาพร้อมกับพลังที่ดึงดูดนั้น ช่างใช้อำนาจเผด็จการเป็นอย่างยิ่ง
เหลยหมิงกล่าวว่า “สิ่งเหล่านี้…สิ่งเหล่านี้คงจะไม่ใช่กองทัพหงส์เพลิงของเทพหงส์จักรพรรดิหรอกใช่หรือไม่! ลูกน้องของท่านเทพหงส์จักรพรรดิเป็นกลุ่มที่รวบรวมผู้ที่กล้าหาญในการต่อสู้มากที่สุด”
“เจ้าเด็กน้อยตาถึงเสียจริง ต้องการรางวัลอะไรหรือไม่?”
เหลยหมิงรู้สึกว่าสายตาของเทพหงส์จักรพรรดิจ้องมองมาที่พวกเขา เหลยหมิงจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องการรางวัลอะไรทั้งนั้น ให้พวกเขาได้ออกไปอย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว ข้า…”
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้!”
ทันทีที่เทพหงส์จักรพรรดิลงมือ กองทัพหงส์เพลิงก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
มู่เฉียนซีเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา แล้วขวางหน้าจิ่วเยี่ยเอาไว้ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย โจมตีไม่ได้ ท่านอย่าโจมตี!”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว! ลงมือด้วยกันเถิด สิ่งที่เจ้าต้องเผชิญก็คือกองทัพ และไม่ใช่มนุษย์อีกด้วย!
เงาร่างสีดำสว่างวาบขึ้น จิ่วเยี่ยลงมือแล้ว
นี่เป็นเพียงร่างวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้วเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับจิ่วเยี่ย พวกมันกลับต้องล่าถอยไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว
เหลยหมิงกล่าวว่า “ยังมีข้าอยู่ด้วยนะ! อย่าลืมข้าไปกันหมดสิ ข้ามาช่วยพวกเจ้าแล้ว”
“……”
เทพหงส์จักรพรรดิมีความสามารถในการบัญชาการในสงครามได้อย่างแข็งแกร่ง เขาได้ให้ทหารมารวมตัวกัน และเมื่อรวมกันแล้วก็ทำให้มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
ช่องทางนั้นได้ถูกเปิดออกครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็สามารถที่จะรับมือกับสถานการณ์เมื่อถึงทางตันได้ หากไม่ใช่เพราะนางกับจิ่วเยี่ยร่วมมือกันอย่างไร้ช่องโหว่ ก็คงจะถูกกองทัพเหล่านี้ทำลายล้างไปตั้งนานแล้ว