ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1709 คิดเช่นนั้นจริง ๆ
เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับหวงจิ่วเยี่ยก็ไม่มีแรงที่จะสู้กลับเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นหัวหน้าเผ่าหงส์หยกจึงทำได้เพียงแค่ยอมจำนนเท่านั้น
ผลสุดท้ายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซี เขาก็สามารถทำได้เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการหนีเอาชีวิตรอด!
“คิดอยากจะไป แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว!” พวกเหลยหมิงและอู๋ตี้ได้เข้าไปขวางเอาไว้แล้ว
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกกล่าวอย่างดุร้ายว่า “หลีกทางให้ข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ต้องหลีกทางให้ ช่วยกันจัดการเขาซะ!”
ตูม โครมมม!
จึงเป็นผลให้หัวหน้าเผ่าหงส์หยกถูกรุมทำร้ายอย่างรุนแรง และด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก็ทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาไร้เรี่ยวแรง เขาเจ็บปวดจนอยากที่จะพุ่งชนเข้ากับกำแพงให้ตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เผ่าหงส์หยก คงจะมีหัวหน้าเผ่าน้อยไปคนหนึ่งเสียแล้ว”
“ขะ…ข้าไม่อยากตาย…”
พรวด!
มู่เฉียนซีได้ใช้โอกาสที่ดีในครั้งนี้ถอนรากถอนโคน และหัวหน้าเผ่าหงส์หยกก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หัวหน้าเผ่าหงส์หยกไม่เพียงแต่ตายไปแล้วเท่านั้น แม้แต่คนที่อยู่รอบกายเขาสองสามคนก็หายสาบสูญไปจนหมดสิ้น
มู่เฉียนซีได้ใช้น้ำยาสลายศพขั้นสุดยอดนั่นเอง!
“จิ่วเยี่ย พวกเราไปกันเถอะ!”
จิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นเงียบขรึมขึ้นมาทันที และจากนั้นก็กอดมู่เฉียนซีไว้แน่นและหายวับไป
เหลยหมิงกล่าวว่า “รอข้าด้วยสิ!”
“เบื้องหน้านั้นอันตรายเป็นอย่างมาก เจ้าค่อย ๆ หาจังหวะและโอกาสอยู่ที่นี่เถิด! เช่นนั้นข้าไม่รอเจ้าแล้ว มีเรื่องด่วนที่ข้าต้องไปทำ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยออกมาก็ได้ตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง และทางพวกของเทพราชาเองก็เช่นเดียวกัน อีกทั้งพวกเขายังมีเหล่าคนนำทาง ซึ่งก็คือคนของเผ่าคำสาปนั่นเอง
ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น พลางกล่าวว่า “ข้าสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่หาที่เปรียบไม่ได้นั่นแล้ว มันจะต้องเป็นแหล่งที่มาของพลังของพวกเราเผ่าคำสาป มันจะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน”
“คัมภีร์หมื่นคำสาป!”
คนของเผ่าคำสาปเหล่านี้ต่างก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมความบ้าคลั่งและความเร็วที่เร็วที่สุดด้วยความตื่นเต้น โดยด้านหลังพวกเขายังมีคนของเผ่าหงส์ตามมาด้วยติด ๆ เช่นกัน
พวกเขาได้มาถึงภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่เปิดโล่ง อากาศที่อยู่ด้านบนดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะคัมภีร์หมื่นคำสาปปรากฏขึ้นมา จึงทำให้มันเกิดความโกลาหลขึ้น
ภายในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ มีเสาหินทั้งหมดสามเสา ได้แบ่งออกเป็นเสาที่สลักด้วยเทพหงส์สีแดงฉาน เทพมังกรสีทองอร่ามและยังมีเทพกิเลนสีน้ำเงินเข้ม
เทพราชากล่าวว่า “นี่คือผนึกแท่นบูชา”
หนึ่งในนักเล่นคาถาอาคมกล่าวว่า “ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่ที่นี่ จะต้องเป็นที่นี่แน่นอน มันจะต้องอยู่ภายในเสาหินของสัตว์เทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามอย่างแน่นอน พวกเราจำเป็นที่จะต้องเปิดผนึกนี้ ถึงจะสามารถหามันพบ”
“จะเปิดได้อย่างไร?”
“สายเลือด พลังแห่งสายเลือด เสาหลักของเทพหงส์จำเป็นที่จะต้องใช้สายเลือดของเผ่าหงส์ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ลองดูหน่อยแล้วกัน?” เทพราชามองไปทางหัวหน้าเผ่าหงส์ม่วง แล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าลงมือเถอะ!”
“ขอรับ!”
เลือดของหัวหน้าเผ่าหงส์ม่วงหยดลงบนหินสลักหงส์นั้น ทันได้นั้นทั่วทั้งเสาหินก็ขยับขึ้นมาอย่างกะทันหัน หงส์ตัวหนึ่งบนเสาหินดูเหมือนว่าจะมีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น และจากนั้นมันก็พุ่งลงมาหาหัวหน้าเผ่าหงส์ม่วง
ความกดดันที่ท่วมท้นนั้นของเทพหงส์ มาพร้อมกับอุณหภูมิที่ร้อนดั่งนั่งบนกองไฟอย่างไรอย่างนั้น มันดูราวกับว่าต้องการที่จะแผดเผาเขาให้มอดไหม้จนไม่เหลือดี
“ออกไปให้พ้น ข้าจัดการเอง!” เทพราชาผลักหัวหน้าเผ่าหงส์ม่วงออกไป และได้ตรงเข้าไปประมือกับเทพหงส์ตัวนั้น
ตูม!
มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นออกมา หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีกล่าวว่า “ทางด้านนั้น!”
“รีบไปเร็วเข้า!”
“ขอรับ!”
ภายใต้การนำของเทพราชา พวกเขาได้เข้าต่อสู้กับเทพหงส์ตนนั้น
“สิ่งของที่ไม่มีชีวิตและไม่รู้ว่าตายไปแล้วกี่ปี ไม่มีทางที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างแน่นอน”
ตูม โครมม!
เทพราชากล่าวว่า “ท่านหยา เสาหินอีกสองต้นนั้น ทางข้าไม่มีเลือดของเผ่ามังกรและเผ่ากิเลนเลย”
“เลือดของเผ่ามังกร ข้าได้เตรียมเอาไว้นานแล้ว แต่ทว่าเผ่ากิเลนได้ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปนานแล้ว ซึ่งเลือดของพวกเขาหาได้ยากยิ่ง! หวังเพียงแค่ว่าเสาหินของเผ่าหงส์และเผ่ามังกรจะสามารถปลดผนึกคัมภีร์หมื่นคำสาปออกมาได้ มิฉะนั้นแล้วคงจะต้องใช้วิธีพิเศษแล้วล่ะ”
ท่านหยานักเล่นคาถาอาคมที่สวมชุดคลุมยาวสีดำได้ก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับถือขวดลายครามที่บรรจุเลือดของเผ่ามังกรเอาไว้ในมือ และกำลังเตรียมที่จะหยดลงไปบนเสาหินของเทพมังกร
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
หัวหน้าเผ่าหงส์อัสนีและเหลยป้าพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าแลบอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็ได้เข้าไปขวางท่านหยาผู้นั้นเอาไว้
ตูม!
ท่านหยามองไปที่เหลยป้าด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ “ทรงพลังเสียจริง! ได้ยินมาว่ามีคนที่ช่วยเจ้าถอนคำสาปที่ข้าได้สาปเจ้าไว้เมื่อปีนั้นได้แล้ว ดูท่าแล้วจะเป็นเรื่องจริงสินะ! ช่างคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ! ไม่คิดเลยว่าจะมีใครบางคนที่หักหลังพวกข้าเผ่าคำสาปได้ ที่จริงแล้วมันผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”
เหลยป้ากล่าวว่า “คำถามของเจ้าดูจะพร่ำบ่นเกินไปแล้ว ที่จริงแล้วเป็นผู้ใดอย่างนั้นหรือ? เหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”
เหลยป้าพุ่งตรงเข้าไปอย่างรุนแรง การต่อสู้ของเผ่าหงส์อัสนี มักจะตรงไปตรงมาเช่นนี้
ท่านหยากล่าวว่า “กางค่ายกล พวกเจ้าประเมินเผ่าคำสาปของข้าต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ”
ราชินีหลานพุ่งออกมา และเข้าปะทะฝีมือกับหัวหน้าเผ่าหงส์ม่วง
“เสาหินทั้งสามนี้เห็นได้ชัดว่ามันคือผนึกขนาดใหญ่ พวกเจ้าเผ่าหงส์ม่วง ในฐานะที่เป็นถึงหนึ่งในเผ่าราชวงศ์เผ่าหงส์ ต้องการที่จะติดตามเทพราชา แล้วทำลายเผ่าหงส์ของพวกเราจริง ๆ เช่นนั้นหรือ?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สมบัติของเผ่าหงส์ของพวกเราอะไรกัน ไม่เพียงแต่พวกเราจะใช้ประโยชน์มาทำให้พวกเราแข็งแกร่งไม่ได้แล้ว กลับทำให้พวกเราต้องเจอกับหายนะทุกรูปแบบอีกด้วย! สิ่งของเช่นนี้จะมีผู้ใดต้องการกัน แต่ในเมื่อท่านเทพราชาต้องการให้ข้าส่งมอบให้พวกเขาด้วยความเต็มใจ แล้วมันจะทำไมล่ะ?” หัวหน้าเผ่าหงส์ม่วงร้องคำราม
“วันนี้ ข้าจะต้องจัดการผู้หญิงอย่างเจ้าเสียแล้ว”
ทั้งสองคนพุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศ และพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวก็หมุนวนออกมา คนของราชวงศ์ทั้งสองที่อยู่ในระดับสูงสุดของราชวงศ์ทั้งเก้า ได้เริ่มเปิดศึกกันเองแล้ว
ด้วยความทะเยอทะยานของเผ่าเทพนั้น แม้ว่าจะไม่มีคัมภีร์หมื่นคำสาป พวกเขาก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้
ตูม!
เผ่าเทพ เผ่าคำสาปแล้วยังมีเผ่าหงส์ที่ให้การสนับสนุนเทพราชาได้เริ่มทำสงครามใหญ่กับผู้แข็งแกร่งของผู้ที่ยึดมั่นในความตั้งใจของเผ่าหงส์ขึ้นมาแล้ว
ความจริงแล้วมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยมาถึงที่นี่ก่อนเทพราชาก้าวหนึ่ง เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ
ในระหว่างที่คัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ท่ามกลางปีศาจ บนต้นคอของจิ่วเยี่ยก็ได้ปรากฏอักขระคำสาปขึ้นมา
มู่เฉียนซีกำลังเตรียมปรุงยาน้ำด้วยความรวดเร็ว แต่กลับถูกจิ่วเยี่ยขวางเอาไว้
เขากระซิบอยู่ข้างหูของมู่เฉียนซีว่า “ตอนนี้เพียงแค่ซีจูบข้าสักหน่อย มันก็มีประสิทธิภาพมากกว่ายาแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ต่างก็อยู่ในเวลาเช่นนี้แล้ว ท่านยังจะมาหยอกล้อข้าอีกหรือ?”
“ข้าไม่ได้หยอกล้อกับเจ้า แต่ข้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ” น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยแหบพร่า จากนั้นก็กอดมู่เฉียนซีให้แน่นมากยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับว่าทนรอที่จะเอาทั้งหมดของมู่เฉียนซีใส่เอาไว้ในหัวใจของตนเองไม่ไหวอีกแล้ว
พวกเขาในเวลานี้ กำลังเดินหมากที่อันตราย
ถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่ในเวลานี้ก็ไม่อาจที่จะควบคุมมันไปจนจบได้
ตูม!
เบื้องหน้ากำลังต่อสู้กันอย่างชุลมุนทั้งสามด้าน เทพหงส์และเทพมังกรนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และไม่ง่ายที่จะรับมือเลยแม้แต่น้อย
ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด และผู้ที่แข็งแกร่งแต่ละคนต่างก็พากันค่อย ๆ งัดเอาไม้ตายออกมา และต่อสู้กันอย่างมืดฟ้ามัวดิน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ความจริงแล้ว! ข้าอยากที่จะทำลายผนึกนี้ไปเสีย แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ”
หลังจากที่มันแตกออกแล้ว ก็จะสามารถเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปมาได้
เพียงแต่ว่าทันทีที่คัมภีร์หมื่นคำสาปปรากฏออกมา สถานการณ์ของจิ่วเยี่ยอาจจะไม่ดีเป็นอย่างมาก
จิ่วเยี่ยกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซี พวกเรามาทำข้อตกลงอะไรบางอย่างดีหรือไม่?”
“ข้อตกลงอะไร!”
“หากว่าข้าเสียการควบคุม เช่นนั้นก็โจมตีให้ข้าพ่ายแพ้ไปเสีย”
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ท่านก็ให้เกียรติข้ามากเกินไปแล้ว ในตอนที่ท่านเสียการควบคุมอย่างบ้าคลั่ง ข้าเป็นคู่ต่อสู้ของท่านได้ที่ไหนกันล่ะ?”
“เจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง จะต้องเอาชนะข้าให้ได้ ไม่ต้องออมมือ! แต่หากว่าไม่ได้แล้วละก็ ข้าจะให้สุ่ยจิงอิ๋งส่งเจ้าออกไป”
“หากข้าบอกว่าไม่ไปล่ะ?” มู่เฉียนซีจับมือของหวงจิ่วเยี่ยไว้แน่น “จิ่วเยี่ย ท่านบอกว่าให้ทำข้อตกลง ข้าก็มีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกท่านเช่นกัน ในตอนแรกที่ข้าอยู่เผ่ามังกร ข้าไม่ได้ไปฉันใด ในตอนนี้ ข้าก็ไม่คิดจะไปฉันนั้น! ผ่านพ้นอันตรายไปพร้อมกันท่าน มิเช่นนั้นข้าก็จะแตกดับไปด้วยกันกับท่าน”