ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 171 บุกเข้าไปด้วยตัวเอง
จิวเยี่ยนั้น แม้เขาจะไม่รู้ว่าจื่อโยวหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามเขายังสามารถเข้าใจความหมายคําพูดของมู่เฉียนซีได้
“จื่อโยวไม่ใช่คน” จิ่วเยี่ยตอบกลับ
มู่เฉียนซี “ใช่แล้ว จื่อโยวเป็นปีศาจ จิ่วเยี่ย ข้าเข้าใจความรักที่แท้จริงของเจ้า แต่เรื่องที่เจ้ารับปากกับข้า เจ้ายังคงต้องรักษาสัญญา เจ้าอย่าเพิ่งลงมือนอกเสียจากว่าข้าจะต้องตาย ต่อไปข้าจะต้องแข็งแกร่งกว่าเจ้า เจ้าชิงลงมือเช่นนี้ ข้าเสียหน้าอย่างมาก” มู่เฉียนซีพร่ำบ่น
จิ่วเยี่ย “แต่ซี… เจ้าจะบาดเจ็บ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นถึงหมอปีศาจ การหยุดโลหิตมิให้ไหลและบรรเทาอาการเจ็บปวดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับข้า ส่วนความเจ็บปวดน่ะรึ ? ข้าชาชินกับมันแล้ว จิ่วเยี่ย รอบต่อไปให้ข้าบุกเข้าไปเองเถอะ”
มู่เฉียนซีหันหลังกลับเข้าไปในค่ายกลพลางรวบรวมพลังวิญญาณอีกครั้ง พลังวิญญาณรวมตัวกันเข้ามา นางฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง พลังวิญญาณไหลผ่านเส้นลมปราณของนางไม่ว่างเว้น
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้เลื่อนขั้นเป็นจอมภูตระดับห้า จากนั้นนางหายไปจากค่ายกลอีกครั้ง บริเวณโดยรอบนี้ไม่พบเงาร่างของจิ่วเยี่ยแล้ว
เมื่อกระบี่มังกรเพลิงพุ่งออกไป มันพุ่งเข้าใส่เสือดาวหิมะด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ และแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
อู๋ตี้เสี่ยวหง สองสัตว์ก็หุนหันพลันแล่น นี่เป็นครั้งที่สามที่ได้เผชิญหน้ากับพวกมัน ทั้งสองมีความชำนาญมากขึ้นเรื่อย ๆ
“โฮกกกก!”
เสียงคำรามของเสือดาวหิมะดังกระหึ่ม พวกมันไม่ยอมที่จะปล่อยให้ตนเองพ่ายแพ้ให้แก่มนุษย์ จึงเร่งโจมตีกลับอย่างบ้าคลั่ง
เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งผ่านอย่างบ้าคลั่งไม่แพ้กัน ขณะเดียวกันกระบี่มังกรเพลิงกวาดล้างอย่างไม่เวทนาเสือดาวหิมะตัวใด
“หลงเหยียนพิฆาต!”
กระบวนท่านี้ เมื่อพลังเพิ่มขึ้น มันก็แข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่า
— ตูม! ตูม! —
กระบี่มังกรเพลิงระเบิดเปลวเพลิงสีแดงเข้มออกมา พลังสังหารอันทรงพลังพลันระเบิดออกมาเช่นเดียวกัน
— ตูม! ตูม! —
มู่เฉียนซีโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางท้าทายขีดจํากัดความสามารถของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งขาและมือคู่นั้นของนางไม่สามารถขยับได้ นางจึงกล่าวว่า “อาถิง!”
“เวลาหยุดนิ่ง!” อาถิงตะเบ็งเสียง พลังแห่งเวลาของอาถิงเข้าควบคุมโลกนี้แล้ว!
มู่เฉียนซีพุ่งเข้าไปในขบวนเคลื่อนย้าย เตรียมรักษาบาดแผลและฝึกฝนต่อ ทว่าทันใดนั้น ร่างสูงสีดําปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซีอีกครั้ง เขากล่าว “มา ข้าทำเอง เจ้าเหนื่อยแล้ว”
เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก เพียงแค่รักษาบาดแผลของนางอย่างเงียบ ๆ จากนั้นปล่อยนางไปฝึกฝนต่อ เขาไม่ได้ลงมือตามที่ตกลงไว้ แต่เมื่อเห็นว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส นัยน์ตาจิ่วเยี่ยยิ่งมืดครึ้ม
ดวงตาที่มีประกายแสงเย็นยะเยือกเหลือบมองไปที่เสือดาวหิมะเหล่านั้น อยากให้พวกมันหายไปเสียจริง แต่หากพวกมันหายไป สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาจะไม่มีคู่ต่อสู้ให้ฝึกฝน
มู่เฉียนซีรวบรวมประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อทะลวงผ่านจอมภูตระดับหก เมื่อนางทะลวงผ่านแล้ว ก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มเสือดาวหิมะอีกครั้ง นางคุ้นเคยกับการต่อสู้ท่ามกลางฝูงเสือดาวหิมะมาหลายครั้ง ครั้งหลัง ๆ ได้รับบาดเจ็บน้อยลงไปทุกที
จิ่วเยี่ยมักจะทําหน้าที่เป็นหมอเพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้กับนาง ภายหลังจากที่นางเสร็จสิ้นการต่อสู้
จอมภูตระดับเจ็ดเวลานี้ นางคิดว่ามีความแข็งแกร่งอย่างมาก ถือว่าเป็นจอมภูตระดับสูงแล้ว เมื่อรวมพลังสู้ไปด้วยกันกับอู๋ตี้และเสี่ยวหง กอปรกับความสามารถพิเศษของอาถิง เพียงแค่ใช้อย่างถูกต้องก็สามารถทําลายล้างเสือดาวหิมะเหล่านี้ได้
มู่เฉียนซีเตรียมยาชนิดใหม่ ๆ ออกมาอีกครา เรียกอู๋ตี้กับเสี่ยวหงออกมา “เสี่ยวหง อู๋ตี้ พวกเราต้องชนะการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เราอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วและเราจำเป็นต้องออกไป”
อู๋ตี้ “นายท่านวางใจเถอะ ข้าเป็นถึงท่านเหมียวอู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า ครั้งนี้พวกมันจะต้องถูกโจมตีพ่ายแพ้ยับเยินอย่างแน่นอน”
เสี่ยวหงกล่าวขึ้นมาบ้าง “นายท่านไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพวกข้าจะเผาพวกมันให้เกลี้ยงเอง”
มู่เฉียนซีกล่าว “เอาล่ะ ๆ ลงมือได้แล้ว”
— ฟิ้ว! ฟิ้ว! —
พวกเขาทั้งสามพุ่งออกไปอยู่ในการต่อสู้อีกครั้ง ไม่ว่าเข็มยาทั้งหมดจะไปที่ใด มันก็เข้าจุดสำคัญของเสือดาวหิมะ
กระบี่มังกรเพลิงปลดปล่อยเปลวเพลิงสีแดงเข้มออกมา สังหารไปสี่ทิศ!
เมื่อพลังวิญญาณถูกใช้จนค่อย ๆ หมดไป การใช้ยาวิเศษก็ดําเนินต่อไป การต่อสู้ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่อย่างไรเสีย รอยแผลบนร่างของมู่เฉียนซีจอมภูตระดับเจ็ดก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
— ตูม! ตูม! —
มู่เฉียนซีพัวพันกับพวกมันมาทั้งวัน นางรู้แล้วว่าการเพิ่มพลังขีดจํากัดความสามารถอยู่ที่ใด และขีดจํากัดของเสือดาวหิมะเหล่านี้ นางก็รู้ดี
พลังวิญญาณและพลังชีวิตทั้งหมดโคจรรอบตัวมู่เฉียนซี มันพุ่งขึ้นไปกลางอากาศและเกิดลมหิมะพัดผ่าน
เสียงหนึ่งดังขึ้น “เวลาหยุดนิ่ง!”
เสือดาวหิมะทั้งหมดถูกพลังเวลาหยุดนิ่งทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ ทันใดนั้นกระบี่มังกรเพลิงเปล่งแสงสีแดงเข้มพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าของดินแดนลับแห่งหิมะ
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีถูกดึงออกมาอย่างสมบูรณ์ กระบี่ก็ตกลงมาจากฟากฟ้า
“หลงเหยียนพิฆาต!”
— ตูม! ตูม! —
พื้นดินของหิมะน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที เสือดาวหิมะถูกพลังที่รุนแรงทําลาย
“โฮก!” พวกมันคำรามพลางจ้องมองมู่เฉียนซีและส่งเสียงออกมาด้วยความหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
กระบี่เมื่อครู่อันตรายอย่างมาก พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้มู่เฉียนซีอีก พากันวิ่งหนีไปไกล ต่อแต่นี้ไปสถานที่ใดมีสตรีผู้นี้อยู่ พวกมันจะวิ่งหนีไปให้ไกล ไม่กล้าสู้กับนาง
อู๋ตี้กล่าว “น่าเสียดายที่เสือดาวหิมะเหล่านี้ไม่มีผนึก มิฉะนั้นข้าคงจะมีอาหารมื้อใหญ่”
เสี่ยวหงรีบกล่าว “กิน กิน กิน เจ้าคิดแต่เรื่องกิน”
อู๋ตี้ตะโกน “นอน นอน นอน เจ้าก็เป็นพวกที่คิดแต่จะนอนมิใช่หรือไร ?”
มู่เฉียนซีปราม “พอเลย หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ในเมื่อไม่มีอันตรายจากเสือดาวหิมะหลงเหลือ พวกเราหาทางออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
อาถิง “วิธีที่จะออกไปคือเสาหิมะต้นนั้น หากเจ้าถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไป ร่างเจ้าก็จะถูกส่งออกไป หลายวันมานี้ประสิทธิภาพของเจ้า ข้าพอใจอย่างมาก รีบออกไปเถอะ เพื่อเลี่ยงไม่ให้สมบัตินั้นถูกผู้อื่นแย่งเอาไป”
มู่เฉียนซี “แน่นอนอยู่แล้ว”
มู่เฉียนซีถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไปในเสาหิมะ โลกน้ำแข็งหิมะค่อย ๆ สลายหายไปต่อหน้าต่อตาของนาง และนางได้กลับเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งนั่นอีกครั้ง อันตัวนางนั้น เวลานี้เคยชินกับความหนาวเย็นของหิมะน้ำแข็งแล้ว อุณหภูมิของถ้ำน้ำแข็งนี้ สําหรับนางถือว่าไม่มีอะไรพิเศษ
แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับทําให้มู่เฉียนซีตกใจ
อู๋ตี้ตะโกนด้วยความตื่นเต้น “โอ้สวรรค์ของข้า! ผลึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วยังมีผลึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอีกด้วย โอ้! ถ้าหากข้ากินมันทั้งหมด ข้าจะต้องเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และแข็งแกร่งกว่าเจ้าหมูนั่นเป็นแน่”
เสี่ยวหงนั้น เมื่อได้ยินว่าอู๋ตี้จะแข็งแกร่งกว่ามัน มันพึมพํา “กิน กิน กิน กินเข้าไปเลยแต่ระวังจะติดคอตาย!”
มู่เฉียนซีระอาใจ กล่าวตัดบทไป “เสี่ยวหง ลงมือเถอะ!”
แม้ตระกูลมู่ของพวกเขาจะมีเงินมากมาย แต่ผลึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถซื้อได้ นางไม่มีผลึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เพียงพอที่จะให้อู๋ตี้กินได้ ตอนนี้นางพบผลึกจํานวนมากอยู่ที่นี่ ทําให้อู๋ตี้เลื่อนขั้นกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นเรื่องดี ข้างกายนางจะมีพลังการต่อสู้ที่ดุดันเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
เปลวไฟสีแดงของเสี่ยวหงละลายน้ำแข็งเหล่านี้ไป เสี่ยวหงกระโจนเข้าไปในกองผลึกนั้นและเริ่มกัดกิน
— แกร๊ก! แกร๊ก! —
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เสี่ยวหง เจ้ากินผลึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งไม่ได้หรือ ?”
เสี่ยวหง “ฮือ ๆ ๆ ข้าไม่ใช่นักกินตัวนั้นที่สามารถกินแล้วเลื่อนขั้นได้ ข้าจําเป็นต้องฝึกฝนอย่างหนัก พยายามฝึกฝนไม่สามารถนอนหลับได้”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็พยายามให้หนักขึ้นเถอะ ต่อไปอย่าเอาแต่นอนอีกล่ะ”
ได้ฟังวาจาผู้เป็นนาย เสี่ยวหงพลันรู้สึกว่าท้องฟ้ามืดครึ้มลง
มู่เฉียนซีเก็บผลึกให้อู๋ตี้กินอย่างช้า ๆ จากนั้นนางออกจากถ้ำน้ำแข็งและบริเวณแม่น้ำสายนี้ พวกนักฆ่าเหล่านั้นคงไม่มาพบนางอีก พวกเขาคงจากไปแล้ว
เมื่อออกจากบริเวณแม่น้ำ นางก็ได้กลิ่นยาที่คุ้นเคย
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำ “อา… ดูเหมือนว่ากลิ่นอายของสมบัตินั้นจะปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
.