ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1720 อยากจะอุ้มซีเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรื่องแก่นเลือดนั้นไม่รีบร้อนหรอก รอให้หาอีกสามชิ้นเจอเสียก่อนค่อยมาว่ากัน ถึงแม้ว่าบนคัมภีร์หมื่นคำสาปจะไม่ได้บอกไว้อย่างชัดเจน แต่แก่นเลือดที่ยิ่งแข็งแกร่งผลของมันก็จะยิ่งดีขึ้น คงจะเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน”
เสี่ยวโม่โม่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าอยากนั้นเสี่ยวโม่โม่ก็จะตั้งใจเลื่อนขั้น และพยายามทำให้แข็งแกร่งมากขึ้นให้จงได้”
ทันทีที่คำพูดนี้สิ้นสุดลง บนใบหน้าของเสี่ยวโม่โม่ก็ฉายแววความปีติยินดีออกมา
“ขะ…ข้าต้องการเลื่อนขั้นแล้ว!”
ปีกสีดำกระพือขึ้น และเสี่ยวโม่โม่ก็บินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และเลื่อนขั้นได้อย่างมีความสุข
ทันใดนั้นอู๋ตี้ก็กล่าวขึ้นมาอย่างหดหู่ใจว่า “เจ้าตัวน้อยนั่นเลื่อนขั้นไปแล้ว เดิมทีมันเป็นเพียงแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดเท่านั้น แต่ตอนนี้ก็คงจะเลื่อนขั้นกลายเป็นสัตว์เทพไปแล้วใช่หรือไม่? แล้วก็คงอยากจะโจมตีคนด้วยสินะ!”
แต่เดิม! มันเพียงแค่กิน กิน และกิน มันก็สามารถเลื่อนขั้นได้แล้ว ถึงมันก็ไม่ได้ง่ายดายเกินไปนักก็ตาม
จากผู้ที่เป็นผู้นำมาโดยตลอด แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ!
ต่างก็ถูกคนอื่นแซงหน้าไปหมดแล้ว และนั่นก็ทำให้อู๋ตี้สิ้นหวังยิ่งนัก
มู่เฉียนซีลูบไปที่ขนสีขาวราวหิมะของอู๋ตี้ นางรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวนี้กำลังผิดหวังเป็นอย่างมาก
นางมองไปทางเทพหงส์จักรพรรดิแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพหงส์จักรพรรดิ ที่นี่น่าจะรวบรวมแกนวิญญาณของสัตว์วิญญาณไว้ใช่ไหม! ท่านสามารถที่จะแบ่งให้ข้าได้หรือไม่?”
เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าไม่พูด ข้าก็จะมอบของดี ๆ ให้เจ้าอยู่แล้ว เจ้ามากับข้าเถิด!”
อู๋ตี้กล่าวว่า “มีแกนวิญญาณอย่างนั้นหรือ?”
“มี มากมายเลยเชียวล่ะ! ในตอนแรกที่ข้ายังต่อสู้อย่างกล้าหาญอยู่นั้น ข้าก็ได้เก็บรวบรวมแกนวิญญาณของศัตรูไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว”
“และนี่ก็คือที่เก็บของมัน!”
เทพหงส์จักรพรรดิผลักประตูบานใหญ่บ้านนั้นเปิดออก ภายหลังประตูบานนั้นมีแกนวิญญาณของสัตว์วิญญาณอยู่นับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นแกนวิญญาณของสัตว์วิญญาณกองพะเนินสูงใหญ่เท่าภูเขาเลากา ดวงตาทั้งคู่ของอู๋ตี้ก็ส่องประกายแวววาวขึ้นมาทันที
“พระเจ้า! เหตุใดถึงมากมายเพียงนี้”
“ข้ามีความสุขมากเลยจริง ๆ!”
“โฮะ โฮะ โฮะ! มีแกนวิญญาณของสัตว์วิญญาณมากมายถึงเพียงนี้ การที่ข้าจะเลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพ ก็ไม่ยากเกินไปแล้ว”
อู๋ตี้กระโจนเข้าไปในมหาสมุทรแกนวิญญาณของสัตว์วิญญาณอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์เลยแม้แต่น้อย มู่เฉียนซีจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านเทพหงส์จักรพรรดิ แกนวิญญาณของสัตว์วิญญาณเหล่านี้สามารถมอบให้ข้าได้หรือไม่? ข้าต้องการมันทั้งหมดเลย”
เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวว่า “ข้าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว เจ้าจำเป็นต้องใช้ เช่นนั้นก็เอาไปเสียเถอะ! เจ้าได้มอบความตื่นเต้นระคนดีใจให้ข้ามามากมายแล้ว สิ่งของเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น”
ไม่เพียงแต่สามารถใช้ได้ ยังสามารถเอาออกไปได้อีกด้วย! อู๋ตี้ดีใจจนบ้าคลั่งไปแล้ว
เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวว่า “มากับข้าสิ! ข้าจะพาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่งด้วย”
“อื้ม!”
เทพหงส์จักรพรรดินำทาง และจิ่วเยี่ยก็คอยติดตามไปเป็นเพื่อน สถานที่ที่ห่างไกลนี้มีบันไดที่หมุนวนเป็นเกลียวและคดเคี้ยวไล่ลงไป
ทันทีที่มองลงไป ก็มองเห็นบ่อสีแดงเลือดแห่งหนึ่ง
พรึ่บ! ภายในบ่อนั้น มีเปลวเพลิงสีแดงฉานกำลังลุกโชนอยู่
มู่เฉียนซีมองไปทางเทพหงส์จักรพรรดิแล้วกล่าวว่า “ที่นี่คือที่ไหนกัน?”
เทพหงส์จักรพรรดิตอบกลับมาว่า “ที่แห่งนี้คือบ่อหงส์โลหิต ข้ารู้ว่าเจ้าได้ครอบครองสายเลือดของทั้งสามเผ่า มีเผ่ากิเลน ราชวงศ์มู่ และยังมีสายเลือดของเผ่าสวรรค์อีกด้วย การมีสายเลือดเดียวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่หากอยากแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้แล้วละก็ เจ้าก็สามารถที่จะแข็งแกร่งได้มากขึ้นกว่านี้อีก”
“ดูดซับเอาพลังสายเลือดเทพหงส์จักรพรรดิของบ่อหงส์โลหิต เจ้าก็จะสามารถที่จะเลื่อนขั้นได้ และนี่ก็ถือว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว!”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “ของขวัญชิ้นนี้ ซีก็รับมันไว้แล้ว! ทีนี้เจ้าก็ไปได้แล้ว”
เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวว่า “เอาล่ะ นี่ก็คือบ่อหงส์โลหิต เจ้าเด็กน้อยหากเจ้าอยากจะอยู่เป็นเพื่อนแม่สาวน้อยข้าก็ไม่ว่าหรอก แต่ทว่าเจ้าอย่ามาทำเรื่องอะไรพวกนั้นอย่างจริงจังกันที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เทพหงส์จักรพรรดิท่านโปรดวางใจได้เลย!”
“พวกเจ้าทั้งสองรักกันอย่างดูดดื่มถึงเพียงนี้ วางใจ? จะให้ข้าวางใจได้อย่างไรกัน”
ทันทีที่เทพหงส์จักรพรรดิจากไป จิ่วเยี่ยก็อุ้มมู่เฉียนซีขึ้นมา แล้วพาเดินไปยังบ่อหงส์โลหิตแห่งนั้น
ภายในบ่อหงส์โลหิตมีพลังของเลือดที่เข้มข้นเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีแรงกดดันของสายเลือดเทพหงส์จักรพรรดิที่แข็งแกร่งอีกด้วย
จิ่วเยี่ยเริ่มลงมือ ช่วยมู่เฉียนซีถอดเสื้อผ้าออก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าทำเองได้”
“เดี๋ยวซีจะต้องลำบากอีกมาก เช่นนั้นมอบให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด เจ้าต้องออมแรงเอาไว้!”
แต่ทว่า การถอดเสื้อผ้าที่ง่ายดายเช่นนี้ จะไปเปลืองแรงมากสักเท่าไรกันเชียวล่ะ! และมุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกยกขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่
หลังจากที่มู่เฉียนซีถอดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จิ่วเยี่ยก็ได้ถอดเสื้อผ้าของตนเองออกเช่นกัน
หลังจากนั้นก็อุ้มมู่เฉียนซีและเดินลงไปในบ่อหงส์โลหิตแห่งนั้น ในตอนที่เข้าไปในบ่อหงส์โลหิต จิ่วเยี่ยก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีคิดว่ากำลังเดินเข้าไปในบ่อน้ำร้อนธรรมดาเท่านั้น
แต่ทว่าจิ่วเยี่ยกลับกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นขึ้น ผิวกายแนบแน่น เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยนางลงไป
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
จิ่วเยี่ยตอบกลับมาว่า “มันจะเจ็บนะสิ!”
“อยากจะเปลี่ยนความแข็งแกร่งของสายเลือด ความเจ็บปวดเพียงชั่วครู่นี้ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ วางข้าลงหน่อย ท่านจะอุ้มข้าไปจนถึงเมื่อไรกัน?”
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าอยากอุ้มซี จะอุ้มไปตลอด”
มู่เฉียนซีหมดหนทาง นางขบไปที่ต้นคอของจิ่วเยี่ย จากนั้นก็กล่าวอย่างยั่วยวนว่า “รอให้ข้าแช่บ่อหงส์โลหิตจนอารมณ์ดีจากการเลื่อนขั้นแล้ว ข้าจะให้ท่านอุ้มได้ตามต้องการเลย แต่ทว่าตอนนี้ ท่านปล่อยมือก่อนดีหรือไม่?”
ภายใต้คำวิงวอนของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยจึงได้วางมู่เฉียนซีลงอย่างแผ่วเบา
เลือดที่ทรงพลังของเทพหงส์จักรพรรดิได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของมู่เฉียนซี ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ได้เริ่มทำให้ของเหลวที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของนางเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ในตอนแรกเริ่มพลังนี้ถือได้ว่าอ่อนโยนเลยทีเดียว ต่อมาหลังจากที่ต้องพบกับการบุกเข้ามาในร่างกายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้แขนขาทั้งสี่ของมู่เฉียนซีมีความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
จิ่วเยี่ยที่แช่อยู่ในน้ำเดือดเช่นเดียวกัน กลับดูไม่มีความรู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
เขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้พลางกล่าวว่า “หากซีเจ็บละก็ อยากจะกัดข้าก็สามารถทำได้ ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น!”
พลังของเลือดเทพหงส์จักรพรรดิเข้ามารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง มันกำลังมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ากำลังบ้าคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านกล่าวถูกแล้ว ข้าจะกัดท่าน อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ที่ท่านระเบิดพลังคำสาปออกมานั้นเป็นเรื่องที่ทำเกินไปหน่อย และข้าก็ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องนั้นเลย”
“ในเมื่อซีกระตือรือร้นที่จะคิดบัญชีถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็หาที่ที่อยากจะกัดเถอะ!”
“นั่นคือสิ่งที่ท่านพูดเองนะ!”
กึด! มู่เฉียนซีกัดลงไปทันที และนั่นก็ทำให้บนร่างกายของจิ่วเยี่ยทิ้งร่องรอยไว้มากมาย
อันที่จริงเทพหงส์จักรพรรดิไม่ได้คิดที่อยากจะไปรบกวนให้รำคาญใจ แต่ทว่า! เขาต้องตัดสินใจไปเนื่องจากพลังของบ่อหงส์โลหิตมีความผันผวนจนผิดปกติเล็กน้อย! พลังนั้นอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
เขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้มากนัก และเมื่อมาถึงจุดที่รู้สึกว่าห่างพอสมควรแล้ว บนใหน้าของเขาก็เผยให้เห็นถึงความตกใจขึ้นมา
“ตามสภาพของนางในตอนนี้ ต้องการที่จะดูดซับเลือดเทพหงส์จักรพรรดิของบ่อหงส์โลหิตจนหมดสิ้นไปเลยหรืออย่างไร! เดิมทีคิดว่านางสามารถดูดซับได้เพียงหนึ่งในสามส่วน นั่นก็เก่งกาจมากพออยู่แล้ว”
“ไม่คาดคิดมาก่อนว่าช่วงเวลาหลายปีมานี้ จะมีปีศาจเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วย ช่างวิปริตเกินไปแล้ว!”
“……”
พลังของจิ่วเยี่ยนั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ทว่าเทพหงส์จักรพรรดิรู้สึกว่า ศักยภาพของสาวน้อยผู้นี้น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเสียอีก
“ให้นางดูดกลืนไปให้หมดก็ดี ไม่สิ้นเปลือง! แต่ในทางกลับกันหลังจากนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาได้อีกแล้ว”
เทพหงส์จักรพรรดิออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ผลสุดท้ายแล้วนอกจากเสี่ยวโม่โม่ที่สามารถเลื่อนขั้นกลายเป็นสัตว์เทพได้แล้ว ก็ยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อีกตัวหนึ่งกำลังเลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพอยู่อีกด้านหนึ่งของคลังเก็บแกนวิญญาณเช่นกัน
เขากินไปเรื่อย ๆ ก็เลื่อนขั้นแล้ว เทพหงส์จักรพรรดิจ้องมองไปที่อู๋ตี้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยขนสีขาวราวกับรังไหมตัวนี้แล้วกล่าวว่า “เจ้าตัวนี้ก็แปลกประหลาดเช่นกัน ไม่รู้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด! ข้างกายของแม่สาวน้อยผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่พิลึกกึกกือแบบไหนต่างก็มีทั้งหมดเลยจริง ๆ”
หลังจากที่ค่อย ๆ ปรับให้เขากับบ่อหงส์โลหิตแล้ว มู่เฉียนซีก็ปล่อยจิ่วเยี่ยออกไป
ซู่ ซ่า ซ่า!
มู่เฉียนซีว่ายออกไปด้วยท่วงท่าที่งดงาม
จิ่วเยี่ยคิดอยากที่จะไปจับมู่เฉียนซี แต่สุดท้ายกลับถูกมู่เฉียนซีหลบเลี่ยงไปจนได้
จิ่วเยี่ยได้แสดงหลักฐานของการกระทำความผิดของมู่เฉียนซีออกมา เนื่องจากรอยประทับแต่ละรอยนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ข้ากลายเป็นเช่นนี้แล้ว หรือว่าซีจะไม่ปลอบโยนข้าสักหน่อยเช่นนั้นหรือ?”