ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1721 รักกันอย่างหวานชื่น
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ทว่า ตอนนี้ข้ากำลังจะเลื่อนขั้นได้แล้ว หากท่านต้องการการปลอบโยนจากข้าแล้วละก็ เช่นนั้นก็ฝันไปเถอะ”
นางกำลังจะเลื่อนขั้นแล้ว การไหลเวียนที่มั่นคงของพลังวิญญาณเติมเต็มไปทั้งร่างกายของนาง และทั่วทั้งบ่อหงส์โลหิตก็กำลังร้อนระอุขึ้นอย่างรุนแรง
คอขวดนั้นได้ถูกทำลายลงไปแล้ว และตอนนี้นางก็ได้กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าแล้ว!
ลำดับต่อไป ก็ยังคงต้องเอาชนะคอขวดอีกขั้นหนึ่ง นั่นก็คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก!
พลังส่วนใหญ่ต่างก็ถูกใช้ไปกับการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของสายเลือด และสายเลือดที่เปลี่ยนไปแข็งแกร่งมากที่สุดถึงจะนำมายกระดับให้ถึงขีดสุดได้
เช่นนั้นมู่เฉียนซีได้ยกระดับไปเพียงแค่สองระดับเท่านั้น เนื่องจากนางก็ไม่ได้โลภมากแต่อย่างใด
หลังจากที่นางเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าได้เพียงไม่นาน ตอนนี้นางก็ได้กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนยากจะเชื่อเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
หลังจากที่มู่เฉียนซีเลื่อนขั้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งบ่อหงส์โลหิตแห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นใสสะอาด เพราะพลังเหล่านั้นได้ถูกมู่เฉียนซีดูดซับไปจนหมดสิ้นแล้ว
ซู่!
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ขณะที่อยู่ในน้ำ และเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ซี ตอนนี้น่าจะพอได้แล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีเลื่อนขั้นแล้ว เสี่ยวโม่โม่ที่อยู่กลางอากาศก็พับปีกทั้งสองข้างลง เนื่องจากมันก็เลื่อนขั้นได้สำเร็จแล้วเช่นกัน
อู๋ตี้ปีนป่ายออกมาจากรังไหมแสงนั้น และหลังจากนั้นก็หัวเราะออกมาด้วยความภาคภูมิใจพลางกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!เจ้าหมอนั่นยังหลับใหลไปเพราะการเลื่อนขั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย ส่วนข้าสามารถเลื่อนขั้นได้แล้ว จากนี้ก็ปล่อยให้เจ้าหมอนั่นกระอักเลือดไปเสียเถอะ!”
ทั้งหมดต่างก็พากันเลื่อนขั้นได้อย่างราบรื่น เทพหงส์จักรพรรดิก็มีความสุขเป็นอย่างมากเช่นกัน
เขารู้สึกว่าพลังที่อยู่ในร่างกายเหลือไม่มากเท่าไรนัก แต่ทว่าตอนนี้เจ้าคนหนุ่มสาวนั่นยังคงพลอดรักกันอยู่อย่างหวานชื่นอยู่เลย การไม่ไปรบกวนพวกเขานั้น ก็ถือว่าเขามีเมตตามาก ๆ แล้ว
เทพหงส์จักรพรรดิทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มอย่างหมดหนทาง และเล่าเรื่องราวให้เสี่ยวโม่โม่ฟังต่อไป
อู๋ตี้กล่าวว่า “เทพหงส์จักรพรรดิ เรื่องราวของท่านนี้ล้าสมัยเกินไปแล้วจริง ๆ เสี่ยวโม่โม่ เจ้าฟังที่ข้าพูดดีกว่า”
“……”
ในดินแดนหงส์ตอนนี้ เปลวเพลิงของสงครามได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งดินแดนแล้ว
ถึงแม้ว่าจื่อโยวจะแอบพาคนเข้ามายังดินแดนหงส์ด้วย แต่กลับไม่ได้มีคนมากมายเท่าไรนัก
ในตอนนี้เทพราชากลับยังไม่หยุดที่จะขอให้ทางดินแดนเทพส่งกำลังมาช่วยเหลือ และทันทีที่ได้ยินว่าคนของหวงจิ่วเยี่ยมาก่อความวุ่นวาย ก็แน่นอนว่าเทพจักรพรรดิได้ส่งกองกำลังที่เก่งกาจมากมาแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแข็งแกร่งด้วยกันทั้งสิ้น
“เทพจักรพรรดิมีคำสั่ง ว่าจำเป็นที่จะต้องพิชิตหงส์ที่ออกนอกลู่นอกทางเหล่านี้ ในฐานะที่เป็นเผ่าสัตว์เทพของเผ่าหงส์ ก็ควรที่จะต้องกลายมาเป็นข้ารับใช้ของเผ่าเทพ”
“ในส่วนกำลังคนของฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ก็สังหารไปเสียให้หมด!และจำต้องทำลายให้สิ้นซาก แม้ว่าต้องทำลายดินแดนหงส์ ก็ไม่อาจปล่อยกากเดนเหล่านี้เอาไว้ได้”
คำสั่งของเทพจักรพรรดิแห่งดินแดนเทพ แน่นอนว่าเทพราชาหลานอี้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว
ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ล่วงล้ำเข้ามา และเผ่าหงส์ก็กำลังตกอยู่ในอันตราย แม้แต่พลังชีวิตของต้นถงเหยี่ยนก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแอลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
จื่อโยวต่อสู้กับศัตรูอย่างบ้าคลั่งอยู่กลางอากาศ เมื่อจื่อโยวต้องมาเผชิญหน้ากับเรื่องราววุ่นวายของพวกที่ขวางหูขวางตาเหล่านี้ก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า “เยี่ย เจ้ารีบกลับมาเสียที มิเช่นนั้นข้าจะหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดเลย”
การเผชิญหน้ากับเผ่าเทพในดินแดนหงส์ สำหรับพวกเขาแล้วเป็นเรื่องที่เสียเปรียบมากเกินไป
แต่ทว่าหากต้องจากไปจริง ๆ เผ่าหงส์ก็จะต้องตกเป็นทาสของเผ่าเทพอย่างแน่นอน
เมื่อหวงจิ่วเยี่ยสมความปรารถนาแล้ว เทพหงส์จักรพรรดิก็ได้บุกเข้ามาอย่างกะทันหัน
“แม่สาวน้อย ตอนนี้เจ้าก็ได้รับของที่มีประโยชน์ไปเกือบทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ต้องทำงานเพื่อข้าได้แล้วใช่หรือไม่?” เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านเทพหงส์จักรพรรดิ โปรดพูดมาเถิด”
เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะดับสิ้นไปนานแล้ว แต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของดินแดนหงส์ในเวลานี้เป็นอย่างดี เผ่าเทพนี่ช่างไร้ยางอายเสียจริง คิดว่าเผ่าหงส์ของพวกข้าน่ารังแกมากเลยเช่นนั้นหรือ?”
“ข้าต้องการให้เจ้า ขับไล่เผ่าเทพออกไป”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหมดหนทางว่า “ท่านเทพหงส์จักรพรรดิ เรื่องนี้ ข้าไม่อาจที่จะทำมันได้ในเวลานี้ และเนื่องจากคำสาปของจิ่วเยี่ยยังไม่ได้ถูกถอนออก มันจึงทำให้เขาไม่อาจแสดงพลังทั้งหมดได้”
เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวว่า “คิดว่าตอนที่ข้าจากโลกนี้ไปแล้วจริง ๆ จะไม่มีของดี ๆ เลยเช่นนั้นหรือ? ข้าจะมอบของให้เจ้าสองอย่าง หากมีของสองอย่างนี้แล้วพวกเจ้ายังไม่สามารถที่จะทำได้แล้วละก็ เช่นนั้นก็ถือว่าตาข้าไม่มีแววก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูท่าแล้วท่านเทพหงส์จักรพรรดิจะมีไพ่เด็ดมอบให้ข้าสินะ ข้าจะตั้งตารอดูเลยทีเดียว”
ทันใดนั้นตราสัญลักษณ์เปลวเพลิงสีแดงฉานอันหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวว่า “นี่คือทหารในคำสั่งของเทพหงส์จักรพรรดิ แม้ว่ากำลังคนของข้าจะตายไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีพลังและจิตวิญญาณในการต่อสู้หลงเหลืออยู่ในตราสัญลักษณ์นี้ หากต้องการที่จะทำสงครามใหญ่กับเผ่าเทพแล้วละก็ แน่นอนว่าเจ้าสามารถเรียกพวกเขาออกมาต่อสู้กับเผ่าเทพได้ เพียงแต่มันสามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
นี่คือกองทัพที่ครั้งหนึ่งเคยมีเทพหงส์จักรพรรดิเป็นผู้นำ และมีพลังในการสู้รบมากมาย จนแม้แต่มู่เฉียนซีก็จินตนาการไม่ถึงอย่างแน่นอน
เป็นไพ่เด็ดที่ใหญ่มากเลยทีเดียว!
หลังจากนั้นเทพหงส์จักรพรรดิก็ได้หยิบลูกบอลสีดำลูกหนึ่งออกมา
มู่เฉียนซีจึงกล่าวถามขึ้นว่า “เช่นนั้นแล้ว…นี่คือ?”
“เรื่องที่เผ่าเทพทำนั้นมันมากเกินไปจริง ๆ คิดที่จะผนึกเผ่าหงส์ของข้า! ดินแดนหงส์ของข้าจะให้เขามาผนึกได้อย่างไรกัน หลังจากที่ขับไล่คนของเผ่าเทพออกไปได้แล้ว ก็สามารถเอาสิ่งนี้ออกมา จากนั้นก็ทำลายผนึกซะ! เมื่อทำลายผนึกไปแล้ว มันก็จะทำให้พลังวิญญาณของดินแดนหงส์ฟื้นฟูจนกลับมาอยู่ในสภาวะปกติได้ อีกทั้งในเวลาเดียวกันมันก็จะสามารถขัดขวางไม่ให้คนของเผ่าเทพเข้ามาได้อีกด้วย และสิ่งนี้น่าจะคงอยู่ไปได้นานถึงหลายร้อยปีเลยทีเดียว”
“และหลังจากนี้อีกร้อยปี ก็ค่อยมารอดูเจ้าตัวน้อยนี้กันก็แล้วกัน!” เทพหงส์จักรพรรดิลูบหัวเสี่ยวโม่โม่อย่างแผ่วเบา
หงส์นิลแห่งความมืดใช้เวลาเติบโตเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี ทั้งยังได้อยู่ข้างกายของคนร้ายกาจเช่นนี้ มันจะสามารถเติบโตไปได้ถึงเพียงไหนกัน เป็นเรื่องที่แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจจินตนาการได้
อย่างไรก็ตามเมื่อรอให้เจ้าตัวน้อยนี้เติบโตขึ้นมาแล้ว และพวกเผ่าเทพยังกล้ามาหาเรื่องกับพวกเขาเผ่าหงส์อีก ก็เตรียมตัวโชคร้ายกันได้เลย!
“มีของทั้งสองสิ่งนี้แล้ว แม่สาวน้อยเจ้าจะรับปากได้แล้วใช่หรือไม่?” เทพหงส์จักรพรรดิกล่าวถาม
“ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่นอน!” มู่เฉียนซีตอบกลับ
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ควรที่จะไปได้แล้ว ข้าไม่อยากให้มีผู้ใดมาเห็นตอนที่ข้ากำลังจะหายไป เช่นนั้นพวกเจ้าก็รีบออกไปเสียเถอะ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีรับปากตามคำขอร้องของเขาแล้ว เทพหงส์จักรพรรดิก็ไล่คนออกไปอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตกลง!”
จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้พลางกล่าวว่า “ซี พวกเราไปกันเถอะ!”
รอให้พวกเขาทั้งสองคนหายไปจากสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้ว ทั่วทั้งสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ตกอยู่ในความเงียบสงบ
รอยยิ้มอันงดงามปรากฏอยู่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเทพหงส์จักรพรรดิ และสุดท้ายแล้วเขาก็ได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
“ท่านจื่อโยว!” บนร่างกายของท่านเหมยปรากฏรอยแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกเพิ่มมาอยู่เล็กน้อย แต่ทว่าเขาเป็นห่วงจื่อโยวที่ถูกล้อมโจมตีจากยอดฝีมือหลายคนอยู่กลางอากาศมากกว่า
ครืนนน!
กองทัพใหญ่ของเผ่าเทพกำลังเข้ามาอย่างน่าสะพรึงกลัว และเกาะป้องกันของดินแดนหงส์ก็กำลังจะถูกทำให้พังทลายลง
เทพราชาหลานอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าจะกังวลไปทำไมล่ะ? การต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ จะไม่มีการคัดค้านอีกต่อไปแล้ว!”
“ยอมแพ้เสียเถอะ!”
สีหน้าของพวกราชาโม่และราชินีหลานต่างก็ซีดเซียวเป็นอย่างมาก เหลยป้ากล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “มาเถอะ! ถึงแม้ว่าข้าจะต้องตาย ก็ไม่มีทางที่จะยอมแพ้อย่างแน่นอน!”
“ช่างเป็นกลุ่มคนที่ยุ่งยากเสียจริง นอกจากเด็กของเผ่าหงส์อัสนีแล้ว คนที่เหลือก็ฆ่าทิ้งเสียให้หมด อย่าเหลือไว้แม้แต่คนเดียว!” เทพราชาสั่งการกับหัวหน้าเผ่าหงส์ม่วงและหงส์น้ำแข็ง
หลังจากที่ออกมาจากสุสานจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้ว มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยกลับมาที่แคว้นหงส์นิลก่อน
แต่ทว่าที่แคว้นหงส์นิลในตอนนี้ กลายเป็นซากปรักหักพังไปหมดแล้ว
“ท่านตา…”
เสี่ยวโม่โม่ตื่นตระหนก จนกลับกลายเป็นร่างเดิมในอากาศ
“ท่านตาอยู่ทางนั้น ท่านตาไม่เป็นอะไร!”
ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ทำให้เสี่ยวโม่โม่รับรู้ได้ว่าราชาโม่ยังคงปลอดภัยดีอยู่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทางนั้นก็คือแคว้นเหลยหวง สุ่ยจิงอิ๋ง รีบไปที่นั่นเร็วเข้า! ไปแคว้นเหลยหวง เร็ว…”
ลูกน้องของเทพราชา รวดเร็วกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มากนัก หวังว่าจะยังไม่สายเกินไป และหวังว่าพวกเขาและจื่อโยวยังสามารถที่จะรับมือได้!
ขณะเดียวกันคนทรยศของเผ่าหงส์ก็กำลังบุกตะลุยเข้าไปภายใต้คำสั่งการของหัวหน้าเผ่าหงส์น้ำแข็ง และกำลังเหยียบย่ำเกือบจะทั่วทั้งแคว้นเหลยหวงเลยทีเดียว